เสียงที่ไม่ได้ยิน.... เรื่องเล่าหัวใจความเป็นมนุษย์ ของพี่นาย


แอนเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับฉัน ในการตั้งใจฟัง “เสียงที่ไม่ได้พูด” และการไม่ด่วนสรุปและตัดสินใจทำอะไรผ่านคำว่า “หวังดี”
ผมรู้จักพี่นาย (พีสุมาลี) เมื่อไปภูเก็ต ครับ
เป็นเพื่อนพี่ชุติมา ชัยมณี  แล้วมารู้จัก
ต่อครับมาจากเชียงใหม่ เหมือนกัน
 
 
เป็นผู้หญิงชัดเจน  จริงใจ  ฮุ้เหนือม่วนขนาด
ผมขออ่าน เรื่องเล่าจากการทำงานของพี่นาย
ผมประทับใจมากครับ  และขออนุญาตนำมาลงบล็อกผมครับ
 

" ผมไม่อยากให้เรื่องราวจากการทำงานดี ๆ แล้วสูญหาย เลือนลางออกไป "
ขอคาราวะพี่นายครับ ที่ทำให้ผม เมื่ออ่านเรื่องนี้ แล้ว
อยากจะร้องไห้ออกมา แต่มันไม่ออก น้ำตายังขังในใจอยู่เลยครับ
 
 
เสียงที่ไม่ได้ยิน 
     สุมาลี   ฝ่ายริพล 
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลสันป่าตอง เชียงใหม่
 
บ่ายวันหนึ่งขณะที่ฉันเดินมาที่โต๊ะทำงาน  สายตามองเห็นด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่งปล่อยผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ทันที่ที่ได้ยินเสียงเดินของฉันหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้ามาที่ฉันพลางยกมือไหว้โดยยื่นซองจดหมายที่มีตราจากสำนักงานคุมประพฤติให้ฉันพร้อมกับยิ้ม  ฉันจำได้ทันทีว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าฉันคือ “แอน”
 

 

“หนูเพิ่งออกจากศูนย์บำบัดเพราะเขาให้เปลี่ยนที่บำบัด” แอนบอกฉันเบาๆ ฉันพยักหน้าแต่ก็เงียบรอฟังคำอธิบายต่อเพราะแอนเคยเข้ารับการบำบัดยาเสพติดที่ฉัน 2 ครั้งซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่เคยครบโปรแกรม
 

 

“ทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ” ฉันถามพลางนั่งตรงข้ามกันแอน แอนไม่ตอบแต่เหลือบตามองหน้าฉัน แววตาแสดงความเป็นกังวล  
 
“ทางศูนย์เขาเลยให้หนูออกมาอยู่ข้างนอก  คุมประพฤติเลยให้หนูมาบำบัดที่ โรง-บาลใกล้บ้าน เพราะ ..หนูท้อง ”  แอนพูดเสียงเบา
 
 แอนเด็กสาวอายุ 14 ปี ที่ฉันรู้จักเมื่อ 2 ปีก่อน  รูปร่างอวบสูงเฉลี่ยเท่าหญิงไทยทั่วไป ผิวเนียนค่อนข้างคล้ำ ดวงหน้ากลมมน หน้าผากกว้างรับกับแก้ม และคางที่มน
ได้รูป คิ้วดกหนา นัยน์ตาตาชั้นเดียวเล็กเข้ากับจมูกค่อนข้างโด่ง ฟันขาวเรียงกันสวย ทำให้แอนดูน่ารักเข้ากับรสนิยมวัยรุ่นสมัยนี้ แอนเรียนชั้น ม 2 ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะมีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนบ่อย และผลการเรียนต่ำมาก  อาศัยอยู่กับพ่อ แม่และน้องสาว รวม       4 คน พ่อ แม่ของแอนมีอาชีพรับจ้าง วันละร้อยกว่าบาท  เมื่อต้องออกจากโรงเรียนแอนก็ออกจากบ้านมาอยู่กับเพื่อนที่ทำงานอยู่ร้านอาหาร โดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร ทั้งนั้น
 
 
“ท้อง !?”  ฉันอุทานเสียงดังขี้นอย่างตกใจ  แอนยิ้มแห้งแห้งพร้อมพยักหน้า  ทอดสายตามองต่ำ  ฉันสูดลมหมายใจลึกแอนหลังพิงพนักเก้าอี้ภาพของแอนภาพในอดีตผุดขึ้นในความคิดของฉันอย่างชัดเจนเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนี้
 

 

แอนเด็กสาวอายุ 14 ปี ที่ฉันรู้จักเมื่อ 2 ปีก่อน  รูปร่างอวบสูงเฉลี่ยเท่าหญิงไทยทั่วไป ผิวเนียนค่อนข้างคล้ำ ดวงหน้ากลมมน หน้าผากกว้างรับกับแก้ม และคางที่มนได้รูป คิ้วดกหนา นัยน์ตาตาชั้นเดียวเล็กเข้ากับจมูกค่อนข้างโด่ง ฟันขาวเรียงกันสวย ทำให้แอนดูน่ารักเข้ากับรสนิยมวัยรุ่นสมัยนี้

 

 

แอนเรียนชั้น ม 2 ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะมีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนบ่อย และผลการเรียนต่ำมาก  อาศัยอยู่กับพ่อ แม่และน้องสาว รวม       4 คน พ่อ แม่ของแอนมีอาชีพรับจ้าง วันละร้อยกว่าบาท  เมื่อต้องออกจากโรงเรียนแอนก็ออกจากบ้านมาอยู่กับเพื่อนที่ทำงานอยู่ร้านอาหาร โดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร ทั้งนั้น
 

 

ฉันรู้จักแอนครั้งแรกเพราะสถานพินิจส่งมาบำบัดรักษายาเสพติด ตลอดเวลาที่เข้ารับการบำบัดแอนไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ คือยังคงตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะบ่อยครั้ง  และมาเข้ารับการบำบัดไม่สม่ำเสมอ โดยมีข้ออ้าง จนถูกจับอีกครั้งทั้งๆที่บำบัดครั้งแรกยังไม่ครบโปรแกรม  แอนถูกส่งเข้าไปบำบัดในสถานพินิจหลายเดือน

 

 

วันหนึ่งแม่ของแอนมาหาฉันที่ห้องบอกว่าแอนมานอนที่ตึกคลอดเพราะตกเลือด  ฉันรีบไปเยี่ยม  ทันทีที่ฉันเห็นแอนในสภาพของ “คนตกเลือด”  ที่แตกต่างไปจากคนไข้คนอื่น แอนเดินไปมา ออกมานั่งคุยเสียงดังกับเพื่อนที่มาเยี่ยมที่ระเบียง  และเดินออกไปซื้อของหน้าโรงพยาบาลวันละหลายครั้ง  หรือออกไปคุยกับเพื่อนต่างเพศหน้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง 
แอนมาพบฉันที่ห้องก่อนกลับบ้าน  ฉันรู้จักกับแอนมานานทำให้ทราบประวัติบางส่วนว่าแฟนของแอนยัง อยู่เรือนจำข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด  ฉันถามแอนก่อนจบการสนทนาคราวนั้นถึงสาเหตุที่ต้องทำแท้ง

 

 

 แอนยิ้มก่อนที่จะตอบว่า “พลาด  ต้องรีบก่อนที่แฟนจะออกจากเรือนจำ”  ทุกคำตอบของแอนมักออกจาก สีหน้าที่เรียบเฉย  เหมือนเป็นปกติแต่ฉันสังเกตเห็นความกังวลในแววตาที่แอนมักหลบอยู่บ่อยครั้ง
 

 

“แฟนออกจากเรือนจำ หรือยัง” ฉันถามครั้งนี้เพราะหวั่นกับเหตุการณ์เดิมที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน
 

 

“ออกมาแล้ว  แต่...แอนมีแฟนใหม่แล้ว” ฉันไม่แปลกใจนักกับคำตอบของแอน เพราะแอนมักมีเรื่องไม่แคร์กับชีวิตหลายเรื่อง  ฉันถามแอนเรื่องการท้องครั้งนี้ แอนบอกว่าตั้งใจจะคลอด  ฉันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เพราะตลอดเวลาแอนยังชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการคบเพื่อนต่างเพศ เที่ยวกลางคืนและยาเสพติด แม่ของแอน ก็มักพูดกับฉันบ่อยๆว่า  “ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”
 

 

เมื่อแอนตั้งใจอย่างนั้นฉันถามเกี่ยวกับการฝากครรภ์แอนบอกว่ายังไม่ได้ฝาก  แอนบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเอง   ฉันตัดสินใจพาแอนไปที่แผนกฝากครรภ์โดยไม่ฟังคำทักท้วงของแอน  สักครู่เพื่อนของฉันที่แผนกฝากครรภ์โทรศัพท์มาบอกว่าแอนไม่ยอมบอกชื่อสามี และจะไม่พามาตรวจเลือดบอกว่าแฟนไม่ว่าง  
 

 

ความกังวลก่อตัวในใจของฉันขึ้นมาทันที  เมื่อฉันดูผลการหาสารเสพติดในปัสสาวะของแอนแล้วก็เหลือบมองหน้าแอนเงียบๆ  แอนหลบตามองต่ำพลางขยี้มือตัวเอง  ฉันปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้นประมาณ       2- 3 นาที
 

 

“คิดว่าผลปัสสาวะจะเป็นอย่างไร ?”  ฉันถามแอน
  ท่ามกลางความเงียบ แอนสบตาฉันแล้วส่ายหน้า
 
“ไม่ผ่าน”
 
“ท้องอย่างนี้…..แล้วยังใช้ยาอีกเหรอ ? ”  ฉันถาม
 
 “พอดี   เพื่อนมาหา  เขาเลี้ยง ”  คำตอบของแอนก็เหมือนเดิมที่เคยพูด  ฉันคิดหาทางออกของปัญหาการใช้สารเสพติดของแอนเพราะประเด็นหลักครั้งนี้ คือ แอนตั้งท้อง 
 

 

และเย็นวันนั้นฉันรอพบพ่อ-แม่ของแอนเพื่อหาทางออกร่วมกัน  สรุปคือ แอนรับปากจะกลับไปอยู่บ้านกับพ่อ-แม่ แทนการอยู่ที่หอกับเพื่อน  และจะไม่ทำงานกลางคืน  คำถามที่คาใจฉันวันนั้นคือทำไม แอนอยู่กับเพื่อนที่หอพักแทนที่จะอยู่แฟนคนใหม่  
 

 

3 สัปดาห์ ต่อจากวันนั้น แอนเข้ารับการบำบัดไม่ต่อเนื่อง พบสารเสพติดในผลการตรวจปัสสาวะบ่อยครั้ง ฉันจำเป็นต้องพบครอบครัวของแอนอีกครั้ง  พ่อของแอนยังคงไม่ออกความเห็นเหมือนเดิม  แม่ก็คงพูดคำเดิม “ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว” และที่สำคัญคือแอนยังไม่กลับไปอยู่บ้าน
 

 

เย็นวันนั้นฉันกับเพื่อนตัดสินใจไปหาแอนที่หอพักและร้านอาหารที่แอนทำงาน ปรากฏว่าไม่พบทั้งสองที่ และคำตอบที่ได้คือแอนไม่มาที่นี่หลายวันแล้ว  เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับให้ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างในเรื่องของแอนนี้ 

 

 

ฉันตัดสินใจปรึกษากับสำนักงานคุมประพฤติอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหานี้  ทางออกคือสำนักงานคุมประพฤติต้องปรับวิธีการบำบัดที่เหมาะสมกับแอนและการตั้งท้องครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ  ที่สำคัญคือต้องเป็นที่ปลอดภัยและหยุดการใช้ยาเสพติดของแอนให้ได้  
 

 

จากวันนั้นไม่ถึงสัปดาห์แม่ของแอนก็โทรมาหาฉันและบอกในสิ่งที่ฉันไม่คิดคือ“แอนตกเลือด”  อีกครั้งหลังสอดยาได้  2 วัน  และแอนนอนรักษาที่โรงพยาบาลต่างอำเภอเพราะไปนอนกับเพื่อนอีกคน  ฉันจึงรีบไปเยี่ยมแอนในเย็นวันนั้น 
 

 

ภาพที่เห็นแอนนอนตะแคงหันหน้าเข้าฝาที่ห้องรวมไม่มีคนเฝ้า แอนยิ้มให้ฉันทันทีที่เห็นฉัน  พร้อมกับลุกนั่งบนเตียง และส่ายหน้าปฏิเสธที่จะกินขนมที่ฉันยื่นให้ บอกว่าไม่หิว  ฉันชวนแอนเดินออกมานั่งม้านั่งข้างตึก   ฉันเริ่มถามเรื่องราวทั่วๆไปก่อน สุดท้ายฉันวกถามเรื่องการทำแท้งครั้งนี้
 

 

 “แฟนไปไหนล่ะ ไม่เห็นมาเฝ้าเลย นี่ก็เลิกงานแล้วนะ”    ฉันยิงคำถามทันทีแอนเงียบไม่มีคำตอบใดๆ  ฉันเอื้อมมือไปจับมือแอน  เพื่อให้แอนรับรู้ความรู้สึกห่วงใยผ่านมือของฉัน
 

 

“แอน..ถึงพี่ไม่รู้เรื่องราวอะไรของแอนมากนักแต่  พี่ก็พอจะเข้าใจว่าแอนมีปัญหา   ถึงได้ตัดสินใจทำอย่างนี้   แต่ที่ทำอย่างนี้ ปรึกษาใครหรือเปล่า”  ฉันเลี่ยงที่จะใช้คำว่า ”ใคร”   แทนคำว่า ”แฟน” แอนเหลือบตาขึ้น
 

 

มองฉัน  แล้วส่ายหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่ฉันทายความรู้สึกไม่ถูก
 

 

“แอน..พี่ขอถามตรงๆนะ  แอนมีแฟนจริงๆหรือเปล่า”  ฉันตัดสินใจถามตรงตรง แต่เลี่ยงใช้คำว่า “จริงๆ”  แทนคำว่า “เป็นตัวตน” อีกครั้งซึ่งแอนก็เข้าใจ 
 

 

“มีจริง   แต่เขามีเมียแล้ว”
 
 “แต่ที่แอนทำอย่างนี้มันอันตรายมากนะ   ครั้งก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว  คนเราไม่โชคดีทุกครั้งนะ” ฉันเว้นวรรคเพื่อรอคำตอบ  แต่ไม่มีคำตอบจากแอน
 
“ในเมื่อไม่พร้อม ทำไมไม่คุมกำเนิด มีตั้งหลายวิธีนี่”   ฉันสวมวิญญาณพยาบาลเต็มที่
 
“แฟนเขาใช้ถุงยาง ทุกครั้งแหละ”  แอนพูดน้ำเสียงปกติ
 
“อ้าว”   ฉันอุทานพลางมองหน้าแอน  แต่ก็ไม่มีคำใดพูดต่อจากนั้น
 
“งั้น ก็หมายความว่าแอนยังมีอะไรกับคนอื่นอีกใช่ไหม?”   ฉันตั้งข้อสงสัย แอนมองหน้าฉัน ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
 

 

“ถึงยังไงก็ต้องคุมกำเนิด  กับใครก็ตามเถอะ  มาแก้ไขปลายเหตุอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง”  ฉันพูดต่ออย่างมีหลักการ  แอนละสายตาจากใบหน้าของฉันมองผ่านไปด้านข้าง แล้วถอนหายใจ  ไม่มีคำพูดใดจากแอน ความเงียบและท่าทางของแอนทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า  แอนกำลังถูกกดดันจากคำพูดของฉัน 

 

 

ฉันผ่อนลมหายใจยาวแล้วตบหลังมือแอนเบาๆ พลางลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงว่าจะยุติการสนทนา     พลันฉันรู้สึกว่าแอนพลิกมือแล้วเปลี่ยนเป็นมาจับข้อมือฉันดึงไว้   ฉันหันกลับมามองหน้าแอน  ไม่มีคำพูดใดใดจากแอนเช่นเดิม ฉันจับมือแอนแล้วดึงขึ้นเพื่อจะให้แอนกลับเข้าตึกนอน
 

 

“ไม่เป็นไร  วันนี้แอนปลอดภัยก็ดีแล้ว  แต่คนเราไม่โชคดีทุกครั้งนะ”  ฉันสรุปอีกครั้งเพื่อยุติการสนทนา
 
“พี่อยากรู้เหตุผลของแอนไหม”  น้ำเสียงของแอนราบเรียบ 
 
“แล้วเหตุผลมันคืออะไรล่ะ?”  ฉันถาม     แอนสบตาฉันแล้วนิ่งไปชั่วอึดใจ
 
“เหตุผล คือ...พ่อของลูกในท้องแอน    คือพ่อของแอน.....” น้ำเสียงของแอนเบา  ราบเรียบ  การรับรู้ของฉันขณะนั้นมือของแอนอุ่นปกติในมือของฉัน แต่มือของฉันเย็นเฉียบ 
 

 

ฉันทรุดตัวลงนั่งข้างแอนบีบมือแอนแน่นไม่มีคำกล่าวใดๆ จากฉัน   

 

ภาพเหตุการณ์ของแอน  พ่อ-แม่  และคนที่เกี่ยวข้องวนเข้ามาในความคิดของฉัน  ทุกคนที่เอาความหวังดีเป็นที่ตั้งพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ แก้ปัญหา ให้แอน  โดยเอาพื้นฐานในความเข้าใจมนุษย์เป็นตัวตั้งโดยแต่เหตุผลและความจำเป็นที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่มีใครรู้   
 

 

ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้าคำถามหลายคำถามวนเวียนอยู่ในความคิดของฉัน และตามด้วยความรู้สึกผิดฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปกับแอนต่อจากนี้ดี   เพราะการเอาอดีตมาตัดสินและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน แล้วสุดท้ายคือการ ตีตรา ฟันธง  และตัดสินตามความคิดของตัวเองว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุด 

 

 

โดยลืมฟังเสียงที่ไม่ได้พูดของแอนไม่ว่าจะเป็นเสียงแห่งความทุกข์ท่าทาง สีหน้าแววตา จะต้องเป็นสิ่งที่ฉันต้องเรียนรู้ที่จะต้องฟังให้ได้  และฟังโดยไม่ตัดสิน  เป็นการวินิจฉัยความเจ็บป่วย ความทุกข์ของชีวิต ซึ่งสำคัญมากกว่าการวินิจฉัยโรค  
 

 

 

ครั้งนั้น แอนเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดนาน 5 เดือน ได้รับการฝึกอาชีพหลายอย่าง เมื่อครบกำหนด  แอนมาหาฉันพร้อมตุ๊กตาตัวเล็กที่แอนบอกว่าได้ฝึกทำเป็นตัวแรกและตั้งใจเก็บไว้ให้ฉัน  แอนเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับฉัน  ในการตั้งใจฟัง “เสียงที่ไม่ได้พูด”    และการไม่ด่วนสรุปและตัดสินใจทำอะไรผ่านคำว่า “หวังดี” โดยไม่ผ่านความสมัครใจของ “คนต้นเรื่อง” 
 

 

 
ทุกวันนี้แอนยังคงวนเวียนมาหาฉันบ้าง ปรึกษาปัญหาชีวิตบางครั้ง แอนมักบอกว่า “ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ มาที่นี่ เพื่อเล่าสู่การฟังเท่านั้นเอง”...

 

 

***********

หมายเลขบันทึก: 383314เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 11:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน 2012 18:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ผมจะทำตามสัญญาให้ไว้กับพี่นายให่ได้นะครับ

ภารกิจพิชิตฝัน

เราต้องเจอเรื่องราวเช่นนี้อีกบ่อยครั้งเท่าไรนะ

เป็นคำถามที่ปรากฏขึ้นตลอดเวลาของการอ่านเรื่องราวของแอน หัวใจที่หยาบกระด้างพึงรักษาด้วย "ความรัก" พี่นายมีความรักให้แอนอย่างไร้เงื่อนไข และเราอีกมากมายในสังคมล่ะ มีความรักที่แบ่งปันผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเราหรือเดินสวนผ่านเราไปหรือไม่...

พี่ร้องไห้นะแต่การเป็นร้องไห้ที่ปราศจากน้ำตาและเสียงร้อง มันเป็นการร่ำร้องที่อยู่ภายในอันเป็นความปวดร้าวที่มองเห็นความทุกข์ของผู้คน พ่อของแอน แม่ของแอน และแอนเอง... พ่อคงทุกข์สาหัสอย่างหาทางไปของการเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ พ่อจึงได้ลงมือกระทำสิ่งนี้กับลูกสาวของตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดร้าวใจเหลือเกิน...

ขอบพระคุณพี่นายที่แบ่งปัน

ขอบพระคุณคุณดิเรกที่...เป็นยานพาหนะร่วมกันบ่มเพาะใจให้อ่อนโยน

Zen_pics_007 

ขอบคุณอาจารย์กระปุ๋มมากครับ

ขอบคุณที่คิดถึง แต่มิตรภาพที่เราพบกันเพียงไม่กี่วัน แต่มันช่างแนบแน่น และจริงใจซะไม่มี

สำหรับพี่....ดิเรก เป็นคนที่น่ารักและจริงใจดี เหมือนอย่างเขาว่ากันนั่นและ คนเหมือนกัน ย่อมพบปะกันและมี มิตรภาพต่อกัน จะจดจำมิตรภาพของเราค่ะ

พี่นาย...คนสันป่าตอง

4. พี่นาย [IP: 180.183.121.34] เมื่อ พ. 11 ส.ค. 2553 @ 16:04 #2129149 [ ลบ ] ขอบคุณที่คิดถึง แต่มิตรภาพที่เราพบกันเพียงไม่กี่วัน แต่มันช่างแนบแน่น และจริงใจซะไม่มี สำหรับพี่....ดิเรก เป็นคนที่น่ารักและจริงใจดี เหมือนอย่างเขาว่ากันนั่นและ คนเหมือนกัน ย่อมพบปะกันและมี มิตรภาพต่อกัน จะจดจำมิตรภาพของเราค่ะ พี่นาย...คนสันป่าตอง

พี่นายครับ มาเข้าบล็อกได้อย่างไงครับ

นี้คือ...เจ้าของเรื่องเล่าตัวจริงครับ

ผู้อ่านทุกคน

แล้วเราคงจะเจอกันแน่ ๆ คิดถึงพี่นายนะครับ

ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...

ให้กำลังใจ คุณพยาบาลนาย แห่งสันป่าตอง ที่มีความเป็นมนุษย์และอบอุ่นมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท