บทที่ 1
บทนำ
ภูมิหลัง
การพัฒนาประเทศชาติ จะเป็นไปอย่างรวดเร็วหรือล่าช้าย่อมขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จัดการศึกษาให้กับประชากรของประเทศนั้น ๆ เพราะการจัดการศึกษาเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้ประชากรได้รับการศึกษา เพื่อมุ่งผลไปสู่การพัฒนาประเทศและที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาประเทศ การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่จะต้องพัฒนาด้านการศึกษาให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้คนได้พัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่การวางรากฐานพัฒนาการของชีวิตตั้งแต่แรกเกิด การพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านต่าง ๆ ที่จะดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุข
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 49 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐ จะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิและการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่นการจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ
มาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
มาตรา 52 เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็ก และเยาวชนเป็นสำคัญ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม ทั้งมีสิทธิได้รับการบำบัดฟื้นฟู ในกรณีที่มีเหตุดังกล่าวการแทรกแซงและการจำกัดสิทธิของเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อสงวนและรักษาไว้ซึ่งสถานะของครอบครัวหรือประโยชน์สูงสุดของบุคคลนั้นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแลมีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรมที่เหมาะสมจากรัฐ
มาตรา 80 รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การสาธารณสุข การศึกษา และวัฒนธรรม ดังต่อไปนี้
(1) คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน สนับสนุนการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา ปฐมวัย ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบัน ครอบครัวและชุมชน รวมทั้งต้องสงเคราะห์และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือ ทุพพลภาพ และผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้
(2) ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบสุขภาพที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพอันนำไปสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนของประชาชน รวมทั้งจัดและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มี มาตรฐานอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เอกชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา สุขภาพและการจัดบริการสาธารณสุข โดยผู้มีหน้าที่ให้บริการดังกล่าวซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐาน วิชาชีพและจริยธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
(3) พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาในทุกระดับและทุกรูปแบบ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม จัดให้มีแผนการศึกษาแห่งชาติ กฎหมาย เพื่อพัฒนาการศึกษาของชาติ จัดให้มีการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ก้าวหน้า ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก รวมทั้งปลูกฝังให้ผู้เรียนมีจิตสำนึกของความเป็นไทยมีระเบียบวินัย คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
(4) ส่งเสริมและสนับสนุนการกระจายอำนาจเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน องค์การทางศาสนา และเอกชน จัดและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพ การศึกษาให้เท่าเทียมและสอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
(5) ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยในศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ และเผยแพร่ข้อมูล ผลการศึกษาวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาวิจัยจากรัฐ
(6) ส่งเสริมและสนับสนุนความรู้รักสามัคคีและการเรียนรู้ ปลูกจิตสำนึก และเผยแพร่ ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ ตลอดจนค่านิยมอันดีงามและภูมิปัญญาท้องถิ่น
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ได้กำหนดความมุ่งหมายและ
หลักการของการจัดการศึกษาไว้ในมาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาจะช่วยสร้างความเจริญทางความคิด จิตใจ ทั้งยังพัฒนาตนเองด้านต่างๆ ตลอดช่วงชีวิตเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลระหว่างความเจริญทางจิตใจกับและความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ในการพัฒนาคนนั้นจะต้องให้มีความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม และคุณธรรมต้องควบคู่กันไปเสมอ เพราะเมื่อบุคคลหนึ่งมีความรู้ แต่มีความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม และคุณธรรมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมจะนำไปสู่การใช้ความรู้ในทางที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งตนเอง และส่วนรวม (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,2542 : 5)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อมความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่น โดยกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 16 ข้อ (6) เรื่องการจัดการศึกษา ให้องค์กรปกรองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครู มีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาเพื่อที่จะได้พัฒนาการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับต่อไป
วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2
ความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
1. ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุง พัฒนา การดำเนินงานของโรงเรียนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
2. นำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนการจัดการศึกษาของโรงเรียนให้เป็นไปอย่างมีระบบ
3. นำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนต่อไป
4. เป็นข้อมูลพื้นฐานให้สามารถจัดโครงการประเมินผลการดำเนินงานของผู้บริหาร ครู และผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1. เนื้อหา
การศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้ มุ่งศึกษาการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ดังนี้
1. ด้านการบริหารงานวิชาการ
2. ด้านการบริหารงานบุคคล
3. ด้านการบริหารงบประมาณ
4. ด้านการบริหารทั่วไป
2. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างผู้ศึกษากำหนดขนาดของตัวอย่างจากตามรางกำหนดขนาดตัวอย่างของ Robert V.Krejcie and Earyle W.Morgan ได้จำนวน 162 คน ทำการสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีการจับสลาก
3. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
3.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่
3.1.1 เพศ
3.1.2 อาชีพ
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 จำแนกเป็น 4 ด้าน คือ
3.2.1 ด้านการบริหารงานวิชาการ
3.2.2 ด้านการบริหารงานบุคคล
3.2.3 ด้านการบริหารงบประมาณ
3.2.4 ด้านการบริหารทั่วไป
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการจัดการศึกษา หมายถึง ความรู้สึกที่ดี ความรู้สึกชอบ ที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง ในสภาพการจัดองค์ประกอบที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมประกอบการเรียนการสอนของผู้ปกครอง 4 ด้าน ดังนี้
1.1 ด้านการบริหารงานวิชาการ หมายถึง การดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดระบบการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร การวัดผลและประเมินผลการเรียน รวมทั้งการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและส่งเสริมความสามารถทางวิชาการของนักเรียน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของภารกิจของสถานศึกษา
1.2 ด้านการบริหารงานบุคคล หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับงานด้านบุคลากรที่มีอยู่ให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การจัดบุคลากรเข้าปฏิบัติงาน การพัฒนาบุคลากร เช่น การอบรม การเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานต่าง ๆ
1.3 ด้านการบริหารงบประมาณ หมายถึง การจัดทำและเสนองบประมาณการจัดสรรงบประมาณ การตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล รายงานผลการใช้เงินผลการดำเนินงานการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา การบริหารการเงิน การบริหารบัญชี การบริหารพัสดุและการคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดจนดูแลความสะดวกต่าง ๆ
1.4 ด้านการบริหารทั่วไป หมายถึง การดำเนินงานเกี่ยวกับตัวนักเรียนโดยมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมประสบการณ์แก่นักเรียน เพื่อช่วยส่งเสริมการเรียนในหลักสูตรให้บรรลุสำเร็จยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการประสานสัมพันธ์ระหว่างชุมชนในด้านการรับ – ส่ง ข่าวสารข้อมูลถึงผู้ปกครอง พร้อมรับข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากชุมชน
2. ผู้ปกครองนักเรียน หมายถึง บิดา มารดา หรือผู้ปกครองที่ไว้วางใจจนฝากบุตร – ธิดา มาอยู่ด้วยและส่งเข้าเรียนในโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2
3. การจัดการศึกษา หมายถึง การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนของโรงเรียน
กรอบแนวคิดในการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการศึกษา ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ตามแผนภูมิแสดงกรอบแนวคิดในการศึกษาค้นคว้าดังนี้
แผนภูมิแสดงกรอบแนวคิดในการศึกษาค้นคว้า
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
1. เพศ 2. อาชีพ
|
การบริหารงานโรงเรียน 4 ด้าน 1. ด้านการบริหารงานวิชาการ 2. ด้านการบริหารงานบุคคล 3. ด้านการบริหารงบประมาณ 4. ด้านการบริหารทั่วไป
|
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ เรื่อง ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ผู้ศึกษาได้ค้นคว้าเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยลำดับเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1. สภาพทั่วไปของโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี
2. ทฤษฎี แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษา
3. ความสำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา
4. ขอบข่ายของการบริหารการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
5. ทฤษฎี แนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ
6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยในประเทศ
งานวิจัยต่างประเทศ
สภาพทั่วไปของโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง
โรงเรียนชุมชนบ้านโนนสวาง ตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2478 ครั้งแรกตั้งขึ้นเป็นสาขาของโรงเรียนบ้านโคกเลาะ เขตบริการของโรงเรียนคือ หมู่ที่ 1 บ้านโนนสวาง หมู่ที่ 2 บ้านหนองยาง หมู่ที่ 3 บ้านโนนสังข์ หมู่ที่ 15 บ้านโนนสวางน้อย หมู่ที่ 18 บ้านโนนสวางบูรพา หมู่ที่ 19 บ้านโนนสังข์
ที่ตั้งเลขที่ 231 หมู่ที่ 1 ตำบลโนนสวาง อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี รหัสไปรษณีย์ 34270 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา อุบลราชธานี เขต 2
ตารางที่ 2.1 ข้อมูลแสดงจำนวนนักเรียน ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนบ้านโนนสวาง
ที่ |
ระดับ |
จำนวนนักเรียน |
หมายเหตุ |
1 |
อนุบาล 2 |
40 |
|
2 |
ประถมศึกษาปีที่ 1 |
38 |
|
3 |
ประถมศึกษาปีที่ 2 |
27 |
|
4 |
ประถมศึกษาปีที่ 3 |
40 |
|
5 |
ประถมศึกษาปีที่ 4 |
36 |
|
6 |
ประถมศึกษาปีที่ 5 |
52 |
|
7 |
ประถมศึกษาปีที่ 6 |
47 |
|
รวม |
280 |
|
ข้อมูลข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา
ผู้บริหาร 2 คน
ครู 14 คน
ลูกจ้างประจำ 2 คน
รวม 18 คน
ทฤษฎี แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษา
พนม พงษ์ไพบูลย์ (2546 : 321 - 335) ได้กล่าวถึง แผนการศึกษาแห่งชาติที่กำหนดแนวนโยบายพัฒนาคุณภาพของการศึกษาเพื่อการดำเนินการ ดังนี้
การปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยให้สถานศึกษาปฏิบัติ ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2541 : 55 - 56)
1. จัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่น ให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียนในสิ่งที่สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด ความสามารถแสวงหาความรู้และฝึกการปฏิบัติในสภาพที่เป็นจริง รู้จักคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยครูทำหน้าที่เป็นผู้นำ จัดบรรยากาศ ใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความรู้และการเรียนรู้ของผู้เรียน
2. จัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการส่งเสริมคุณลักษณะ ความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองดีของชาติ การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการศึกษาต่อ โดยศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะที่พึงประสงค์ในการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้สาระของหลักสูตรมีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น
3. สนับสนุนพ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน พระภิกษุ นักบวช ผู้นำทางศาสนา และผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ให้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งประโยชน์แก่ผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อพัฒนาให้นักเรียนเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข
4. จัดระบบประเมินการเรียนรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในกระบวนการเรียนการสอนด้วยวิธีที่หลากหลาย ทั้งในระดับบุคคล ห้องเรียน โรงเรียน ท้องถิ่น เขตพื้นที่และระดับชาติโดยมีการประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์อย่างได้สัดส่วนกับการประเมินผลด้านวิชาการ
5. จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งในด้านความถูกต้องและความเหมาะสมของเนื้อหาที่สอน วิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมและผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักสูตรและวิธีการสอนให้ทันสมัย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
6. สถาบันผลิตครูต้องปรับปรุงหลักสูตร กระบวนการผลิต การบริหาร การจัดการและการพัฒนา เพื่อให้สามารถผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของหน่วยงานใช้ครู เช่น ครูและบุคลากรทางการศึกษาสำหรับการศึกษาพิเศษ ครูและบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งความต้องการของชุมชนและของประเทศโดยรวม
7. สถานศึกษาในฐานะหน่วยงานใช้ครูดำเนินการให้มีการบริการ งานบุคคลที่สอดคล้องกับนโยบาย กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนด และจัดระบบ การประเมินคุณภาพภายในของครู เพื่อให้ประโยชน์ในการเรียนรู้ของผู้เรียนและการพัฒนาตนเองของครูและบุคลากรทางการศึกษา
8. สถานศึกษาในทุกระดับการศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาและจัดทำรายงานประจำปีเปิดเผยต่อสาธารณชน รวมทั้งจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542
การปฏิรูปการศึกษามีความมุ่งหมายที่จะจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทย ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มีความสามารถและมีความสุข การดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีพลังและมีประสิทธิภาพจำเป็นที่จะต้องมีการกระจายอำนาจ และให้ทุกฝ่าย มีส่วนร่วม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (2546 : 6) การที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ จัดการศึกษาอย่างเข้มแข็งจะนำมาซึ่งกระบวนการประชาคมในท้องถิ่นนั้นก็เข้มแข็งด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้เกิดพลัง อาจต่อยอดไปสู่กิจกรรมชุมชนที่ดีอื่นๆ อีกมากมาย สำนักงานปฏิรูปการศึกษา (2545 : 84)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนด ความมุ่งหมายในการจัดการศึกษาและกำหนดหลักการจัดการศึกษาไว้ในมาตรา 6 และมาตรา 8 ดังนี้
“การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายจิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข”
การจัดการศึกษาต้องยึดหลัก เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับ ประชาชน ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และมีการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จ ในการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ.2542 จำเป็นต้องมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษาและเพิ่มการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาจากทุกส่วนของสังคม
มาตรา 9 ได้วางหลักการพื้นฐานสำคัญในการปรับเปลี่ยนระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการที่มีจุดมุ่งหมายไปสู่การปฏิรูปการเรียนรู้ไว้ 6 ประการ คือ
1. การมีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
2. การกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3. การกำหนดมาตรฐานการศึกษาและการจัดระบบการประกัน คุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
4. การส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์และบุคลากรทาง การศึกษาและการพัฒนาครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
5. การระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
6. การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น
ในมาตรฐาน 29 ให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพื่อชุมชนมีการจัดการศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสารและ รู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการรวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาระหว่าง ชุมชน
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองนักเรียน ชุมชนที่แวดล้อมนักเรียน องค์กรรัฐหรือองค์กร เอกชนสถานประกอบการ จะเห็นว่า สถาบันเหล่านี้มีส่วนช่วยสนับสนุนและส่งเสริม การจัดการศึกษาเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาดังกล่าว อย่างมีประสิทธิภาพ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 มาตรา 41 บัญญัติ ไว้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ,2542 : 22)
การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ์ และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึง และมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากรัฐ เอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ยังให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชนองค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นๆ มีสิทธิ์ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยมีการบริหารและการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น ในการนี้ให้กระทรวงมีหน้าที่ประสานและส่งเสริม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณการเงินและทรัพย์สินจากทั้งรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจเก็บภาษี เพื่อการศึกษาได้ตามความเหมาะสม มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษาการบริจาคทรัพย์สินตลอดจนการมีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาตามความเหมาะสมและความจำเป็น ทั้งนี้ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมและให้แรงจูงใจในการระดมทรัพยากรด้วย
ความสำคัญและจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา
แนวนโยบายการจัดการศึกษาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2545–2559
วิสัยทัศน์
จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพ และศักยภาพคนในท้องถิ่น ให้มีคุณลักษณะที่สามารถบูร
ไม่มีความเห็น