"การติดกรอบ"ไม่น่าจะโหดร้ายเกินไปหากเทียบกับการได้"ทลายกรอบ"ทั้งนี้อยู่ที่ความสามารถในการ "ก้าวข้าม" หรือ "ฟันฝ่าทางตัน"ออกไปได้อย่างสวยงามโดยเราและคนอื่นไม่บาดเจ็บได้อย่างไร ??
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยผ่านการทำกิจกรรมลากเส้นตรง 4 เส้นผ่านจุด 9 จุดโดยต้องลากเพียงครั้งเดียว ห้ามยกปลายปากกา หรือดินสอขึ้น.....
เกมกิจกรรมนี้นำมาจาก ศาสตราจารย์ ดร. เจมส์ แอล อดัมส์ (James L. Adams) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “กับดักความคิด : Conceptual Block Busting”
Adams กล่าวว่า ปัญหาข้อนี้จะแก้ได้ยากหากเราไม่ขยายกรอบในความคิดที่ล้อมจุดทั้ง 9 นี้ให้กว้างออกไป
นอกจากนี้ Adams ยังบอกอีกว่า มนุษย์มีศักยภาพมากในการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมีประโยชน์ทั้งในการแก้ปัญหาและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แต่มนุษย์ก็มีเงื่อนไขบางอย่าง ที่มาสร้างขีดจำกัดให้ตัวเราเองโดยไม่รู้ตัว ขีดจำกัดหรืออุปสรรคอย่างหนึ่งก็คือ อุปสรรคเรื่องการรับรู้ซึ่งทำให้นักแก้ปัญหา มองตัวปัญหาหรือข้อมูลที่จำเป็นในการแก้ปัญหาได้ไม่ชัดเจน
นี่คือ "ทลายกับดักความคิด"
และเป็นที่มาของคำอีกคำที่ว่า "คิดนอกกรอบ"
ซึ่งฉันเห็นว่าบางทีวลีสวยๆที่บอกว่า คิดนอกกรอบ Think Out Of The Box ก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะหากไม่มีกรอบ (box) ไว้อ้างอิง (reference) บ้าง ชีวิตก็จะดูไร้ทิศทางสะเปะสะปะเกินไป
เพราะอย่างนี้กระมังที่ฉันเคยผ่านการทำกิจกรรมลากเส้นตรง 4 เส้นผ่านจุด 9 จุดมาหลายครั้ง และในหลายครั้งนั้นฉันก็ยังไม่สามารถที่จะทำกิจกรรมนี้ได้สำเร็จ จนกระทั่งวิทยากรเฉลยในทุกครั้งเหล่านั้น
ประเมินว่า ฉันคงเข้าข่ายเป็นคน "ติดกรอบ"
ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า .... หาก"กรอบ" ไม่ได้บั่นทอนวิถีชีวิตประจำวันหรือการทำงานมากนัก การติดกรอบก็ไม่น่าจะโหดร้ายเกินไปหากเทียบกับการได้"ทลายกรอบ"
ทั้งนี้อยู่ที่ความสามารถในการ "ก้าวข้าม" หรือ "ฟันฝ่าทางตัน"ออกไปได้อย่างสวยงามโดยเราและคนอื่นไม่บาดเจ็บได้ อย่างไร ??