เมื่อเรามีความรู้สึกโกรธผู้ใดก็ตาม ความรู้สึกโกรธนี้จะค่อยๆเริ่มเกิดขึ้นในใจของเรา มากขึ้น ๆ ในระหว่างเกิดกระบวนการโกรธ ต่อมไร้ท่อก็จะหลั่งฮอร์โมนออกมา มากหรือน้อยอยู่กับความรุนแรงของความโกรธ ฮอร์โมนเหล่านี้จะเป็นเหตุให้การทำงานของอวัยวะภายในผิดไป จะเห็นว่าคนโกรธมักหน้าแดง บางคนโกรธมาก ถึงกับกระอักเลือด อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ เพราะผนังกระเพาะถูกสารสเตียรอยด์ที่หลั่งออกมากัดเป็นแผลในทันที เหล่านี้เป็นต้น
เมื่อความโกรธภายในก่อตัวทวีขึ้นถึงที่สุดมันก็จะระเบิดออกมาเป็นคำพูดที่ไม่ดีหรือกระทำในสิ่งที่ไม่ดีต่อผู้ที่ทำให้เราโกรธ เช่น ชกต่อย ตีรันฟันแทงหรือยิงทำร้าย ซึ่งกันและกัน อาจเป็นเหตุให้เขาหรือเราบาดเจ็บถึงตายได้
เรามาดูกระบวนการโกรธ กันดีกว่า
1. ก่อตัวเริ่มที่ตัวผู้โกรธ ทำร้ายตัวผู้โกรธทั้งด้านจิตใจ และร่างกาย จนถึงที่สุด ตามระดับความรุนแรงของความโกรธ
2. เมื่อมันสุกงอมได้ที่ก็จะระบายความโกรธไปสู่ผู้อื่นทั้งคำพูดและการกระทำ
3. ผู้ถูกโกรธก็จะโต้ตอบด้วยวาจาและการกระทำตามระดับความรุนแรงของความโกรธเช่นเดียวกัน
4. ผลจากข้อ 2 และข้อ 3 อาจส่งผลให้ผู้ใดผู้หนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บหรือล้มตาย
ถ้า เราบาดเจ็บก็ต้องเสียเวลา เสียเงินทองในการบำบัดบำรุงรักษา ตลอดทั้งเสียโอกาสที่จะได้ทำสิ่งอันเป็นประโยชน์ต่อตน
ถ้า เราตาย โอกาสที่จะได้พัฒนาชีวิตตนเองก็สิ้นสุดลง ครอบครัวก็จะได้รับความเดือดร้อนต่างๆ นานา
ถ้า ฝ่ายตรงกันข้ามกับเราบาดเจ็บ ก็ ต้องเสียเวลาเสียเงินทองในการบำบัดบำรุงรักษา ตลอดทั้งเสียโอกาสที่จะได้ทำสิ่งอันเป็นประโยชน์ต่อตน
ถ้า ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บหรือตาย เราผู้โกรธก็จะต้องเสียทรัพย์หรืออาจจะต้องติดคุกติดตะราง สูญเสียอิสรภาพและโอกาสในการทำประโยชน์อื่นๆ ให้แก่ชีวิต
5. สภาวะของความโกรธก็เป็นคลื่นอย่างหนึ่ง มันมีพลังดึงดูดสิ่งที่เหมือนๆ กัน เช่น ความ
โกรธ ความเกลียด ความไม่ดี ความไม่งามต่างๆ มาสะสมในจิตใจของเรามากขึ้น
คนที่มีอารมณ์โกรธอยู่บ่อย ๆ ก็มักจะอยู่แวดล้อมด้วยผู้คนที่มีอารมณ์เช่นเดียวกัน
บรรยากาศรอบข้างก็ดูเหมือนจะขุ่นมัวและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความโกรธเช่นกัน
จะเห็นว่าผู้ที่ได้รับผลจากการโกรธ คือตัวเราผู้โกรธทั้งสิ้น มีผลร้ายต่อเราอย่างน้อยถึง 5
ประการ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
อาการโกรธนี้ ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จะทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ทั้งต่อร่างกาย เช่น โรคหัวใจ ความดัน โรคกระเพาะ เส้นเลือดตีบหรืออุดตันจากไขมัน(ที่ร่างกายผลิตออกมา) เป็นต้น ส่วนทางใจก็จะเป็นคนมีอารมณ์หงุดหงิด เป็นโรคจิต โรคประสาท คิดอะไรก็จะมองเห็นเป็นสิ่งไม่น่ารื่นรมย์ไปหมดและอาจจะเป็นโรคนอนไม่หลับ โรคทางใจนี้จะซ้ำเติมให้อาการของโรคทางกายหนักขึ้นอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตจะอยู่อย่างไร้ความหมาย ไร้ประโยชน์ สูญเสียทรัพย์และโอกาสที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และที่สำคัญคือ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ หรือคบหาสมาคมด้วย
จะเห็นว่า คนที่โกรธคนอื่น ที่แท้ คือโกรธตนเอง
จงอย่าทำร้ายคนอื่นด้วยการให้เขามองเห็นใบหน้าที่บึ่งตึงของท่าน
“จงอย่าเผาตนเองตั้งแต่ยังไม่ตาย......ด้วยไฟโกรธของเรา”
สวัสดีค่ะ
"จงอย่าเผาตนเองตั้งแต่ยังไม่ตาย......ด้วยไฟโกรธของเรา”
จะพยายามไม่โกรธนะคะ
อิอิ
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณขนิษฐา
แวะมาขอยาระงับความโกรธด้วยคนนะคะ
พระพยอมท่านเทศนาไว้ โกรธคือโง่โมโหคือบ้า ไม่โกรธไม่โง่คือพระอรหันต์
สวัสดีครับ โกรธกันไปทำไม ทำให้ใจเป็นทุกข์ ยิ้มไว้ดีกว่า
จำนงค์ สุดประโคน [email protected]
หวัดดีคะ..พี่เต้ย
ขวัญเอง สบายดีมั๊ยคะ คิดถึงนะ 0897199983