บริเวณทุ่งนาทางตอนใต้ ของประเทศอังกฤษ ได้พบวงกลมแปลกๆซึ่ง
ขนาดใหญ่มีรูปแบบโครงสร้างทรงเรขาคณิต ประณีตสวยงาม ทำให้คิดว่าลักษณะ
ดังกล่าว เหมือนจะไม่ใช่ฝีมือมนุษย์เพราะเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
จากเมื่อวานบริเวณพื้นที่ยังเป็นทุ่งนาข้าวอยู่เลย การพบเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้
ย่อมมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า คงไม่ใช่ฝีมือผู้คนบนโลก หรือ อาจเป็นผลงานของ
มนุษย์ต่างดาว หรือ ธรรมชาติกระทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าใน
อากาศ
รูปแบบที่พบและตำนานดั่งเดิม เท่าที่พบวงกลมปริศนา มักจะเกิดบนทุ่งหญ้า หรือทุ่งข้าวสาลี มีลักษณะถูกกดทับ (จากการกระทุ้งลงไปบนพื้น) ให้เอียงลงและต้นพืชจะไม่เสียหายนัก โครงสร้างรูปแบบมีขอบ ส่วนใหญ่เป็นวงกลม บางแห่งมีความซับซ้อนน่าสนใจ มีสัญลักษณ์เกี่ยวข้องไปในหลายๆด้าน ดูคล้ายกับต้องใช้เวลานานมากในการกระทำ
แต่ก็มีไม่น้อย เป็นรูปทรงเรขาคณิตแบบง่ายๆ เชื่อมต่อกันอย่างวิจิตรบรรจงโดย
จากข้อมูล และคำบอกเล่าของชาวนาเชื่อว่า วงกลมปริศนาเป็นลักษณะกระทำ
โดยปีศาจ (Mowing devil) ได้พบเห็นมาตั้งแต่ช่วงย้อนหลังไป 200 ปีที่แล้ว
ครั้นเมื่อ ค.ศ.1880 นักวิทยาศาสตร์สมัครเล่น John Rand Capron ได้รายงาน
ไว้ใน British science journal Nature พบวงกลมปริศนาใกล้ Guildford, Surrey
ทางตอนใต้ ของประเทศอังกฤษ ในทุ่งข้าวสาลี โดยไม่มีความเสียหายของต้นข้าว
เป็นความพิเศษอย่างยิ่งโดยให้ความเห็นว่าเกิดจาก ปฏิกิริยาของลมวน
หลังจากนั้นเรื่องบอกเล่า ได้เงียบหายไปจนเข้าสู่ ระหว่าง ค.ศ. 1960-1970
เริ่มเกิดขึ้นประปราย และเมื่อ ค.ศ.1980 ชาวนาในเมือง Wiltshire ประเทศอังกฤษ
ได้พบวงกลมปริศนาจำนวน 3 วงขนาดประมาณ 18 เมตร ในทุ่งข้าวโอ๊ตของตน
ข่าวลือจึงเกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของ UFO เริ่มต้นจากที่นี่ ต่อมาตลอดทั้งปี ค.ศ.1990
มีวงกลมปริศนา เกิดขึ้นอย่างไล่เลี่ยกัน ถึง 500 แห่งของทวีปยุโรป ภายในไม่กี่ปี
หลังจากนั้นมีนับเป็นพันแห่ง ทำให้นักท่องเที่ยว หลั่งไหลเข้ามาชมแหล่งต่างๆจน
เกิดเป็นธุรกิจ การจัดการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน
ช่วงหลังปี 1990 เป็นต้นมา มีความสวยงาม และซับซ้อนมีหลักการทางเรขาคณิต
พัฒนาการรูปแบบใหม่ มีความซับซ้อนมาขึ้น
ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา จากรูปแบบเดิมที่มีวงเดียว เกิดรูปแบบใหม่เป็น
2-3 วงซ้อนกัน บางแห่งมีเป็นลักษณะแฝด 4 วงจนกระทั่ง มีแบบวงแหวนอยู่
ด้านนอก มีแบบหมุนวนเข้า-ออก คล้ายการเคลื่อนตัวหมุนตามเข็มนาฬิกาและ
หมุนทวนเข็มนาฬิกา มีการซ้อนกันของวงกลม ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นหลายพันฟุต พบว่าวงกลมปริศนาในยุคนี้มี
ความประณีตมากขึ้น มีองค์ประกอบละเอียดลออมากขึ้น เรียกว่า Pictograms
(สัญลักษณ์ภาพที่เหมือนธรรมชาติ) มีแม้กระทั่ง หน้าคนยิ้ม ดอกไม้และข้อความ
ซึ่งต่างไปจากอดีต และยังพบวงกลมปริศนามีความทันสมัยเกี่ยวกับ สมการทางคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เมื่อมาหาค่า ระยะต่างๆมีความถูกต้องในทางองค์ประกอบและตำแหน่งอย่างอัศจรรย์ไม่ว่าจากเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม วงกลมชั้นนอกชั้นในถูกต้องตามหลักการทางเรขาคณิต บางแห่งมีเส้นบางเบา ไม่สามารถจะทำโดยรถไถของชาวนาได้
ฤดูกาลและแหล่งที่พบวงกลมปริศนา
ครั้งแรกๆพบทางตอนใต้ของ อังกฤษ ที่เมือง Hampshire และ Wiltshire ยังพบ
อีกหลายแห่งบริเวณใกล้กับ Avebury และ Stonehenge จากนั้น พบขึ้นเรื่อยๆ
ในประเทศอเมริกา แคนาดา แม้กระทั่ง ญี่ปุ่นและอินเดีย ก็มีรายงานการพบ
โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า มักจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงเดือน เมษายน ถึงกันยายน พร้อมๆกันหลายจุดในตอนกลางคืน บริเวณที่พบอาจเป็นไร่ข้าวโพด ไร่ข้าวสาลี
ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ (Rye) และไร่ใบยาสูบ ตำแหน่งที่พบส่วนใหญ่ ใกล้เนินเขา
เป็นเงื่อนไขอธิบายการเกิดขึ้น ตามทฤษฎี Wind theory (ที่ผู้พบมักกล่าวอ้าง)
หลายทฤษฎี มีความเห็นเรื่อง การเกิดวงกลมปริศนา
ด้วยเพื่อให้เกิดความเชื่อถือและไขข้อข้องใจ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ และ สถาบันการค้นคว้าจึงพยายามที่จะไขปริศนาดังกล่าว หาข้อพิสูจน์ด้านทฤษฎีมา
รองรับการเกิดขึ้นของวงกลมปริศนา ด้วยความเห็นที่หลากหลาย และมีรูปแบบ
เกิดขึ้นในหลายประเทศ มีความซับซ้อนสวยงามต่างกัน เช่น
<h5 class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: 7.5pt;"> วงกลมปริศนา ในประเทศโปแลนด์ </h5>
วงกลมปริศนา ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ทฤษฎีเกิดจากมนุษย์ต่างดาว
มักพบว่าเป็นคำอธิบายจากคนบางกลุ่ม ในเรื่องนี้ เกิดจากการกระทำของ UFOs
แต่ก็ยังมีการโต้แย้งกันอย่างกว้างขวางมากมาย ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมี รูปแบบ
สิ่งทรงปัญญาจากดินแดนอื่นๆได้เข้ามาแสดงการกระทำดังกล่าวไว้ ด้วยการทิ้งร่อง
รอยการลงจอดของยานหรือเป็นการทิ้งร่องรอยของ ข้อความที่จะสื่อสารกับมนุษย์
โดยมีการอ้างถึงมีคนเห็นการเห็นแสงจาก UFOs ส่องออกมาหลังจากนั้นตอนเช้า
ก็พบการเกิดขึ้น ของวงกลมปริศนาบริเวณนั้น
ทฤษฎีเกิดจากลม
เนื้อหาจากข้อสรุปทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นจำนวนมากแสดงเหตุผลการเกิดขึ้น
ของวงกลมปริศนาจากลมหมุนขนาดเล็ก (Swirling winds) หรืออาจเรียกว่า Vortices (เกิดขึ้นคล้ายสะดือทะเล) โดยมีการหมุนปั่นเป็นแกนทำให้เกิดพลังงาน
ในอากาศ (เหมือนลมบ้าหมู) แล้วกดลงสู่ ผิวพื้นที่มีต้นหญ้า (หรือต้นไม้เล็กๆ)
ทำให้แบนราบลง
โดยลักษณะดังกล่าวมีเกิดขึ้นทั่วไปในทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ด้วยข้อมูลจากการสำรวจของสถาบัน Tornado and Storm Research Organization (TORRO) ประเทศอังกฤษ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
ที่เรียกว่า Plasma Vortex Theory
อธิบายได้ว่า ขณะที่อนุภาคฝุ่น (Dust particles) จับตัวกันหมุนปั่นเกิดการเปลี่ยนแปลงของอากาศ มีความสามารถที่จะทำให้เกิดแสงเรืองๆได้ ดั่งเช่นที่หลายคนเคยเห็นแสงลอยอยู่ตามท้องทุ่งเป็นก้อนๆ จึงอาจตีความว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว
กำลังมาสร้างวงกลมปริศนาท้องทุ่งบางแห่งของประเทศเรา มีรายงานในทางภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่เคยเห็นปรากฎการณ์ของแสงลอยไปมาเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ชัดเจนซึ่งบางกรณีอาจเป็นกลุ่มก๊าซ จากใต้ผิวดินอาจเป็นได้
อย่างไรก็ตามมีข้อสงสัย หากการเกิดกรณีดังกล่าว เพียงไม่กี่นาทีของ Plasma Vortex ทำให้เกิดวงกลมปริศนา ที่มีรูปแบบซับซ้อนและแตกต่างกันได้หรือไม่
ทฤษฎีเกิดจากเครื่องบิน
การอ้างถึงเรื่องการเกิด ของวงกลมปริศนา ด้วยร่องรอยจากเครื่องบินขนาดเล็ก
(หรือเครื่องร่อน) และ Helicopters ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นมีน้อยมาก
ทฤษฎีเกิดจากพลังงานต่างๆบนโลก
รายงานบางกรณี เชื่อว่าการเกิดขึ้นของวงกลมปริศนา ด้วยเงื่อนไขพลังงานเรียก
ว่า Electromagnetic radiation (คลื่นรังสีของสนามแม่เหล็ก) จากการตรวจสอบ
ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยเครื่องมือสามารถวัด ค่ารังสีสนามแม่เหล็กได้ในอัตราเข้ม
ข้นกว่าปกติ พบว่าบางครั้ง (สำหรับบางคน) เมื่อเข้าใกล้วงกลมปริศนาขบวนการ
ทางร่างกาย มีการตอบสนองต่อความรู้ลึกของรังสีดังกล่าว
โดยคำตอบต่างๆ ต้องคำนึงถึงน้ำหนัก และไตร่ตรองอย่างรอบครอบ เนื่องจาก
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เรายังไม่สามารถตอบคำถามในประเด็นต่างๆได้อย่าง
หมดข้อสงสัย จากการพบวงกลมปริศนาเลย
การเกิดวงกลมปริศนาด้วยธรรมชาติของลมในทุ่งนา..
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.sunflowercosmos.org/report/report_main/report_crop_circle.html
</span>
คนเรานี้ชั่งคิดช่างทำเนอะ
สวยดี.........................
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ
งานนี้ทำจากมนุษย์ต่างดาวอ่ะนะเพื่อน ..
เค้าทำมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกภัยพิบัติบนโลก