หน้าแรก
สมาชิก
ดอกเอื้องป่า
สมุด
นวัตกรรมฯ ความเป็...
บันทึกที่ 10 การน...
ดอกเอื้องป่า
นางสาว รัชนู แข็งแรง
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
บันทึกที่ 10 การนำเสนอกระบวนการผลิตบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การบวกจำนวนสองหลักมีทด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
กระบวนการผลิตบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การบวกจำนวนสองหลกมีทด
บทที่ 1
โครงการผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา
ชื่อโครงการ บทเรียนสำเร็จรูป
บทเรียนสำเร็จรูป สำหรับการพัฒนาทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกเลขสองหลักมีทด
ชื่อผู้จัดทำโครงการ
นางสาวรัชนู แข็งแรง นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู รหัส 52741155
หมู่เรียน ป 52.01
หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันเด็กนักเรียนระดับช่วงชั้นที่ 1 ส่วนมากยังไม่สามารถทำการบวก เลขจำนวนสองหลักมีทดได้อย่างถูกต้องมากนักวิชาคณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบแบบแผน และการดำเนินการ การบวก การลบเลขนั้น ถือเป็นพื้นฐานในการฝึกทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ การบวกเลขจำนวนสองหลัก ก็เป็นเนื้อหาหนึ่งในสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่เราใช้กันอยู่ประจำทุกวันอยู่แล้ว สื่อนวัตกรรมชิ้นนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้าเพื่อใช้ในการประกอบการเรียนการสอนเรื่อง การบวก ลบเลข ได้เป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจถึงความสำคัญของการบวก เลขเพื่อนำไปใช้ในอนาคต
เพื่อให้ผู้เรียนหาผลบวกของจำนวนนับสองจำนวนได้อย่างถูกต้อง
เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะเรื่องการบวก
ขอบเขต
1.ความหมายของการบวกเลข
2.การบวกเลขสองหลักที่มีทด
3.สื่อสามารถช่วยสอนนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีกระบวนการคิดเลขได้อย่างเป็นระบบ
4.สื่อสามารถช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เข้าใจได้
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้เรียนจดจำหลักในการ บวกเลขสองหลักมีทดที่ถูกกต้องได้ดียิ่งขึ้น
2.สื่อสามารถช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เข้าใจ และเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
3.ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ได้ตลอดชีวิต
4.สามารถสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องเลขสองหลักมีทด ของรายวิชาคณิตได้ดีขึ้นไป
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจ
2. เขียนโครงการเสนออาจารย์ประจำวิชาเพื่อทำการตรวจสอบ
3. เมื่อผ่านการตรวจสอบและได้รับการอนุมัติก็เริ่มทำโครงการ
4. นำโครงการบทเรียนสำเร็จรูปที่ทำไปให้ครูผู้สอนตรวจ
5. ปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์
6. ทดลองใช้กับนักเรียนชั้น ป.2 จำนวน 4 คน
7. วิเคราะห์และประเมินผลการทดลอง
8. สรุปผลการทดลอง และนำข้อปกพร่องที่พบไปปรับปรุงแก้ไข
9. ทำบทเรียนสำเร็จรูปฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด
10. นำส่งครูผู้สอน
ระยะเวลาในการจัดทำ
ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน พศ. 2553
งบประมาณที่ใช้จริง
ค่ากระดาษ A4 200 บาท
ค่าเข้าเล่ม 100 บาท
ค่าปริ้น 130 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 100 บาท
รวม 530 บาท
บทที่ 2
ขั้นตอนการผลิตสื่อนวัตกรรม
1.กระบวนการจัดทำ/การผลิต
1. ศึกษาวิธีการจัดทำ (บทเรียนสำเร็จรูป)
2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
3. สร้าง (บทเรียนสำเร็จรูป)
4. วิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุจากการจัดการเรียนการสอน
5. ศึกษารายละเอียดของหลักสูตรเพื่อวิเคราะห์เนื้อหา จุดประสงค์ และกิจกรรม
6. พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา
7. ศึกษารูปแบบของการสร้างสื่อ
8. ออกแบบสื่อ
9. ลงมือสร้างสื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาและหาจุดประสงค์การเรียนรู้
10. ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา
11. นำไปทดลองใช้พร้อมบันทึกผลเพื่อปรังปรุงแก้ไขส่วนที่บกพร่อง
12. ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
13. จัดทำเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์
2.ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิต และการแก้ไขปัญหา
1. ระยะเวลาที่ในการผลิตสื่อมีจำกัด เพราะใช้ระยะเวลาในการผลิต 1 เดือนเท่านั้น
2. เนื่องจากผู้จัดทำ ทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชน จึงไม่สามารถใช้เวลาในการจัดทำสื่อได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร
บทที่ 3
การหาประสิทธิภาพของสื่อหรือนวัตกรรม
1. การหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาชองสื่อผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Object Congruence: I.O.C) โดยผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้คะแนนเป็น +1 หรือ 0 หรือ -1
โดย +1 แน่ใจว่าสอดคล้อง
0 ไม่แน่ใจว่าสอดคล้อง
-1 แน่ใจว่าไม่สอดคล้อง
IOC =
เมื่อ IOC คือ ดัชนีความสอดคล้อง
R คือ คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ
N คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
หมายเหตุ ค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป ถือว่าใช้ได้
2. การคำนวณหาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2)
= 100
เมื่อ คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
คือ คะแนนรวมของทดสอบหลังเรียน
คือ คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
คือ จำนวนผู้เรียน
การยอมรับประสิทธิภาพ
1. สูงกว่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ตั้งมาตรฐานไว้ 80/80 แล้วคำนวณค่าประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูปได้ 85/85
2. เท่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้พอดี เช่น ตั้งมาตรฐานไว้
80/80 แล้วคำนวณค่าประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูปได้ 80/80
3. ต่ำกว่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ไม่เกิน + 2.5 %
6
2. การคำนวณหาประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2)
= 100
เมื่อ คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
คือ คะแนนรวมของทดสอบหลังเรียน
คือ คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
คือ จำนวนผู้เรียน
การยอมรับประสิทธิภาพ
1. สูงกว่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ตั้งมาตรฐานไว้ 80/80 แล้วคำนวณค่าประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูปได้ 85/85
2. เท่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้พอดี เช่น ตั้งมาตรฐานไว้
80/80 แล้วคำนวณค่าประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูปได้ 80/80
3. ต่ำกว่าเกณฑ์ คือ ตั้งเกณฑ์ / ไว้ แล้วได้ค่าประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ไม่เกิน + 2.5 %
บทที่ 4
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปได้ดังนี้
ผลการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การบวกเลขสองหลักมีทด ที่ผู้จัดทำขึ้นประกอบด้วย ส่วนสำคัญ คือ
1) บทนำ 2) แบบทดสอบก่อนเรียน 3) กรอบความรู้ 4) แบบฝึกหัด และ 5) แบบทดสอบหลังเรียน มีประสิทธิภาพและ
ได้มาตรฐานตามเกณฑ์มาตรฐานและมีค่าความตรงเชิงเนื้อหาบทเรียนสำเร็จรูป เฉลี่ยเท่ากับ 80 เปอร์เซนต์ขึ้นไป
ซึ่งแปลผลได้ว่า บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การบวกเลขสองหลักมีทด มีคุณภาพในระดับดีมากที่สุด สามารถพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และ สามารถเรียนรู้และตอบคำถามจากกเนื้อเรื่องได้
อภิปรายผล
1.บทเรียนสำเร็จรูป กระบวนวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา (ETI5701) เรื่องการบวกเลขสองหลักมีทด ที่ผู้สร้างขึ้นนั้น มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ในการประเมินนั้น เนื่องมาจากผู้จัดทำได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยศึกษาสภาพปัญหาและวิเคราะห์ความเหมาะสมที่ได้นำเนื้อหามาใช้สร้างเป็นบทเรียนสำเร็จรูป รวมทั้งได้นำทฤษฎีหลักการจากหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาจัดสร้างบทเรียนให้สอดคล้องกับสภาพของผู้เรียน และยังผ่านการแนะนำของที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเป็นระยะๆ ซึ่งได้มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้ง จนผ่านการประเมินทั้งในด้านเนื้อหาแล้วจึงนำมาให้นักเรียนทำการทดสอบ 2.การแสดงเนื้อหาได้นำหลักทฤษฎีเกี่ยวกับการเร้าความสนใจของผู้เรียน โดยเลือกตัวอักษรหรือข้อความ ภาพ การใช้สีมาประกอบ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับบทเรียน รวมทั้งมีแบบฝึกหัดให้ผู้เรียนได้ทดสอบ
3.ในแต่ละตอนของเนื้อหา ในบทเรียนมีแรงกระตุ้นให้กับนักเรียนในขณะที่นักเรียนทำแบบฝึกหัดจบแล้วแสดงผลทันที
4.ในการสร้างบทเรียน ได้ใช้หลักการเรียนด้วยตนเองหรือการเรียนแบบเอกภาพ ซึ่งผู้เรียนจะเป็นอิสระในการเรียนไม่ต้องถูกบังคับในการเรียน จะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะเรียนซ้ำได้หลายๆครั้ง จนกว่าจะเข้าใจเนื้อหาและการวางแผนการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนที่สอดคล้องกับการเรียนของผู้เรียน เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้
ข้อเสนอแนะ
จากการดำเนินการศึกษาครั้งนี้ ผู้จัดทำขอเสนอแนวคิดในการนำบทเรียนสำเร็จรูปสอนเพิ่มเติม ไปใช้เพื่อช่วยในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการซ่อมเสริม ดังนี้
1. จากผลการวิจัยที่พบว่า บทเรียนสำเร็จรูปช่วยสอนสามารถเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้ ครูและผู้ปกครอง จึงควรแนะนำบทเรียนสำเร็จรูป ให้นักเรียนได้ศึกษาตามเวลาและโอกาสที่เหมาะสม
2. จากผลการวิจัยที่พบว่า บทเรียนสำเร็จรูปช่วยสอนสามารถเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้ครูที่สอนในสาระวิชาที่สามารถนำบทเรียนสำเร็จรูปช่วยสอนไปเป็นส่วนหนึ่งของการสอนได้ ควรนำไปปรับใช้ประกอบการสอนให้เหมาะสมตามระดับที่รับผิดชอบ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ดอกเอื้องป่า
ใน
นวัตกรรมฯ ความเป็นครู
คำสำคัญ (Tags):
#การบวกจำนวนสองหลักมีทด
#การศึกษา
#บทเรียนสำเร็จรูป
#ข้อเสนอแนะ
#โครงการ
หมายเลขบันทึก: 370719
เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2010 10:52 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:51 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ดอกเอื้องป่า
สมุด
นวัตกรรมฯ ความเป็...
บันทึกที่ 10 การน...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท