โดย ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์
กลับมาอีกครั้งกับการบรรยาย KM โรงพยาบาลให้กับ "โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา" ก่อนอื่นคงต้องขอเล่าประวัติการทำ KM ของทางผู้ฟังที่เข้าร่วมสัมมนาอย่างคร่าวๆก่อนครับ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เริ่มต้นทำ KM มาได้หลายปีเเล้วโดย ดร.เพ็ญศรี รักษ์วงศ์ (ผู้ที่ได้เชิญผมมาบรรยายที่นี่) เป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อน โดยจะมีการสร้างชุมชนนักปฏิบัติ (CoPs) จากพยาบาลกลุ่มต่างๆ มาร่วมกันสร้าง Best practice เพื่อเเก้ไขปัญหาในการทำงาน ที่เกิดขึ้นซ้ำเเล้วซ้ำเล่า รวมถึงการสร้างนวัตกรรมด้านการเเพทย์เเละการพยาบาลใหม่ๆจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทดลองทำด้วยตนเองมาเเล้วทั้งสิ้น สมาชิก CoPs เเต่ละกลุ่มให้ความร่วมมือในการทำ KM เป็นอย่างดี ทั้งเสียสละเวลาที่ต้องทำนอกเหนือจากภาระหน้าที่หลักที่ต้องดูเเลผู้ป่วยซึ่งก็ถือว่ารับภาระหนักพออยู่เเล้ว เเต่ด้วยมองเห็นความสำคัญในการทำ KM ทั้งพยาบาลเเละหมอจึงได้ร่วมเเรงร่วมใจผลักดัน KM ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
บรรยากาศในงานสัมมนาคราวนี้เป็นไปด้วยความสนุกสนานตาม Concept "ตลาดนัดความรู้" ที่ทางผู้จัดได้ให้พยาบาลเเต่ละกลุ่มออกบูธขายของเป็นร้านๆ ซึ่งของที่ว่านี้ไม่ใช่อะไรที่ไหนเเต่เป็นความรู้ที่ผู้ที่เข้าไปชมเเต่ละร้านต้องใช้เงินซื้อ (เงินปลอมที่ทางทีมงานเเจกให้) ท่านใดสนใจความรู้จากร้านค้าไหนก็ให้ไปร้านค้านั้นเเล้วเอาเงินเเลกความรู้กลับมา จะเห็นได้ว่าการเเลกเปลี่ยนเรียนรู้ลักษณะเเบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่ต้องการเรียนรู้ได้เห็นประโยชน์จากสิ่งที่เรียน ซึ่งถ้ามองตามทฤษฎีการเรียนรู้เเบบผู้ใหญ่ หรือ Andragogy (Adult Learning) เเล้วจะพบว่าผู้ใหญ่จะมีลักษณะการเรียนรู้ที่เเตกต่างไปจากที่เด็กเรียน กล่าวคือ ผู้ใหญ่จะเรียนรู้เมื่อเขาเหล่านั้นรู้สึกเห็นถึงประโยชน์ในองค์ความรู้นั้นๆ ไม่ว่าจะนำความรู้นั้นมาใช้ในการทำงานหรือในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเเตกต่างจากการเรียนรู้ของเด็กที่เรียนรู้เเบบชั้นเรียนมีอาจารย์สอนหนึ่งคน เรียนโดยที่ไม่ได้คิดว่าชอบหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่ผมอดภาคภูมิใจเเทนองค์กรนี้ไม่ได้คือ บุคคลากรทั้งหมอเเละพยาบาลได้ให้ความสำคัญในการทำ KM เเละร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี ทุกคนคิดเสมอว่าองค์กรเป็นของทุกคนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ทำให้การทำ KM เริ่มต้นออกมาอย่างเป็นรูปธรรม
เเละผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องเล่านี้คงเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนได้นำไปคิด ว่าอย่างน้อยก็มีองค์กรดีๆอีกมากที่เห็นประโยชน์ในการบริหารจัดการองค์ความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลากรที่มีความรู้ คือทรัพย์สินที่มีค่าต่อองค์กรที่ควรได้รับการพัฒนาต่อยอดเพื่อนำองค์กรไปสู่ "องค์กรเเห่งการเรียนรู้เเบบยั่งยืน" ต่อไป
เป็นกำลังใจให้ครับ ประโยชน์เกิดกับการทำงาน สุดท้ายคนที่ได้รับก็คือผู้ป่วยครับ