โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

หลักธรรม คำคม ข้อคิด ชีวิตรัก จากแดจังกึม6


มีคำคมฝรั่งว่า Don’t buy book because its cover. อย่าซื้อหนังสือเพราะว่าปกสวย
หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม6
โสภณ เปียสนิท
........................................
                “แต่ซังกุงชองเป็นผู้รักดนตรี เขียนกวี และใช้ชีวิตอย่างเสรี เรื่องยุ่งยากเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่พอใจนัก” (แดจังกึม/หน้า221/เล่ม1)
                มีคำคมฝรั่งว่า Don’t buy book because its cover. อย่าซื้อหนังสือเพราะว่าปกสวย หรือ All that glitter is not gold. เห็นสิ่งที่แวววาวอย่าเพิ่งนึกว่าทอง ภาษิตทั้งสอง มีความหมายกว้าง ๆ ว่า อย่าตัดสินสิ่งที่เห็นโดยขาดการพิจารณา ซังกุงชองภายนอกแสดงตนว่าเป็นผู้ที่รักดนตรี ชอบบทกวี รักความเป็นอิสระ แต่โดยเนื้อแท้แล้วซ่อนความเก่งด้านอื่นไว้อีกมาก
                “ซังกุงสูงสุดออกอาการไม่ใคร่ยินดีนัก แต่ก็ผงกศีรษะรับทราบ ในภาวการณ์ที่ไม่อาจมีวิธีที่ดีที่สุดเช่นนั้น วิธีที่รองมาก็ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดเช่นกัน” (แดจังกึม/หน้า 221/เล่ม1)
                ภาษิตนี้ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ คล้ายกับภาษิตไทยที่ว่า เมื่อไม่มีสิ่งที่เราพอใจ ก็จงพอใจในสิ่งที่เรามี ซังกุงสูงสุดใช้หลักการนี้ในการเลือกซังกุงสูงสุดคนใหม่ เพื่อขัดตาทัพ รอเวลาที่เหมาะสมคัดเลือกคนของตนขึ้นดำรงตำแหน่งในตอนต่อไป
                “...แถวหลังมีไหขนาดใหญ่เรียงอยู่หลายสิบใบ ตรงกลางเป็นไหขนาดรองลงมา ด้านหน้าเป็นไหขนาดเล็ก ส่วนด้านหน้าสุดเห็นเป็นไหขนาดเท่าขวดสุราเรียงจนแน่นบริเวณ ดังคำโบราณว่าไว้ บ้านใดมีไหหมักเรียงรายไว้เต็ม จนดูสวยงาม บ้านนั้นย่อมีแค่ความจริญรุ่งเรือง” (แดจังกึม/หน้า222/เล่ม1)
                คนไทยโบราณนิยมเก็บเกี่ยวข้าวใส่ยุ้งฉางไว้ให้พอเพียงตลอดปี แสดงถึงความมั่นคงมั่งคั่งทางฐานะ เกาหลีใช้ไหหมักอาหารไว้บ่งบอกความมั่นคงทางฐานะเช่นกัน
                “จะเป็นดั่งใจมามาได้หรือ? ข้าน้อยเองก็พยายามอยู่แบบไม่ลำบาก แต่ก็ต้องลำบากอยู่เสมอ” (แดจังกึม/หน้า224/เล่ม1)
                คำสัจจ์ คือคำพูดจริงและตรง ไม่ว่าจะมาจากเด็กหรือผู้ใหญ่ย่อมให้แง่คิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใคร่ครวญได้เสมอ จังกึมในวัยเยาว์กล่าวคำสัจจ์นี้ ทำให้ซังกุงผู้รักความสงบไม่นิยมความวุ่นวายคนหนึ่ง ตัดสินใจรับตำแหน่งซังกุงสูงสุด
                “เล่นอยู่คนเดียวจนเริ่มเบื่อ ครานี้จะลองเล่นบนเวทีผู้อื่นดูบ้าง” (แดจังกึม/หน้า224/เล่ม1)
            เมื่อตัดสินใจรับตำแหน่ง ซังกุงชองไตร่ตรองมองเห็นความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยอมรับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นอย่างใจเย็น
                “ขณะที่มองดูด้วยความประหลาดใจซังกูงสูงสุดพลันเดินเข้าหาเครื่องใช้ปรุงอาหาร ทั้งหั่น ทั้งยำ ทั้งปรุง ฝีมือที่เห็นตะรางหน้านี้กลับมิคล้ายมาจากผู้ที่เฝ้าห้องไหหมัก” (แดจังกึม/หน้า225/เล่ม1)
                สุนทรภู่เขียนคำกวีไว้ว่า “อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเฉือนฟันให้บรรลัย” ซังกุงชองรับหน้าที่ดูแลไหหมักผักผลไม้มานาน จนผู้อื่นหมิ่นว่าอาจทำอาหารไม่ดี แต่เมื่อถึงคราวแสดงฝีมือกลับทำได้อย่างแคล่วคล่องชำนาญ เหมือนคำของสุนทรภู่ข้างต้น
                ในการปรุงอาหารอาจมีการแบ่งสูงแบ่งต่ำในเรื่องฝีมือ แต่ในเรื่องการชิมทุกคนล้วนมีโอกาสเท่าเทียมกัน นี่คือสิ่งที่เรียกว่าอาหาร ถ้าพวกเจ้าพยายามฝึกฝนตนเอง ไม่มีอายุมากหรือน้อย ต่อไปจะได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน ต่อให้ตำแหน่งซังกุงสูงสุดนี้ก็สามารถยังให้แก่ผู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยม ขอให้ทุกคนตั้งใจฝึกฝนให้จงดี” (แดจังกึม/หน้า229/เล่ม1)
                นับเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา เรื่องการทำอาหารอาศัยการฝึกฝน ฝึกมากได้มาก ฝึกน้อยได้น้อย ส่วนเรื่องการชิมอาหารนั้นเป็นเรื่องของพรสวรรค์ ซังกุงชองมีคุณธรรมของผู้ใหญ่ให้ความเมตตาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเท่าเทียมกัน โดยไม่ลำเอียง เพราะรัก หลง เกลียด กลัว ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี
...ซังกุงฮันได้เรียกจังกึม มอบหมายงานพิเศษหลังจากงานประจำวัน กล่าวคือ สั่งให้ขึ้นเขาให้ครบร้อยวัน และหาสมุนไพรกลับมาร้อยชนิด ในช่วงเวลาร้อยวันดังกล่าว จังกึมได้แต่ขุดสมุนไพร ทั้งต้ม ทังตากแห้ง ทั้งทอด ทั้งผัด และทั้งกินสด ๆ จากนั้น จึงบันทึกรสชาติและกลิ่นไว้โดยละเอียด”
                พระศาสดาของชาวพุทธตรัสสอนไว้ว่า ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ซังกุงฮันใช้หลักการเดียวกันนี้มอบการบ้านให้จึงกึมทำ จึงกึมเป็นนักเรียนที่มีอิทธิบาท 4 คือ มีความรักในความรู้ มีความเพียร มีความตั้งใจ มีการใคร่ครวญพิจารณา ฝึกฝนตนเองโดยไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย
...แม้ได้ร่ำเรียนไปมากมาย แต่ความอยากรู้อยากเห็นของจังกึมมิได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ทั้งยังได้ก่อเหตุขึ้นอีกหลายครั้งเช่น เมื่อต้องการคำนวณเวลาที่น้ำเดือดจนปล่อยหม้อให้ถูกเผาไหม้ไปหลายใบ หรือครั้งที่ต้องการหาว่าเชื้อเพลิงประเภทใดดีที่สุด จึงได้เอาไม้ที่มีมาเผาเล่นจนเกิดเพลิงในเตาอยู่หลายครั้ง ยังทำแม้กระทั่งกินถ่านในครัว เพียงเพราะอยากรู้รสชาติว่าเป็นเช่นไร” (แดจังกึม/หน้า231/เล่ม1)
                เนื้อความนี้แสดงให้เห็น “ความรักในความรู้” ของจังกึมอย่างเด่นชัด ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีสติปัญญามากน้อยเพียงใด ผิวพรรณเป็นอย่างไร เป็นชนชาติใด หากมีความรักในความรู้ มีจิตใจดีงามเหมือนจังกึม คนผู้นั้นย่อมก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ของชีวิตได้แน่นอน ผู้อ่านถือเอาเป็นแบบอย่างได้
การทำความดีนั้นมิใช่รอให้โอกาสมา เพราะโอกาสมักมาหาคนมีฝีมือเสมอ” (แดจังกึม/หน้า243/เล่ม1)
                คำสอนในพุทธศาสนามีอยู่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” คือให้ดิ้นรนขวนขวายทุกวิถีทางเพื่อทำตนให้เจริญก้าวหน้าสู่ความสุข ห้ามศาสนิกชนใช้หลักการ “อ้อนวอนแล้วนอนคอย” มีบทกวีสอนใจดังนี้ “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน ตนแชเชือนใครจะเตือนให้ป่วยการ” โอกาสอยู่ที่การแสวงหา
คิดว่าเครื่องเสวยของฝ่าบาทมีไว้เพื่อฝึกปรือมีมือพวกเจ้าหรือไร? เหตุใดจึงไม่คิดฝึกปรือพัฒนาฝีมือ เอาเวลามาวิจารณ์ผู้อื่นกันเช่นนี้?” (แดจังกึม/หน้า243/เล่ม1)
                มีพุทธภาษิตอยู่ว่า คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก การวิจารณ์ผู้อื่นลับหลังคือการนินทานั้นเอง  คนจำนวนมากใช้เวลาไปกับการนินทาผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว (บางคนนินทาทั้งที่รู้ตัว) และไม่มุ่งมั่นพัฒนาตัว มุ่งมั่นหาปมเขื่องให้ตนโดยผิดวิธี เพื่อลบปมด้อยในจิตตน คนจำนวนมากตกเป็นทาสของกิเลสข้อนี้จนจิตมืดดำร่านทุรนร้อนเร่า
หลังปฐมพยาบาลเบื้องต้น จึงได้จับชีพจร ถ้าไม่สายเกินการณ์มากนัก บรรดาสหายที่มาพบเห็น คงพอช่วยเหลือได้แม้มิใช่ถูกต้องที่ทิ้งคนบาดเจ็บไว้เช่นนี้ แต่หากสายกว่านี้ตนคงต้องเสียชีวิตเป็นแน่ จังกึมเร่งคว้าคึมเก ก่อนวิ่งจากไปแต่ปัญหาคือ คึมยองได้ออกเดินทางจากที่พักของชเวพันซุลเรียบร้อยแล้ว” (แดจังกึม/หน้า258/เล่ม1)
                ความเมตตาฝังลึกในจิตของจังกึม แม้มีความจำเป็นต้องเร่งรีบมีชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน แต่ยังอดห่วงใยคนบาดเจ็บไม่ได้ จิตใจที่ดีงามเช่นนี้ควรใช้วิธีใดปลูกฝั่งสั่งสอนให้เกิดขึ้นในจิตของคนทุกคน การปฏิรูปการเรียนรู้ของไทยครั้งใหม่ น่าจักมีแนวทางชัดเจนต่อการสร้างคุณธรรมในใจของเยาวชน
ครั้งที่เป็นนางวัง เรามีสหายผู้หนึ่ง นางเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นและน้ำใจงดงามเหมือนเช่นเจ้า วันหนึ่ง ก็ถูกขับออกจากวัง แต่เราไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย” (แดจังกึม/หน้า263/เล่ม1)
                จิตใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซังกุงฮันอย่างไรก็ไม่ลืมเพื่อนรักผู้จากไป ความรักความผูกพันเหมือนมีดสองคม เหมือนเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งสวยงามอ่อนหวานน่าพิสมัย อีกด้านไม่นานผุพังเปลี่ยนแปรจากไปน่าชิงชัง มีหลักธรรมสำหรับเตรียมใจไว้ล่วงหน้า “การพบเป็นสัญญาณของการจาก การพลัดพรากเป็นสัญญาณการคืนหา ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ไปแล้วมา มาแล้วไปก็คล้ายกัน”
หมายเลขบันทึก: 363584เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2010 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 13:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านแล้วได้คิดทบทวนหลายสิ่งอย่างในชีวิตที่ผ่านมาและจะเดินต่อ

ดีเลยครับ

ที่ทำให้ผู้บันทึกรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์

ยิ่งชื่นใจเมื่อได้ติดตาม

เรียนคุณอุ้มบุญครับ

อ่านมากเข้า ต้องเป็นนักเขียนได้สักวันนะ นักเขียนเขาว่ากันอย่างนั้นทุกคนเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท