ดีใจจังที่วันนี้เราได้ล้อมวงกินข้าวเที่ยงร่วมกัน แกงหน่อไม้สดด้วยน้ำใบย่านางฝีมือไอ้เรืองทำมาจากบ้านในกล่องพลาสติกใหญ่พอประมาณสุดแสนอร่อย…ดีลอเวอรี่จากต่างจังหวัดขนขึ้นรถโดยสารแบบจานด่วน ติดห้อยด้วยกระติ๊บข้าวหนียวอีกหนึ่งติ๊บเต็มๆ ผนวกกับซุปหน่อไม้และผักสดที่ติดมือพี่อื๋อมา แถมด้วยส้มตำ และปลาเผาเจ้าเก่าหน้าโรงพยาบาล แซ่บอีหลี!
จนพี่อื๋ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยในวงประชุมแบบกันเองนี้ว่า เราได้ข้อสรุปของการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการมิตรภาพบำบัดโดยผ่านเรื่องเล่าเป็นเส้นทางเดิน ก็เพราะแกงหน่อไม้นี้ล่ะ!
รับประทานอาหารเที่ยงไปด้วย...คุยกันไปด้วย ทั้งเรื่องการทำงานและความรู้รอบตัว ผสมปนเปหลากหลายเรื่องราวในความกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ
ประหยัดเวลากว่าที่ใช้ในการประชุมแบบปกติซะอีก...แถมยังอร่อย ด้วยบรรยากาศอบอุ่นคละเคล้าเสียงน้ำไหลจากลูกหินหมุนที่วางอยู่ใกล้ๆ...ยังกับร้านอาหารสไตล์รู้ใจแขกแน่ะ!
คนสำคัญหัวเรือใหญ่อย่างพี่จิ๊...ก็แวะเวียนมา แม้มีเวลานั่งคุยได้พียงไม่กี่นาทีทอง แต่มีเรื่องเล่าแบบวันเพจมาอวดถึงสองเรื่อง ทำเอาเราปลื้มใจยิ่งนักเจ้าค่ะ
แต่น่าเสียดายอยู่บ้างตรงที่พี่ๆแกนนำหลายท่าน ไม่สามารถมาร่วมวงได้เนื่องจากติดภารกิจด่วนจี๋กะทันหัน ถึงกระนั้นพี่ต้วงก็ยังหาเวลาแวะเวียนมาบอกกล่าวให้รู้กัน...พี่นิด พี่นารี ก็ส่งข่าวบอกกล่าวไม่ได้มาด้วยจำเป็นทันด่วน ส่วนพี่พจนั้นออกหน่วย...ท่านพี่ๆน่ารักจริงๆเลย
อ้อ!ท่านอาจารย์ ดร.กะปุ๋ม งานนี้ขาดไม่ได้ ถ้าท่านไม่มาไม่ได้ประชุมแหงแซะอยู่แล้ว!
ช่วงท้ายๆของชั่วโมงกันเอง เป็นซีนของไอ้เรืองนานพอควร...จะอะไรซะอีก ก็วีรกรรมของไอ้เรืองนั้นเยอะแยะเต็มไปหมด อาจต้องใช้เวลาเล่าถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนก็เป็นได้!
ไอ้เรืองบอกว่าช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ตัวเองกำลังเป็น “ยาหม้อใหญ่” ให้กับคุณแม่...ด้วยการใช้วิชาจิตประสานกายรักษาคุณแม่ด้วยความรักและกตัญญู ดังนั้นช่วงนี้จึงต้องเดินทางไป-กลับบ้านซึ่งอยู่จังหวัดใกล้เคียงทุกวัน
มิหนำซ้ำยังเล่าถึงวีรกรรมในสมัยวัยรุ่น เมื่อครั้งที่กำลังแตกเนื้อสาวดังเปรี๊ยะๆ กับการเป็นกุ๊กตามแบบวิถีชาวบ้าน...อย่างเพลิดเพลิน เชื่อมโยงสู่การเป็นก๊ก!( อุ้ยขออภัยค่ะ...ลืมสระอุ ) เป็นกุ๊กในยุคปัจจุบันที่ใช้วิธีการปรุงอาหารด้วยการดมกลิ่น... “แค่ดมก็รู้รสแล้ว!”
ก็ไอ้เรืองน่ะเริ่มรับประทานมังสวิรัติมาประมาณสิบกว่าปีแล้ว...จะให้ชิมอาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัติได้อย่างไรเล่า...หัวไอ้เรืองซะอย่าง...ไม่มีปัญหา! ดมเอาก็ได้จะเป็นอะไรไป อาหารที่ปรุงออกมาก็รสชาติอร่อยดียืนยันด้วยการถามจากผู้รับประทานว่า รสชาติเป็นอย่างไรด้วยนะ...
ท่านอาจารย์ ดร.กะปุ๋ม นั่งเงียบฟังไอ้เรืองเล่าเรื่องมาถึงตรงนี้...ท่านบอกว่าไอ้เรืองทำอะไรๆสมกับที่คร่ำหวอดในวงการพัฒนาคุณภาพมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมคุณภาพประจำใจอย่างเนียบแนบไปกับวิถีชีวิตประจำวัน ฉันคิดในใจ...อือฮึ! คิดเป็นระบบ มองข้ามปัญหา รู้จักพลิกแพลงวิธีการ และมีการตรวจสอบประเมินผลที่ได้อีกด้วย...ท่านอาจารย์พูดมีกลิ่นอายของกระบวนการ happiness R2R นี่นา...
หลังจากช่วยกันล้างจานเรียบร้อยแล้ว...พี่อื๋อเผยเรื่องเล่าจากผู้ช่วยเหลือคนไข้มาฝากและพาเข้าเรื่องงานอีกรอบได้ข้อสรุปกำหนดการจัดงานเสวนาเรื่องเล่าครั้งต่อไปในวันที่ ๑๗ กันยายนโน่นแน่ะ พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยการ AAR โดยอัตโนมัติปราศจากการสั่งการแต่อย่างใดจากวงเล่าในวันนี้ว่า หนึ่งได้กินฟรี สองได้กินอาหารอร่อย สามได้พูดคุยกับเพื่อนด้วยความรู้สึกอบอุ่น และสี่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้ในทุกอณูที่หน้างานด้วยคำถามเฉียบคมว่า
Q: ทำอย่างไรบรรยากาศแห่งความสุขอย่างเรียบง่ายในการทำงานจะงอกงามเติบโตในองค์กรแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ??
A: หรือว่าอาจต้องใช้กุญแจผีของพี่นก-เลขาทีมเรื่องเล่าฯ ไขประตูใจเข้าไปค้นหากันนะ??
ขอบพระคุณเวลาแห่งการถึงพร้อม
๓๐ กรกฎาคม ๕๓
ไม่มีความเห็น