มีพุทธภาษิตว่า “ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจะทำอะไรได้” ครูบาศรีวิชัย เป็นพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่ผมคิดว่าท่านมีวัตรปฏิบัติตรงตามนี้ และเมื่อมีปัญหาท่านก็สามารถจัดการปัญหานั้น ๆ ได้โดยไม่เคยโทษดวงดาวใด ๆ เลย
อตี๋เต๋ ก๋าเล สมัยที่ครูบาศรีวิชัย นำศรัทธาประชาชนบุกเบิกถนนขึ้นดอยสุเทพ ทางบ้านเมืองมีเจ้าแก้วนวรัฐเป็นประธาน ทางสงฆ์มีครูบาเป็นผู้นำ โดยการประสานงานของครูบาโสภา(เถิ้ม) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ และวัดแสนฝาง เชียงใหม่ ฟังมาว่าครูบาชอบเริ่มทำงานสำคัญ ๆ ในวันพุธ เพราะว่าเป็นวันพระพุทธเจ้า และที่สำคัญหากมีเจตนาจะทำความดี ที่จะก่อประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา ให้กับสังคมแล้ว ทุกอย่างย่อมดีเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน…………
หลังจากที่ครูบาพ่อเทิ้มพาช่างจากเมืองกอก เดินสำรวจเส้นทางที่จะทำแล้ว ก็พากันลงไปปรึกษากับครูบาศรีวิชัยที่วัดสวนดอก ท่านบอกว่า “เฮาจะลงมือทำในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 เวลา 10.00 น.” ครูบาพ่อเทิ้ม ผู้มีความชำนาญในเรื่องโหราศาสตร์ นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ท้วงว่า “วันที่ครูบาว่าก็สามารถสร้างทางได้สำเร็จเหมือนกัน แต่จะมีเรื่องให้เดือดร้อนใจ ไม่หยุดหย่อน จะให้ดีก็เปลี่ยนวันใหม่เถอะ” เรื่องนี้ทำให้เห็นบุคลิคภาพของครูบาศรีวิชัยในเรื่องสัจจะได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อท่านเอ่ยปากแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด ครั้งนี้แม้จะเป็นการท้วงของพระมหาเถระที่ครูบาท่านนับถือว่าเป็นครูบาพ่อก็ตาม ท่านก็คงยืนยันที่จะทำในวันที่ 9 ดังเดิม และอีกประการหนึ่งท่านมีกำหนดจะเดินทางไปธุระที่เชียงดาว ซึ่งหากเปลี่ยนวัน การสร้างทางก็ต้องเลื่อนออกไป
ดังจะรู้ว่าความเดือดร้อนที่ว่านั้นคืออะไร? ครูบาเถิ้มจึงแนะว่า วันเริ่มลงมือทำให้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ในจังหวัดมาเป็นประธาน ครูบาตอบว่า “บ่ต้องไปรบกวนเปิ้นละ มีครูบาพ่อเถิ้มต๋นเดียวก่ปอแล้ว”(ก็พอ) เมื่อท่านยืนยันเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัด จึงเป็นอันว่าวันเวลาที่ท่านให้ไว้นั้น ถือเป็นฤกษ์งามยามดีทุกอย่าง
เมื่อถึงวันที่กำหนดหมาย ครูบาพ่อเถิ้ม ครูบาศรีวิชัยและพระคณะวัดสวนดอก พระสิงห์ ร่วมกันเจริญชัยมงคลคาถา จบแล้วครูบาก็ประกาศว่า “การนี้เป็นงานใหญ่ จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีเทวดามาช่วย” จากนั้นก็แบ่งหน้าที่กัน ครูบาเถิ้ม เป็นผู้นำในการกรุยทางไปก่อน เมื่อถึงบริเวณที่เจอหินก้อนใหญ่ จะต้องใช้ดินระเบิด ให้เป็นหน้าที่ของครูบาศรีวิชัยและลูกศิษย์ (ครูบาชัยวงษาพัฒนา)
โบราณว่า“เยี๊ยะการน้อยอิดเหมือนต๋าย ช่วยกั๋นหลายเหมือนเล่น” ผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเอาบุญร่วมกับพระธาตุเจ้าและครูบา บ้างก็พาลูกมาขอบวชเพื่ออยู่ช่วยงาน ซึ่งท่านก็จัดการให้บวช งานใหญ่กลายเป็นงานเล็กไปเพราะพลังแห่งศรัทธาสามัคคี เพียง 5 เดือนกับ 22 วัน ทุกอย่างก็สำเร็จเป็นปริปุ๋ณณัง รางวัลที่ครูบาได้รับ ในฐานะพระนักพัฒนาดีเด่นก็คือ การถูกแจ้งข้อหาอุปัชฌาย์เถื่อน ทำลายป่าอันมิใช่กิจของสงฆ์ ให้นำตัวลงไปสอบสวนที่กรุงเทพฯ
ไม่มีความเห็น