สรุปการบรรยายในโครงการฝึกอบรม
หลักสูตร MCore 201 การบริหารสถาบันอุดมศึกษาระดับกลาง
โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่นที่ 1
ระหว่างวันที่ 19 เมษายน – 23 กรกฎาคม 2553
ณ ห้องประชุมราชาวดี ชั้น 5 อาคารศูนย์วิชาการ
1. กลุ่มวิชาที่ 1: บริบทการบริหารอุดมศึกษา
2. เรื่อง : บริบทด้านกฎหมาย และหลักนิติธรรมที่มีผลกระทบต่อการบริหารสถาบันอุดมศึกษา
3. วิทยากร : นายโอภาส เขียววิชัย (ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา)
4. วันที่/เวลา : วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 13.00-16.00 น.
5. บันทึกโดย : นางสมพิศ นามเปือย
6. สรุปสาระสำคัญ :
1) กฎหมายที่ใช้ในสถาบันอุดมศึกษา
การบริหารงานในสถาบันอุดมศึกษานั้น การกำหนดเป้าหมายและแนวทางในบริหาร เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กร เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีความถูกต้องโปร่งใสและเป็นธรรมสามารถตรวจสอบได้ต้องอาศัยกฎระเบียบ ข้อบังคับรวมถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้แก่ กฎหมายข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา กฎหมายการบริหารส่วนงานภายในของสถาบันอุดมศึกษา กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ กฎหมายจัดตั้งศาลปกครอง กฎหมายข้อมูลข่าวสารราชการ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
2) การออกกฎหมายของสถาบันอุดมศึกษา
การออกกฎหมายของสถาบันอุดมศึกษาเป็นหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยซึ่งมีอำนาจในการอนุมัติปริญญา อนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้มหาวิทยาลัย ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศต่าง ๆ หรือมีบทบัญญัติของกฎหมายมหาวิทยาลัยที่ให้ออกมีบทบัญญัติของกฎหมายข้าราชการพลเรือนสถาบันอุดมศึกษาให้ออก เป็นต้น ซึ่งในการนำกฎหมายไปสู่การปฏิบัติ จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กฎหมายกำหนด นอกจากนั้นยังมีกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองที่ได้บัญญัติเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการอีกด้วย
3) การตรวจสอบการใช้อำนาจ
ในการบังคับใช้กฎหมายนั้น ต้องสามารถตรวจสอบได้ทั้งภายในและภายนอกสถาบันการศึกษา รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนสถาบันภายนอกนั้น เกี่ยวข้องถึง ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ปปช. สตง. เป็นต้น
4) กรณีปัญหาที่พบในมหาวิทยาลัย
ปัญหาที่พบในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคล เช่น การได้มาซึ่งกรรมการ
สภามหาวิทยาลัย นายกสภา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนคณาจารย์ ซึ่งอาจมีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ครอบคลุมและเป็นธรรม หรือเลี่ยงการใช้กฎหมาย ทั้งนี้รวมไปถึงการสรรหาอธิการบดี คณบดีหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาต่อเวลาราชการออกไปเป็น 65 ปี สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ หรือหลักเกณฑ์การพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการต่าง ๆ เป็นต้น
ดังนั้นผู้บริหารในทุกระดับต้องศึกษาและเข้าใจกฎหมายที่บังคับใช้ในสถาบันอุดมศึกษาอย่างเม่นยำ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความถูกต้องและยุติธรรม
7. ด้านวิทยากร
วิทยากรมีความรู้ความสามารถสูง แต่วิชาการกฎหมายอาจถ่ายทอดให้ผู้ฟังเข้าใจได้ยาก ต้องใช้เวลาในการศึกษา หรือมีตัวอย่างประกอบ
8. ประโยชน์ต่อตนเอง
1) ได้รับทราบถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2) มีความรู้ความเข้าใจ และการนำกฎหมายไปใช้ดีขึ้นกว่าเดิม
9. ประโยชน์ต่อหน่วยงาน
1) ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ไปใช้ในงานที่ปฏิบัติได้มากยิ่งขึ้น องค์กรจะได้ประโยชน์จากการลดความเสี่ยง และให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สมพิศ นามเปือย
ผู้บันททึก
ไม่มีความเห็น