บทเรียนจากผู้ป่วย :ภัยร้ายของยาลดความอ้วน
วันนี้ขอทำหน้าที่พยาบาลจิตเวชให้สมกับชื่อบล็อกซักหน่อย ขออนุญาตนำประสบการณ์ที่ได้ดูแลผู้ป่วยมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ผู้ที่กำลังรับประทานหรือผู้ที่คิดอยากใช้ยาลดความอ้วนใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้ป่วยหญิงมารับการรักษาด้วยอาการทางจิต คือ มีอาการหวาดระแวงคิดว่ามีคนจะมาทำร้ายตนเองและคนในครอบครัว มีหูแว่วได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน คิดว่ามีคนติดตาม มีกล้องสอดส่องและคิดว่าตนเองสื่อกระแสจิตกับคนอื่นได้ อาการเริ่มเป็นได้ 6 เดือน แพทย์ซักประวัติพบว่าผู้ป่วยใช้ยาลดความอ้วนมาตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยซื้อตามคลินิกแพทย์ ต่อมาสั่งซื้อทางอินเตอร์เนต (ดังรูป)
แพทย์วินิจฉัยว่า เป็นโรคจิตจากการใช้สารเสพติด ( Substance induce Psychosis)
จากที่ได้ดูแลผู้ป่วยรายนี้ :ผู้ป่วยจะเป็นคนโครงร่างใหญ่ รูปร่างสูงประมาณ 170 เซนติเมตร และไม่ได้อ้วนอย่างที่ผู้ป่วยคิดเลย แต่สาเหตุที่ผู้ป่วยต้องรับประทานยาลดความอ้วน เนื่องจากคนในครอบครัวทักว่าอ้วน ทำให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจในรูปร่างตนเอง ไม่กล้าพบหน้าคนอื่น จึงอยากผอม แต่ไม่สามารถควบคุมการกินอาหารได้ จึงต้องอาศัยยาลดความอ้วนช่วย เพราะเชื่อว่ายาลดความอ้วนจะช่วยให้ผอมได้ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด เพราะยาลดความอ้วนจะมีอนุพันธ์ของยาบ้าทำให้มีโอกาสเป็นโรคจิตได้ และที่อันตรายที่สุดคือทำให้หัวใจวายตายได้ ซึ่งจะมีข่าวในโทรทัศน์บ่อย จริงๆแล้วการที่คนเราจะผอมหรืออ้วน ขึ้นกับ 2 พ คือ
พ ที่1 คือ พันธุกรรม กล่าวคือ คนที่มีพ่อแม่อ้วนโอกาสจะอ้วนง่ายกว่าที่พ่อแม่ไม่อ้วน
พ ที่ 2 คือ พฤติกรรม กล่าวคือ คนที่ชอบกินจุบกินจิบ ชอบกินขนมหวานและไม่ชอบออกกำลังกายจะมีโอกาสอ้วนง่ายกว่าคนที่กินอาหารเป็นเวลา ไม่กินหวานมากและชอบออกกำลังกาย
ซึ่งสาเหตุของผู้ป่วยรายนี้ถึงแม้พันธุกรรมจะไม่อ้วน แต่มีพฤติกรรมเหมือน พ ที่ 2 นอกจากนี้การที่ถูกคนใกล้ชิดทักว่าอ้วน ทำให้ผู้ป่วยเสียความสมดุลระหว่าง Real กับ Image ผู้ป่วยจึงคิดว่าตนเองอ้วน ทั้งที่จริงไม่ได้อ้วนเลย
การพยาบาลที่ให้
1.รักษาด้วยยาต้านโรคจิต
2.สอนจิตศึกษา ดังนี้
-บอกให้ผู้ป่วยรับรู้ว่าการเจ็บเกิดจากการใช้ยาลดความ ซึ่งช่วงแรกผู้ป่วยไม่ยอมรับ คิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อได้รับข้อมูลบ่อยๆผู้ป่วยก็ยอมรับ
-แนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน งดขนม รับประทานผลไม้ และออกกำลังกาย
-สอนให้ผู้ป่วยยอมรับรูปร่างตนเองตามความเป็นจริง
-แนะนำญาติไม่ให้ทักว่าผู้ป่วยอ้วน แต่ควรให้กำลังใจ
-บอกอันตรายและส่วนประกอบของยาลดความอ้วนให้ผู้ป่วยรับรู้
ตลอดระยะ 2 สัปดาห์ที่ผู้ป่วยอยู่รักษาผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและยอมรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเอง
ข้อคิดที่ได้จากผู้ป่วย ไม่มีตัวช่วยอะไรจะช่วยให้เราผอมได้ นอกจากตัวเราเอง