ดูคนจัดค่าย


ดูครูไทยหัวใจญี่ปุ่นจัดค่าย เข้าไปก้าวก่ายบางเรื่อง ขุ่นเคืองกันบ้างบางหน ทนไม่ได้...หนี อารมณ์ดี...เข้าไปใหม่

  สพฐ.ให้งบมาจัดค่ายภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น  ลงว่าอะไร ๆ ที่เป็นญี่ปุ่น มันแพงทั้งนั้น...  ทำแผนไว้ก่อนจะจัด 14-15 สิงหา  จะได้ไม่เบียดเดือนกันยามากไป นักเรียนจะสอบปลายกันยา-ต้นตุลา  ไม่เบียดรายการอบรมต่าง ๆ อีก  เอาละ วันได้ดีแล้ว  แต่เงินยังไม่มา....  เอ้า รัฐบาลประกาศ 13 สิงหาเป็นวันหยุดอีก  คนจะกลับบ้านกันรึเปล่า คนจะท่องเที่ยวกันรึเปล่า  ค่ายนี้จะมีนักเรียนจากโรงเรียนต่างร่วมด้วยตามแผน 100 คน จาก 6 โรงเรียน   

คำสำคัญ (Tags): #ค่ายญี่ปุ่น
หมายเลขบันทึก: 384219เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2010 18:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

เรื่องเงินปัญหาใหญ่ เงินไม่มาซักที เลื่อนวันดีไหม ไม่ได้หรอก เชิญวิทยากรไว้แล้วนี่ เอาหนังสือจากโรงเรียนไปขอยืมเงินที่เขต เจ้าหน้าที่บอกว่า น้องยืมเป็นชื่อน้องไปเลย มันด่วนมากแล้วจะไม่ทัน เอ้า ก็เซ็นยืมกันไป วันที่ 11 สิงหา บ่ายมากแล้วเนี่ย โทรศัพท์มาแล้วให้ไปรับเช็ค ใครจะไปรับล่ะนี่ ครูคนไทยหัวใจญี่ปุ่นเขาไปรับของที่ยืมไว้ที่กงสุลญี่ปุ่นที่เชียงใหม่โน่น ให้เจ้าหน้าที่การเงินไปรับ เขาก็ต้องย้อมกลับมาที่โรงเรียนอีกล่ะสิ ไปเองดีกว่า ไปรับเช็คเอง ...ไม่ดูอะไรเอาซะเลย อีกวันถึงได้รู้ว่านามสกุลผิด ผ.อ.ถึงกับจะใส่ชุดขาวเข้าห้าง จะไปเคลียร์เรื่องเช็คกับธนาคารที่บิ๊กซี

ขอโทษจริงๆค่ะ คราวหน้าจะไม่ยุ่งเรื่องเงินๆทองๆอีกแล้ว

กิจกรรมค่ายมีอะไรบ้างเนี่ย หนักๆ ก็จะเป็นตัวอักษร คำศัพท์ การเขียนพู่กัน อิเคะบะนะ โอริกามิ ทำอาหาร ประมาณนี้ วิทยากรชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากเชียงใหม่ ทั้งจากมหาวิทยาลัยราชภัฎและอาสาสมัคร และมีครูภาษาญี่ปุ่นของโรงเรียนที่ร่วมโครงการด้วยอีกเพียบเลย รู้สึกว่าครูภาษาญี่ปุ่นรวมตัวกันได้ดีกว่าครูเอกอื่น ๆ อาจเป็นเพราะต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยกันตลอดก็เป็นได้ หรือหลายคนก็จบมาจากสถาบันเดียวกัน ก็เลยคุ้นเคยกัน เวลาทำค่ายก็เลยเข้าใจกัน กระชับ ฉับไว น่าชม

ที่ว่ากระชับ ฉับไว น่าชม เป็นไปทางโทรศัพท์เท่านั้น

10 สิงหาคม โทรศัพท์จากโรงเรียนส่วนบุญฯ ..ยังไม่ได้รับหนังสือเลย ทำไง

นั่นสิ ทำไงดี คงต้องรอไปก่อนแหละ ค่อยส่งรายชื่อทีหลังก็ได้

11 สิงหาคม พรุ่งนี้โรงเรียนต่างๆจะหยุดแล้ว

โทรศัพท์จากโรงเรียนบ้านแป้น

อาจาย์ครับ ผ.อ.ไปอบรมกลับมาแล้ว ผ.อ.บอกว่า ถ้าโรงเรียนเรามีงานให้นักเรียนร่วมงานของเราก่อน

บ้านแป้นไม่ได้ร่วมค่ายแล้วครับ

เอาละสิ ทำไงดี

เมื่อกี้ติดต่อไปที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ

ฝ่ายวิชาการเค้าก็ดี๊ดี จัดนักเรียนมาร่วมค่ายเลย 20 คน

ดีจัง ดีใจ

ไม่อยากบอกเลยว่า ฝ่ายวิชาการเป็นศิษย์เก่าป.พ.

จะทำสมุดเล่มเล้กให้นักเรียนบันทึกค่ายรึเปล่า น่าจะมีนะ เด็กๆจะได้เก็บไว้ดูว่าเค้าเคยเข้าค่ายญี่ปุ่น ได้ความรู้อะไรบ้างไง เอ เอาดีไม่เอาดีนะ เด็ก ๆ บางที่ก็ไม่ค่อยเห็นค่าหรอก แล้วจะเอาหรือไม่เอาล่ะ...อีกไม่กี่วันละนะ ต้องไปถ่ายเอกสารเข้าเล่มที่ร้านอีก ทำที่โรงเรียนไม่ได้หรอก เค้าไม่อนุมัติให้ก๊อปปี้พรินท์แน่ ได้งบมาจาก สพฐ.แล้ว(นี่หว่า)

10 สิงหาคม ทำสมุดบันทึกค่ายดีกว่า แต่วันนี้สอนเยอะนะ พรุ่งนี้มีงานวันแม่อีก ตอนบ่ายปลูกหญ้าแฝกอีก เออน่ะ เอาไว้ให้คนหนุ่มๆเค้าไปกัน คนแก่ก็นั่งทำในห้องมืดไปสิ

ถ้าเปิดไฟในห้องพักมันจะดังมากกกจนทำงานไม่ได้ อยู่มืดๆ ดีกว่า

11 สิงหาคม สมุดบันทึกยังไม่เสร็จ นี่ต้องหอบพริ้นเตอร์ไปบ้านด้วยนะ ตัวที่บ้านมันเสีย มีงานที่ไรมันอู้ทุกทีเลย 12 สิงหาคม ลงทุนไม่ไปร่วมพิธี นั่งปวดไหล่อยู่หน้าคอม เสียงโทรศัพท์ดัง ครูไทยหัวใจญี่ปุ่นโทรมา เมื้อกี้ถามเอารายชื่ออะไรนะ ผู้ใหญ่ใจดีใช่ไหม... เออ ใช่ แต่เปิ้นบ่ใจ้ผู้ใหญ่เตื้อ ยังเป๋นวัยรุ่นเอ๊าะเอ๊าะอยู่ โธ่ ยังมีแก่ใจหัวเราะอยู่ได้ จะรีบเอาต้นฉบับไปส่งร้านถ่ายเอกสารเฟ้ย

เริ่มสับสนแล้ว คอมวูบไป แล้วไม่ได้เข้าระบบ กรอบ 4 เลยถูกเปลี่ยนชื่อเลย กรอบ 3 ก้ลืมเปลี่ยนสีอักษร มึนมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ไปซื้อของกับครูไทยหัวใจญี่ปุ่น จะแยกไปขอใบกำกับภาษี เดินไปได้ครึ่งทาง ได้ย้อนกลับมาใหม่ มาถามว่า จะให้ไปเอาอะไรนะ รู้ตัวว่ามึนจึงเขียนชื่อโรงเรียนกับที่อยู่ไว้ ไปถึงส่งให้พนักงาน เขาบอกให้เขียนเบอร์โทรโรงเรียนด้วย เขียนผิดซะงั้น มันนึกไม่ออก

มิน่า เขาถึงให้เกษียณตอนอายุ 60

Tanabata (ทะนะบะตะ) หรือเทศกาลแห่งดวงดาว

เป็นเทศกาลที่แสนจะโรแมนติก เพราะมีการเล่าสืบต่อกันมาถึงความรักที่ต่างชนชั้นกันของคนสองคน เทศกาลนี้จะมีขึ้นทุกปีของวันที่ 7 เดือน 7 จึงเป็นที่รู้จักกันดีในภาษาอังกฤษว่า Seven Evening ซึ่งจะเป็นค่ำคืนที่ดาว Vega (Orihime) กับดาว Altair (Hikohoshi) จะสุกใสสว่างที่สุดบนท้องฟ้า และจะโคจรเข้ามาใกล้กันที่สุดในรอบปี จึงเปรียบเป็นเรื่องเล่าจากตำนาน

ตำนานกล่าวไว้ว่า เจ้าหญิง Orihime เป็นธิดาของเจ้าผู้ครองสวรรค์ และมีฝีมือในการทอผ้าที่วิจิตรงดงาม ทั้งสองมีปราสาทอยู่ทางทิศตะวันออกของสวรรค์ เมื่อบิดาของเจ้าหญิงเห็นว่าเจ้าหญิงได้ทอผ้าไม่เคยหยุดพักเลย จึงได้คิดที่จะให้เจ้าหญิงเป็นฝั่งเป็นฝา และได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ Hikohoshi ซึ่งเลี้ยงวัวอยู่ทางทิศตะวันตก อีกฟากหนึ่งของสวรรค์เขาเป็นคนที่มีความกล้าหาญ และขยัน จึงได้แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน และรักกันในที่สุด แต่เมื่อเจ้าหญิง Orihime เกิดความรักกับ Hikohoshi จนไม่ได้ทอผ้าไปถวายพระบิดาอีก และละเลยหน้าที่ของตน จึงทำให้บิดาโกรธมาก จึงได้ส่ง Hikohoshi กลับไปเลี้ยงวัวตามเดิม และความรักของทั้งคู่ก็ถูกกั้นด้วยสายน้ำแห่งทางช้างเผือก ซึ่งทำให้เจ้าหญิงเสียใจมากและเอาแต่ร้องไห้และไม่สามารถทอผ้าได้อีก พระบิดาเห็นดังนั้นจึงได้ให้คำมั่นสัญญากับเจ้าหญิงว่า เมื่อถึงวันที่ 7 เดือน 7 จะให้ทั้งสองได้พบกัน โดยเมื่อถึงวันนั้นบรรดานก Kasasagi ก็จะมารวมตัวกันเป็นสะพานข้ามทางช้างเผือกทำให้ทั้งคู่ได้พบกัน....

แต่ตำนานนี้ก็อาจจะมีการผิดเพี้ยนไปบ้างเพราะว่าแต่ละแห่งก็เล่าไม่เหมือนกัน แต่ก็มีส่วนใกล้เคียงกันมาก ส่วนกิจกรรมในวันนี้ที่ญี่ปุ่นจะมีการนำกระดาษ 5 สี หรือ (Tanzaku) มาเขียนคำอธิฐานทั้งเรืองงาน ความรัก การเรียน สุขภาพ เป็นต้น และยังมีการนำกระดาษมาตัดเป็นรูปคล้าย ๆ โซ่แทนสัญลักษณ์ของทางช้างเผือก แล้วนำไปแขวนไว้ที่ต้นไผ่ และนำมาประดับไว้ตามบ้าน วัด หรือโรงเรียน และยังมีขบวนพาเหรดแห่กันใหญ่โตและสวยงาม เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดอีกเทศกาลหนึ่ง โดยเฉพาะจังหวัด Miyagi และ Kanagawa

ขอบคุณ http://minemodel.4.forumer.com

 

เครื่องรางญี่ปุ่น (Omamori)

ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องเครื่องรางที่เรารู้จักกันในคำว่า Omamori (ที่เราคุ้นตากันก็จะเป็นถุงผ้าเล็กๆ แต่ในที่นี้ขอเรียกรวมๆหมายถึงเครื่องรางอย่างอื่นด้วยนะคะ) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีทันสมัยล้ำหน้าในเอเชีย แต่ก็ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมไว้อย่างเหนียวแน่นและก็สามารถประยุกต์เครื่องรางให้เป็นที่ต้องการและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เช่น แมวกวักนำโชครับรองฝรั่งก็ร้องอ๋อ...ส่วนบ้านเราไม่ต้องพูดถึงร้านค้าส่วนใหญ่ก็มีแมวกวักนำโชคมาเป็นเครื่องรางในการค้าขายเรียกคนเข้าร้านกัน ที่สยามคะเนะก็มีเครื่องรางหลากหลายประเภทมาจำหน่ายอยู่ เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ก็เลยรวบรวมที่น่าสนใจมาให้อ่านกันดูนะคะ

แมวกวักที่เราเห็นกันทั่วไปมีการยกขาหน้ากวัก บางรุ่นก็กวักข้างขวา บางรุ่นก็กวักทั้งสองข้าง ซึ่งก็มีความหมายแตกต่างกันดังนี้ - กวักขวา หมายถึง โชคลาภ เงินทอง - กวักซ้าย หมายถึง โชคดีด้านการงาน ความรัก - กวักทั้งสองข้าง หมายถึง โชคดีสองเด้ง คือได้ครบหมดทั้งการเงิน การงาน ความรัก

ตำนานของมาเนะกิ เนะโกะ มีหลายเรื่อง เรื่องที่ขึ้นชื่อ คือ เรื่องที่เล่ากันว่าเกิดขึ้นในยุคเอโดะ มีหญิงชราคนหนึ่ง ยากจนมาก แต่นางมีแมวเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่งและรักแมวมาก มีกินก็กินร่วมกับแมว อดก็อดพร้อมกับแมว จนในที่สุดก็ไม่สามารถเลี้ยงไหว จึงนำไปปล่อย คืนนั้นเอง นางก็นอนเสียใจร้องไห้ทั้งคืน กระทั่งฝันว่าแมว มาบอกกับนางว่า ให้ปั้นรูปแมวจากดินเหนียวแล้วนางจะโชคดี เช้าวันรุ่งขึ้น หญิงชราจึงตื่นขึ้นมาปั้นแมวจากดินเหนียว ไม่ทันไรก็มีคนแปลกหน้าเดินผ่านหน้าบ้านขอซื้อตุ๊กตาแมวตัวนั้นจากนางไป จากนั้นนางก็เพียรปั้นแมวขึ้นมาอีกตัวแล้วตัวเล่า ตุ๊กตาแมวจากการปั้นของนางก็ถูกคนมาขอซื้อไปตลอดเวลา นางจึงเริ่มมีเงินทองจากการขายตุ๊กตาแมว และสามารถนำแมวเลี้ยงสุดที่รักของนางกลับมาเลี้ยงได้อีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเป็นที่ร่ำลือว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค จึงมีการปั้นและวางแมวกวักไว้ตามที่ต่าง ๆ นับแต่นั้นมา

นอกจากนี้เครื่องรางที่ทางเรานำมาจำหน่าย เนะโกะยังมีลีล่าท่าทางแตกต่างกันออกไปด้วย

- แมวกวักนำโชคถือปลา หมายถึง อุดมสมบูรณ์ เหลือกินเหลือใช้

- แมวกวักนำโชคถือน้ำเต้า หมายถึง ดูดเงินทอง โชคลาภ

- แมวกวักนำโชคถือถุงเงินถุงทอง หมายถึง ร่ำรวยเงินทอง

- แมวกวักนำโชคถือพัด หมายถึง พัดสิ่งไม่ดีออกไป พัดโชคลาภโชคดีเข้ามา

- แมวกวักนำโชคถือดารุมะ หมายถึง อธิษฐานขอพร สมปรารถนา

ขอบคุณ http://atcloud.com/stories/50646

  • ขณะนี้คงเสร็จสิ้นไปทั้งหมดแล้วใช่มั้ยครับ..อาจารย์สบายดีนะครับ
  • ขอบคุณประสบการณ์ที่น่าเรียนรู้นี้ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท