คัมภีร์ทิพย์มาลา
โดย ศุภฤกษ์ ภมรรัตนปัญญา
กล่าวถึงลักษณะฝีวัณโรค โบราณเรียก “โรคฝีในท้อง”
ฝีเป็นผลจากการที่ร่างกายต้องการหยุดการรุกรานของเชื้อโรคและป้องกันการกระจายเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย โดยสร้างเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งมาห่อหุ้มเอาไว้ บริเวณที่เป็นฝีจะนูนสูงจากระดับผิวหนังปกติในระยะแรกจะแข็งระยะหลังจะนิ่มจะแตกออกในที่สุด ถ้ารอได้ควรผ่าฝีเมื่อนิ่มแล้ว (ฝีสุกแล้ว) ซึ่งจะได้ผลดีกว่า
ประเภทฝีตามคัมภีร์ทิพย์มาลา
๑. ฝีปลวก
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดอันตังพิการ
เจ็บในทรวงอกบริเวณหัวใจ ไปตามสันหลัง ให้ผอมเหลือง อาเจียนเป็นโลหิต ไอเหม็นคาวคอ บริโภคอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
ปัจจุบัน : โรคกระเพาะอาหารหรือแผลเพ็ปติก(Peptic ulcer)
๒. ฝีวัณโรค ชื่อ กุตะณะราย
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดปับผาสังพิการ
แรกเป็น แน่นในทรวงอกตอนกลางคืน จับไข้ สะท้านร้อนสะท้านหนาวไปทั้งตัว บริโภคอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
ปัจจุบัน : วัณโรคปอดชนิดหนึ่ง (Pulmonary Tuberculosis)
๓. ฝีวัณโรค ชื่อ มานทรวง
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดปับผาสังพิการ
แรกเป็น มีอาการยอกเสียด หายใจขัด เจ็บ แน่นหน้าอก ทั้งกลางวันและกลางคืน ไอเป็นเสมหะเหนียว ซูบผอม
ปัจจุบัน : วัณโรคปอดชนิดหนึ่ง (Pulmonary Tuberculosis)
๔. ฝีวัณโรค ชื่อ ธนูธรวาต
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดปับผาสังพิการ ลามไปพิกัดอัฏฐิพิการ มังสังพิการ
แรกเป็นเจ็บหน้าอกตลอดสันหลัง ปวดเมื่อยไปทุกข้อ ทุกกระดูก วิงเวียน บางที ทำให้ขัดอุจจาระและปัสสาวะ ให้ท้องขึ้นไม่รู้วาย ยอกจุกเสียดยอดอก ซูบผอม บริโภคอาหารไม่มีรส ให้ตาแข็ง นอนไม่หลับ ให้ปวดกลางคืนมากกว่ากลางวัน
ปัจจุบัน : วัณโรคที่กระจายไปทั่วร่างกาย (Miliary Tuberculosis)
๕. ฝีวัณโรค ชื่อ ฝีรากชอนหรือภาชร
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดมังสังพิการ
แรกเป็นมีอาการบวมเป็นลำ ขึ้นไปตามเกลียวปัตคาด ให้จับไข้ สะท้านร้อนสะท้านหนาว ขนลุกชัน ทุกขุมขน ให้ตัวแข็งกระด้าง จะลุกจะนั่งให้ยอก ให้เสียดไหวตัวมิได้
ปัจจุบัน : ฝีจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ
๖. ฝีวัณโรค ชื่อ ฝียอดคว่ำ
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดมังสังพิการ
แรกเป็นให้ปวดท้องน้อยลงไปถึงทวารหนัก ถึงหน้าสะโพก เจ็บเป็นบางเวลา เป็นไข้ สะบัดร้อนสะบัดหนาว ให้ปวดแต่กลางคืน กลางวันปวดเล็กน้อย กระทำพิษต่างๆ
ปัจจุบัน : การติดเชื้อของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน (Deep abscess)
๗. ฝีรวงผึ้ง
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดยกนังพิการ ลามไปสมุฏฐานเตโช พิกัดปริทัยหัคคีพิการ และสมุฏฐานวาโย พิกัดปัตตังพิการ
แน่นชายตับขวา ให้ยอกตลอดสันหลัง ตัวเหลือง หน้าเหลือง ตาเหลืองดังขมิ้น ปัสสาวะเหลืองดุจน้ำกรัก สะบัดร้อน สะท้านหนาว ให้มึนตึง ให้เมื่อยทุกข้อ ทุกกระดูก ให้อิ่มด้วยลม บริโภคอาหารมิได้
ปัจจุบัน : โรคตับอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ หรือนิ่วในถุงน้ำดี
๘. ฝีมะเร็งทรวง
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดกรีสังพิการ ปับผาสังพิการ และอัฏฐิพิการ
เมื่อจะบังเกิด ให้เป็นมูกเลือดหลายครั้งหลายหน ดุจเป็นบิด แล้วก็หายไป อยู่ๆ กลับมาเป็นอีก ให้ปวดขบ ยอกเสียด จุกแน่นหน้าอก ยอกตลอดสันหลัง ให้วิงเวียน ไอ หอบ หิว ไม่มีแรง ซูบผอม มักครั่นตัว เมื่อยทุกข้อทุกกระดูก
ปัจจุบัน : โรคบิดเรื้อรัง สาเหตุจากเชื้ออะมีบา หรือบางทีเรียก บิดมีตัว
๙. ฝีธรสูตร
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดอัฏฐิพิการ
เมื่อจะบังเกิด ให้เจ็บปวดสันหลัง เมื่อย จุกเสียดในท้อง ซูบผอม บริโภคอาหารมิได้
ปัจจุบัน : วัณโรคที่กระดูกสันหลัง (Tuberculosis of spine)
๑๐. ฝีธนูทวน
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดปิหกังพิการ
เมื่อบังเกิด ทำให้ฟกบวม ตามเส้นสัณฑะฆาต ให้ตึงท้อง ตลอดสันหลัง สันหลังแข็ง ลุกนั่งไม่ได้ ให้ยอกเสียด ระบมไปทั่วท้อง ให้ท้องบวม ใหญ่ขึ้น
ปัจจุบัน : ภาวะหน่วยไตอักเสบ โรคตับอักเสบ
๑๑. ฝีสุวรรณเศียร
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดมัตถเกมัตถุงคังพิการ
ลามไปสมุฏฐานเตโช พิกัดปริทัยหัคคีพิการ สมุฏฐานอาโป พิกัดบุพโพพิการ
เมื่อเกิดในสมองทำให้กระดูกพิการ ตั้งขึ้นดุจจอกหูหนู มีสีเหลือง มีรากหยั่งถึงหัวใจ ให้เมื่อยต้นคอ เจ็บขึ้นถึงกระหม่อม ตามืด หูตึง ปวดศีรษะดังจะแตก เจ็บทุกเส้นขน ร้อนในกระหม่อม ในกระบอกตา และช่องหู
ถ้าตั้งหนองขึ้นแล้วทำพิษให้กลุ้มในดวงใจ สะบัดร้อนสะท้านหนาว ให้คลั่งไม่ได้สติเมื่อหนองแตกจากช่องหูหรือตาทั้งสองข้างนั้น หรือจากช่องใดช่องหนึ่ง ถ้าออกมาทางช่องอันใด ช่องอันนั้นก็พิการ
ปัจจุบัน : การติดเชื้อในสมองหรือมะเร็งสมอง
๑๒. ฝีชื่อ ทันตะกุฏฐัง
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดตะโจพิการ
ถ้าขึ้นกรามซ้าย ชื่อทันตะมุนลัง
ถ้าขึ้นข้างขวา ชื่อ ทันตุกุฎฐัง
อาการเหมือนกัน คือแรกเป็นมีลักษณะเหมือนเมล็ดข้าวโพด มีสีแดง เหลืองเหมือนลูกหว้า บางทีแข็งดุจเม็ดหูด ร้ายนัก เมื่อแตกออก มีลักษณะคล้ายดอกลำโพง แล้วเปื่อยตามเข้าไปถึงลำคอ มีน้ำเหลืองมากกว่าหนอง
หากเป็นรุนแรงทำให้ปวดตั้งแต่ต้นคางไปถึงกระหม่อม ฟกบวมออกมาภายนอก ให้จับสะบัดร้อน สะท้านหนาว บริโภคอาหารไม่ได้ แพทย์ไม่รู้ นึกว่ามะเร็งรำมะนาด ตายเสียเป็นอันมาก
ปัจจุบัน : มะเร็งที่กราม(การรักษาเช่นเดียวกับมะเร็งในช่องปาก)
๑๓. ฝีทันตะมูล
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดตะโจพิการ
เกิดที่แก้มซ้ายและขวา อาการเริ่มแรกเหมือนปูนกัดปาก เกาะจับอยู่ตามกระพุ้งแก้ม มีสีแดงดังสีเสนอ่อน ให้แสบร้อนในกระพุ้งแก้ม แก้มชา บางทีให้ฟกบวมออกมา ภายนอกมียอดบาน เหมือนดอกลำโพง เป็นหนอง ๑ ส่วน น้ำเหลือง ๒ ส่วน ถ้าผู้ใดเป็นถือว่าเป็นกรรม
ปัจจุบัน : มะเร็งในช่องปาก(เกิดจากการกินหมาก จุกยาฉุน
ดื่มเหล้าเข้มข้น สูบบุหรี่ ฟันเก ใส่ฟันปลอมที่ไม่กระชับ)
๑๔. ฝีราหูกลืนจันทร์
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดตะโจพิการ ลามไปสมุฏฐานเตโช พิกัดปริทัยหัคคีพิการ และสมุฏฐานอาโป พิกัดบุพโพพิการ
เกิดใต้ต้นลิ้น มีลักษณะดังดวงจันทร์ เมื่ออ้าปากออกจะเห็นครึ่งหนึ่งลับเข้าอยู่ในลำคอ ไม่เห็นครึ่งหนึ่ง ทำให้ฟกบวมในลำคอ บริโภคข้าวน้ำ มักให้สำลักขึ้นในจมูก ถ้าแก่ขึ้นให้แดงดังผลมะเดื่ออุทุมพรสุก ให้จับไข้ สะบัดร้อนสะท้านหนาว เจรจาไม่ค่อยจะได้ มีหนองและน้ำเหลืองเท่ากันจัดเป็นอติสัยโรค(แก้ ๑ เสีย ๓ ส่วน)
ปัจจุบัน : มะเร็งที่โคนลิ้นหรือมะเร็งต่อมน้ำลาย(การรักษาเช่นเดียวกับมะเร็งในช่องปาก)
๑๕. ฝีฟองสมุทร
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดตะโจพิการ ลามไปสมุฏฐานเตโช พิกัดปริทัยหัคคีพิการ
เกิดเพื่อวาโย โลหิตระคนกัน ขึ้นในคอต้นขากรรไกร แรกขึ้นมีสัณฐานดังหลังเบี้ย ถ้าขึ้นขวาตัวผู้ ขึ้นซ้ายตัวเมีย ให้เจ็บในลำคอ กลืนข้าวกลืนน้ำไม่ได้ เจ็บปวดดังจะขาดใจตาย ถ้าให้ยาถูกก็หายไป ถ้าไม่ถูกก็กลายขึ้นเป็นหนอง ให้สะบัดร้อนสะบัดหนาวดุจไข้จับ ให้เชื่อมมัว ร้อนตลอดศีรษะจรดปลายเท้า ทุรนทุรายไปจนกว่าหนองจะแตก วัณโรคฟองสมุทรนี้ เป็นยาปะยะโรค( รักษาได้ไม่ตาย)
ปัจจุบัน : ทอลซิลอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
๑๖. ฝีกรีบแรต
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดชิวหาพิการ
เกิดตามครีบชิวหา เมื่อแรกเท่าเมล็ดถั่วเขียวและเมล็ดงา แข็งขึ้นมาเหมือนหัวหูด แล้วใหญ่ขึ้นมีสีแดงดังชาดจิ้ม ทำให้ลิ้นกระด้าง ให้เจ็บๆ คันๆ และเร่งเกลื่อนเสียแต่ยังอ่อน อย่าปล่อยไว้ให้ยอดแตกออกมา ถ้าแก่เข้าแล้ว จะแตกออกเปื่อยลาม เป็นขุมๆ ลามไปในชิวหาพื้นบนและล่าง บางทีบวมทะลุลงไปใต้คาง เป็นหนองและโลหิตไหลตลอดเวลากลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ ถ้าใครเป็นถือว่าเป็นกรรม
ปัจจุบัน : มะเร็งที่ลิ้น (การรักษาเช่นเดียวกับมะเร็งในช่องปาก)
๑๗. ฝีอุระคะวาต
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดอัฏฐิพิการ กรีสังพิการ ลาไปสมุฏฐานเตโช พิกัดปริทัยหัคคีพิการ
เกิดขึ้นตามกระดูกสันหลังข้างใน บางทีขึ้นตรงกระดูก บางทีขึ้นระหว่างกระดูก ตั้งแต่ในกระดูกสันหลังส่วนบนถึงส่วนล่าง เกิดจากลมสุนทรวาตพัดเตโชธาตุและอาโปธาตุไม่ปกติ จึงเกิดวิทราธิโรคขึ้น(มีอาการหลายอย่าง) ให้ไปถึงวรรณะ กระทำพิษต่างๆ บางทีให้จุกเสียด ขัดอุจจาระปัสสาวะ บางทีถ่ายเป็นบิด มีเสมหะ โลหิตระคนกัน ให้ปวดมวน เป็น ๒-๓ ครั้ง แล้วหายไป
ให้เจ็บในอกและชายสะบัก สะบัดร้อนสะท้านหนาว นอนไม่หลับ บริโภคอาหารไม่ได้ ตาแดงเป็นสายโลหิต บางทีบวมตั้งแต่ไหล่ถังเอว ให้ร้อนเป็นกำลัง ให้เจ็บทุกข้อทุกกระดูกสันหลังข้างนอก รู้ไม่ถึง ย่อมเสียเป็นอันมาก ให้รักษาแต่ยังอ่อน
ปัจจุบัน : วัณโรคที่กระจายไปทั่วร่างกาย (Disseminate Tuberculosis)
๑๘. ฝีสุทวาต(อัคนิสัทวาต)
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานปถวี พิกัดปิหกังพิการ สมุฏฐานวาโยพิการ พิกัดลมอโธคมาวาตา(ลมพัดลงสู่เบื้องต่ำ)พิการ
เกิดจากต้นขั้วกระเพาะปัสสาวะข้างใน เพราะแม่ซางขึ้นประจำอยู่ในกระเพาะเบา แพทย์รักษาไม่หายสนิทตั้งแต่ยัง เป็นกุมาร เมื่อโตขึ้นวาโยพัดขับปัสสาวะไม่สะดวกจึงตั้งเป็นยอดขึ้น บางทีเป็นด้วยล้มกระทบฟกช้ำและบวมขึ้น วัณโรคจึงบังเกิดขึ้น วัณโรคนี้เกิดแต่กองปถวีและวาโยระคนกัน มีประเภทการกระทำต่างกันคือ
๑. ฟกบวมออกมาภายนอก แข็งเป็นดานตามฝีเย็บ ให้บวม ปัสสาวะหยดย้อย
๒. เป็นหนองและโลหิตไหลออกมาทางท่อปัสสาวะ
๓. แดงออกมาภายนอกดุจผลมะไฟ แล้วแตกออกเป็นหนองและโลหิตก็มี
๔. น้ำปัสสาวะเดินทางช่องแผลก็มี
๕. ปัสสาวะขัดเป็นลิ่มเป็นก้อนก็มี รักษายาก
ปัจจุบัน : กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
๑๙. ฝีดาวดาดฟ้า
อาการของโรคปรากฏที่สมุฏฐานอาโป พิกัดเสมหังพิการ บุพโพพิการลามไปสมุฏฐานวาโย พิกัดลมโกฏฐาสยาวาตาพิการ รวมทั้งสมุฏฐานปถวี พิกัดปับผาสังพิการ กีสังพิการ
น้ำลาย น้ำเสมหะ น้ำโลหิตทั้ง ๓ พิการ ระคนกัน เกิดเป็นเม็ดยอดขึ้นภายในทั่วไป ทั้งตับ ปอด หัวใจ ไส้น้อย ไส้ใหญ่ วัณโรคอันนี้ เกิดเป็นอุปปาติกะวัณโรคด้วยอาโปธาตุ ตั้งขึ้นที่ใด ก็เจ็บที่นั่นดุจไม้ยอกหอกปัก ดุจตะขาบ แมลงป่องขบกัด ให้ฟกบวมขึ้นมาภายนอก ให้จับเชื่อมมัว สะบัดร้อนสะบัดหนาว ผอมเหลือง
ถ้านานเข้า ให้จุกแน่นหน้าอก อาเจียน น้ำลายเหนียว หอบ สะอึก ให้บวมเท้า ให้ลงเป็นหนองและโลหิตเน่า ให้ปอดบวม เป็นกำลัง รักษายากนัก
ปัจจุบัน :วัณโรคที่กระจายไปทั่วร่างกาย (Disseminate Tuberculosis)
ขอบคุณมากค่ะ
เพิ่งหาจัดทำรายงาน