3 คาถาของคนทำงาน(อย่างเราๆ)


3 คาถาของคนทำงาน(อย่างเราๆ)

3 คาถาของคนทำงาน(อย่างเราๆ)
1.
คาถาคนทำงาน
ขั้นแรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ
อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน
อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน   <====== อันนี้ โดน
พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า

2.
คาถาปล่อยวาง
กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา
เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย
จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

3.
คำสอนของพระพุทธเจ้า
อย่าไปนึกว่า  ' คนอื่น '   เหนือ   กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
อย่าไปนึกว่า   ' คนอื่น '   ต่ำ     กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
อย่าไปนึกว่า  ' คนอื่น '   เสมอ     เท่าเรา   เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
จงนึกเสมอว่า ' คนอื่นทุกคน ' เป็นเพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด    

 

 
    การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้
> 1.
อย่าเป็นนักจับผิด  
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก '   คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ' จิตประภัสสร ' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '

> 2.
อย่ามัวแต่คิดริษยา  
'
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน   ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน '
คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร '   ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน  
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป


> 3.
อย่าเสียเวลากับความหลัง  
90%
ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น '
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน '
'
อยู่กับปัจจุบันให้เป็น '   ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา


> 4.
อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ  
'
ตัณหา ' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ   ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '  
ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม   < /FONT> เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์  
เราต้องถามตัวเองว่า ' เิกิดมาทำไม ' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ
คำว่า ' พอดี '   คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี '     รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
หมายเลขบันทึก: 385480เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2010 09:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท