กำลังเดินหน้าต่อ พร้อมหันมองดูประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ออกสตาร์ทเริ่มงานในชีวิตเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยประเด็น สิทธิมนุษยชน ร่วมกับทีมนักวิชาการด้านกฎหมาย
แม้ตัวเองจะจบด้านมานุษยวิทยา และชอบทำงานชุมชน แต่ก็ได้ไปวิ่งงานผลักดันนโยบายอยู่พักนึง ก่อนจะพยายามค้นหาตัวเองด้วยการดิ้นรนกลับมาทำงานชุมชนอีกครั้งเมื่อ 3-4 ปีก่อน ด้วยตระหนักว่า เมื่อพวกเขาได้ "สิทธิ" ที่ไขว่คว้ามานาน แต่ชีวิตก็ยังวิ่งอยู่ในวังวนติดกับของ "การพัฒนา" จนบางคนเอาชีวิตไม่รอด !!
แม้จะชอบงานพื้นที่แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ด้านงานพัฒนาเลย ได้แต่พยายามแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนชัดว่าจะเลือกสวัสดิการชุมชน เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวบ้านช่วยเหลือกันและพึ่งพาตนเอง ในการสร้างความมั่นคงในชีวิตให้ตนเอง ครอบครัวและชุมชน
และไม่นานมานี้ อาจารย์แหวว นักกฎหมายที่ทำงานสิทธิมนุษยชนร่วมกันมา ก็ต้องหันมาทำการบ้านเรื่อง สวัสดิการสังคม ในวาระที่กระทรวงพัฒน์ชูประเด็น "วาระสังคมสงเคราะห์และพัฒนาสังคม : มาร่วมกันสร้างสิทธิมนุษยชนที่เป็นจริงในสังคม"
วันนี้ขณะกำลังเตรียมแผนการสอนชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ในหลักสูตร "ภาษาไทยเพื่อชีวิต" ที่บูรณาการภาษาไทย ที่ชาวบ้านอยากเรียนรู้กับแนวคิดงานพัฒนาต่างๆ ที่มุ่งให้ชาวบ้านรู้จักพึ่งตนเองได้ในสังคมไทย ในบทสรุปสุดท้ายหัวข้อ "ทางออกในปัญหาปัจจุบัน" ที่พยายามใส่แนวคิดเรื่องการจัดสวัสดิการชุมชน เข้าไปว่าคือ "ทางออก"
ก็มานึกถึงการเรียนการสอนชั่วโมงก่อนๆ ที่ให้พวกเขาแลกเปลี่ยนกันถึงปัญหาในชุมชน ก็มีหลากหลาย ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ แต่ที่ถกเถียงกันมากคือ เรื่องปัญหาการจัดการศึกษาของโรงเรียนบนดอย พวกเขาถูกละเมิดสิทธิที่พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นสิทธิ สิทธิในการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาของบุตร ร่วมตรวจสอบการจัดการศึกษาของโรงเรียน
ดังนั้น จึงยิ่งชัดว่าเป้าหมายการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ คือให้เขาสามารถพึ่งตนเองได้ ด้วยเครื่องมือที่ต้องมีทั้ง "สวัสดิการชุมชน" และ "สิทธิมนุษยชน" โดยมีรากฐานอยู่บนศาสนาและวัฒนธรรม !!
อุปสรรคในการทำงาน ยังมีอีกมาก
มนุษย์เสพติด "ความช่วยเหลือจากคนอื่น" อย่างมาก
พอนึกได้ แล้วตกใจค่ะ มนุษย์ในยุคนี้ชอบของฟรีค่ะ
จริงค่ะ ยิ่งได้ของฟรี ดูเหมือนความรับผิดชอบก็จะน้อยลงด้วย
อย่างฟัง รุ่นน้องคนนึงที่เป็น อ.มหาลัยทางภาคเหนือเล่าให้ฟังถึงทัศนะของชาวบ้านรอบมหาลัยต่อ "โครงการประกันรายได้"
ที่รัฐตั้งใจจะช่วยเหลือแล้วน่าตกใจ
อ.บอกว่าตอนช่วงเริ่มหน้าฝนปีนี้ที่ดูเหมือนน้ำจะไม่พอ รัฐบอกให้ยังไม่ต้องปลูกข้าว เพราะจะตายหมด
แต่ชาวบ้านไม่สนใจ ปลูกกันถ้วนหน้า พอถามก็ว่า เสียหายยังไงก็ได้เงินประกันรายได้อยู่ดี !!
สวัสดีค่ะ
ได้รับเมล์แล้วนะคะ ขออนุญาตตอบผ่านบล็อก เรื่อง "การประกันรายได้เกษตรกร" ของพี่เองนะคะ (เศรษฐศาสตร์เพื่อชีวิต)
ส่วนตัวคิดว่า เนื่องจากเป็นปัญหาเฉพาะ รัฐจำเป็นต้องใช้นโยบายชุดอื่นในการแก้ปัญหาค่ะ เช่น นโยบายสวัสดิการที่ไม่ได้มีเป้าหมายให้ขายข้าวได้ราคาแพง แต่ต้องสร้างหลักประกันด้านอื่นๆขึ้นมาทดแทนค่ะ
แต่ปัญหาพื้นฐานสำคัญที่สุด คงจะเป็น การยอมรับการเป็นพลเมือง ใช่ไหมคะ ตรงนี้ รัฐผูกขาดอำนาจในการให้ "ความเป็นพลเมือง" เลยยากหน่อย ต้องไปทำงานเรียกร้องกับรัฐ
ส่วนเรื่องสวัสดิการนั้น ยังมีภาคเอกชน ภาคประชาชนและชุมชน ที่น่าจะช่วยเป็นพลังได้ ไม่ต้องง้อรัฐมากนัก
แต่ทำอย่างไรให้ภาคประชาชนเห็นปัญหาร่วมกันและหันมาสนับสนุนทั้งสองเรื่องค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ อ.ปัท สำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำ
เห็นด้วยกับอาจารย์อยู่เหมือนกันที่ไม่อยากสอนให้ชาวบ้าน "ง้อรัฐ" อยากให้เรียนรู้พึ่งพากันเองน่าจะมั่นคงกว่า แต่ถ้ารัฐมีนโยบายจะให้อยู่แล้ว ชาวบ้านก็น่าจะมีสิทธิได้รับอย่างทั่วถึงด้วยใช่ไหมคะ
อย่างกรณีที่ถามอาจารย์ไป ชาวบ้านเกือบ 1,000 ครอบครัว ที่ตกหล่นจากการประกันรายได้ข้าวโพด ทั้งหมดมี "ความเป็นพลเมืองไทย" เต็มขั้น มีสัญชาติไทยกันหมดแล้ว แต่การสื่อสารนโยบายมาไม่ถึงชาวบ้าน พอเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่กำลังโทษกันว่า เป็นเพราะ "ผู้ใหญ่บ้าน" หรือ "ชาวบ้าน" ที่ไม่สนใจ หรือไม่รู้เรื่อง (เพราะเป็นชาวเขา) แต่ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า "เจ้าหน้าที่เกษตรตำบล" ไม่ได้มาบอกในพื้นที่ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านยังไม่รู้เรื่อง
พวกเราเลยกำลังช่วยชาวบ้านกลุ่มนี้ส่งเสียงถึงผู้เกี่ยวข้องอยู่ค่ะ
สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่มีสิทธิ "ความเป็นพลเมืองไทย" ซึ่งก็มีอีกไม่น้อย แน่นอนว่า ไม่ต้องรอความหวังเรื่องสวัสดิการจากรัฐมากนัก คงต้องพึ่งตนเองสถานเดียว เรื่องนี้กำลังพยายามเริ่มให้ชาวบ้านมองเห็น และลุกขึ้นช่วยตัวเองอยู่ค่ะ
คิดถึงอาจารย์มากอยู่เหมือนกันค่ะ และเห็นว่าระยะหลังอาจารย์ไม่ค่อยได้เข้ามาใน gotoknow เลยใช้วิธีส่งไปถามทาง hotmail อาจารย์สบายดีนะคะ ต้องขอโทษอาจารย์ที่หายไปนาน แต่ติดตามอาจารย์อยู่เสมอค่ะ โดยเฉพาะทางทีวี
ยังคิดถึงและอยากให้อาจารย์มาเยี่ยมพวกเราและชาวบ้านที่นี่นะคะ
จะตามไปอ่านในบล็อกอาจารย์ต่อนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ