ประวัติความเป็นมาของวัดตากฟ้า (วัดราษฎร์) จนถึงเป็นวัดตากฟ้าพระอารามหลวง


วัดตากฟ้า (ปัจจุบัน) เลขที่ 76 หมู่ 1 ตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ 60190

      

 

         วัดตากฟ้าเดิมเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ตั้งอยู่ที่เลขที่ 76หมู่ที่1  ถนนพหลโยธิน ตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ วัดตากฟ้า มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 34 ไร่ 3 งาน 48 ตารางวา มีอาณาเขต ติดต่อกับสถานที่ ดังนี้ ทิศเหนือ (หน้าวัด) ติดกับทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน สายตาคลี - ลพบุรี ขนาดกว้าง 176 เมตร ทิศใต้ (หลังวัด) ติดกับศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ขนาดกว้าง 176 เมตร ทิศตะวันออก ติดกับศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ขนาดยาว 263 เมตร ทิศตะวันตก ติดกับศาลเจ้าพ่อดาบทอง, ที่ดินตระกูลปิยะชน และตลาดตากฟ้า ขนาดยาว 263 เมตร

       วัดตากฟ้า แต่เดิมนั้นได้ตั้งเป็นเพียงที่พักสงฆ์ ริเริ่มจัดหาสถานที่และเริ่มการก่อสร้างเพื่อดำเนินการก่อตั้งเป็นวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 ซึ่งในสมัยนั้น ยังสังกัดอยู่กับคณะสงฆ์อำเภอตาคลี โดยได้อาศัยศรัทธาจากชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพกสิกรรมปลูกพืชไร่ ได้ร่วมใจกันสร้างเสนาสนะ มีกุฏิและศาลาการเปรียญขึ้น เพื่อใช้บำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนา เพราะบริเวณหมู่บ้านตากฟ้านั้นก็ยังไม่มีวัด เป็นที่ประกอบศาสนากิจ จึงมีการดำเนินการ ดังนี้

          ฝ่ายประชาชน ในปี พ.ศ. 2498 ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองตากฟ้า ท่านแรกคือ นายบุญลือ รัตนมงคล ได้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องสถานที่ก่อสร้างวัด เพราะที่ดินบริเวณวัดทั้งหมดเป็นที่ดินที่อยู่ในครอบครองของนิคมสร้างตนเองอำเภอตาคลี โดยมีผู้ใหญ่สมจิตร พิมพาภรณ์ นายสิงห์ สมศรีพร้อมด้วยชาวบ้านตากฟ้าและใกล้เคียง เป็นผู้ดำเนินการสร้างวัด

          ฝ่ายคณะสงฆ์ ได้รับความเมตตาสนับสนุนจาก หลวงพ่อพระครูนิพัทธ์สีลคุณ (ทอง  วิสาโล) เจ้าอาวาสวัดหัวเขา เจ้าคณะอำเภอตาคลี และหลวงพ่อพระครูนิยมธรรมภาณ (บก ถาวโร) วัดสว่างวงษ์ เจ้าคณะตำบลตาคลี ในขณะนั้น ได้ช่วยส่งพระมาเป็นผู้ปกครองที่พักสงฆ์และสำนักสงฆ์โดยลำดับ เพื่อเป็นเกียรติที่พระครูนิยมธรรมภาณ ที่ได้ให้ความอุปถัมภ์แก่สำนักสงฆ์ตากฟ้าเป็นอย่างดียิ่ง ชาวบ้านทั่วไปจึงนิยมเรียกกันว่า วัดตากฟ้านิยมธรรม โดยเอาชื่อท้ายของราชทินนามของพระครูนิยมธรรมภาณมาต่อสร้อยท้ายชื่อวัดดังกล่าว 

          พ.ศ. 2504 คณะกรรมการวัด ได้ดำเนินการทำเรื่องขออนุญาตสร้างวัด และพ.ศ. 2506 คณะกรรมการสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม จึงได้ดำเนินการทำเรื่องขอตั้งสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรมขึ้นเป็น วัด ในพระพุทธศาสนา

          พ.ศ. 2506 พระอาจารย์บุญส่ง ได้ลากลับไปจำพรรษาที่วัดสว่างวงษ์ อำเภอตาคลีตามเดิม  ทำให้สำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรมขาดผู้นำในการปกครองดูแลรักษาสำนักฯ ศาสนสมบัติ ศาสนสถาน และดูแลรักษานำพาศรัทธาของญาติโยมชาวตากฟ้าและใกล้เคียงคณะกรรมการของสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม จึงได้ร่วมใจกันเดินทางไปที่วัดจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อกราบเรียนขอพระภิกษุจาก หลวงพ่อพระครูนิสัยจริยคุณ (วิสุทธิ์ (โอด) ปญฺาธโร,  แป้นโต) เพื่อที่จะให้มาอยู่เป็นผู้นำดูแลรักษาศาสนสมบัติและศาสนสถานของสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม ตลอดจนนำพาศรัทธาของญาติโยมชาวตากฟ้าและใกล้เคียงสืบต่อไป พอดีกับที่พระสุรินทร์ จนฺทโชโต (ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูนภเขตคณารักษ์) กำลังจะมากราบลาพระครูนิสัยจริยคุณ  พระอาจารย์เพื่อจะเดินทางไปจำพรรษาที่วัดปากน้ำ จังหวัดระนอง หลวงพ่อพระครูนิสัยจริยคุณ จึงได้ขอให้พระสุรินทร์ จนฺทโชโต มาอยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม เพื่อมาเป็นผู้นำในการดูแลรักษาวัดและรักษาศรัทธาของญาติโยม พระสุรินทร์  จนฺทโชโต จึงเปลี่ยนความตั้งใจไม่เดินทางไปจำพรรษาที่วัดปากน้ำ จังหวัดระนอง เดินทางมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม ตามที่หลวงพ่อพระครูนิสัยจริยคุณ พระอาจารย์ร้องขอพร้อมกับการมาของพระสุรินทร์ จนฺทโชโตนั้น หลวงพ่อพระครูนิสัยจริยคุณ ได้จัดส่งหลวงพ่อพริ้งมาด้วย เพื่อที่จะได้สอนในด้านวิปัสสนากัมมัฎฐานให้กับญาติโยม

        ในปี พ.ศ. 2508 สำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรมจึงมี พระสุรินทร์ จนฺทโชโต เฉลิมพันธ์  เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าสำนักฯ เป็นผู้นำ ผู้ดูแลรักษาศาสนสมบัติและศาสนสถานของสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม ตลอดจนนำพาศรัทธาของญาติโยมชาวตากฟ้าและใกล้เคียง  ให้เจริญในธรรมและมั่นคงในพระพุทธศาสนา และนำพาพระภิกษุสามเณรของวัด และญาติโยมอุบาสกอุบาสิกา คณะกรรมการ และประชาชนโดยทั่วไป พัฒนาจากสำนักสงฆ์ตากฟ้านิยมธรรม จนเป็นวัดตากฟ้าและมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับๆ จนเป็นที่รู้จักของคนทั้งหลายทั่วประเทศ

        พ.ศ. 2509 พระสุรินทร์ จนฺทโชโต ได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคณะอำเภอตาคลีแต่งตั้งให้เป็นฐานานุกรมของเจ้าคณะอำเภอตาคลีที่ พระใบฎีกา

        พ.ศ. 2510 กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ และมหาเถรสมาคม ประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนามีนามว่า “วัดตากฟ้า” เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 84 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2510 พระราชพรหมาภรณ์  เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้พระใบฎีกาสุรินทร์ จนฺทโชโต เป็นเจ้าอาวาสวัดตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ตราตั้งเจ้าอาวาสเลขที่ 28/2510 ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2510

        วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 วัดตากฟ้าได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาโดยมีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร รวมอุปจารของวัดคิดเป็นเนื้อที่ 800 ตารางวา และได้ดำเนินการผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เมื่อปี พ.ศ. 2512

        พ.ศ. 2513 ตำบลตากฟ้า  ได้แยกการปกครองออกมาจากอำเภอตาคลี โดยยกฐานะขึ้นเป็น “อำเภอตากฟ้า” ตามพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2513 อยู่ในเขต  การปกครองของจังหวัดนครสวรรค์ โดยมิได้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอมาก่อนโดยมี นายชัยศรี  นุตาลัย  มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอตากฟ้า เป็นท่านแรก (หมายเหตุแห่งตากฟ้า, 2550, หน้า 25)    

        พ.ศ. 2515 พระเทพคุณาภรณ์ (พุฒ วุฑฺฒิทตฺโต) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าคณะตำบล ที่ 3/2515 ลงวันที่ 14 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2515 แต่งตั้งให้ พระใบฎีกาสุรินทร์ จนฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า รองเจ้าคณะตำบลตาคลี เขต 1 เป็นเจ้าคณะตำบลตากฟ้า

          พ.ศ. 2517 พระใบฎีกาสุรินทร์ จนฺทโชโต ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์  ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 และได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ พระครูนภเขตคณารักษ์ เมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2517

            พ.ศ. 2518 พระธรรมเจดีย์ (กี  มารชิโน ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เจ้าคณะภาค 4  ได้แต่งตั้งให้ พระครูนภเขตคณารักษ์ เป็นเจ้าคณะอำเภอตากฟ้า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2518  และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นโท    ในราชทินนามเดิม เมื่อ 5 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2518      

พ.ศ.  2520  วัดตากฟ้า ได้รับคัดเลือกจากกรมการศาสนา  กระทรวงศึกษาธิการให้เป็น  วัดพัฒนาตัวอย่าง

          พ.ศ. 2523 พระครูนภเขตคณารักษ์ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

        ถาวรวัตถุต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นภายในวัดตากฟ้า มีพระอุโบสถ ซุ้มประตู กำแพงวัดโดยรอบ หอระฆัง  ศาลาการเปรียญ กุฏิที่พักของภิกษุสามเณร จำนวน 12 หลัง ศาลากองอำนวยการ หอน้ำ (รูปบาตร) เมรุ ศาลาที่พักเผาศพ ห้องน้ำ ฯลฯ สิ่งต่างๆ ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของพระครูนภเขตคณารักษ์ (สุรินทร์ จนฺทโชโต เฉลิมพันธ์) ร่วมกับพระภิกษุสามเณรวัดตากฟ้าซึ่งเป็นศิษยานุศิษย์ ผู้เข้ามาบวชและอยู่จำพรรษาในอาวาสแห่งนี้สืบทอดกันมาทุกปีๆ โดยมีหลวงพ่อพระครูนภเขตคณารักษ์เป็นผู้ออกแบบและเป็นผู้นำในการก่อสร้างและจัดทำ พระภิกษุสามเณรของวัดตากฟ้าต้องมีหน้าที่ทุกรูป ใครเลื่อยไม้เป็นไปเลื่อยไม้ ใคร เผาถ่านเป็นไปลงถ่าน ใครก่อสร้างเป็นไปก่อสร้าง ช่างไม้ ช่างปูน และกรรมกรแรงงานทั่วไป ญาติโยมที่เข้ามาวัดจะพบเห็นอยู่เสมอว่า พระภิกษุสามเณรกำลังเลื่อยไม้ แปรรูปไม้ พระภิกษุสามเณรกำลังสร้างแบบเทปูน พระภิกษุสามเณรกำลังขนหิน ทราย ปูน เพื่อผสมคอนกรีต   เทคอนกรีตเพื่อก่อสร้างอาคารต่างๆ ภายในวัดอยู่เป็นประจำ เป็นที่ประจักษ์ของญาติโยมโดยทั่วไป สมเจตนาของญาติโยมที่ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา ทำให้วัดตากฟ้ามีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ จนได้รับยกย่องเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง และนำไปสู่การเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่นในโอกาสต่อมา 

วัดตากฟ้ามีพระภิกษุสามเณรบวชอยู่จำพรรษาไม่ต่ำกว่า 30 รูปทุกพรรษากาล โดยมีพระครูนภเขตคณารักษ์ (สุรินทร์ จนฺทโชโต เฉลิมพันธ์) เป็นเจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะอำเภอรูปแรกของวัดตากฟ้าและอำเภอตากฟ้า

          พ.ศ. 2535 พระครูนภเขตคณารักษ์ (สุรินทร์ จนฺทโชโต เฉลิมพันธ์) มรณภาพลงด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2535 ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลฯเพื่อฟอกเลือด

        เมื่อการจัดพิธีศพของอดีตท่านเจ้าอาวาสดำเนินไปจนพิธีเก็บศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการของวัดตากฟ้า  นำโดยนายฮวด  จันทร์จักร์ กรรมการอาวุโส  และพระนิมิตร จนฺทรํสี รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตากฟ้า เป็นประธานการประชุม เพื่อปรึกษาหารือเรื่อง เจ้าอาวาสวัดตากฟ้ารูปต่อไป เนื่องจากวัดตากฟ้าเป็นวัดใหญ่ มีพระภิกษุสามเณรในแต่ละปีจำนวนมาก และเคยเป็นวัดเจ้าคณะอำเภอมาก่อน ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสก็สมควรจะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ศิษยานุศิษย์ในพระครูนภเขตคณารักษ์หลายรูปที่กำลังศึกษาเปรียญธรรมอยู่ในกรุงเทพฯ คงจะมีสักรูปที่เต็มใจจะกลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเพื่อสืบสานเจตนาของพระอุปัชฌาย์ต่อไป คณะกรรมการพร้อมด้วยประธานสงฆ์จึงร่วมกันเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพบกับพระภิกษุที่เคยพำนักอยู่ที่วัดตากฟ้าและเข้าไปศึกษาอยู่ที่วัดในกรุงเทพฯตามวัดต่างๆ ครั้งหลังสุดเดินทางไปที่วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ เพื่อขอรับคำแนะนำจากพระมหากาญจน์ กาญฺจนรํสี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดตากฟ้าและอาจารย์ใหญ่ฝ่ายบาลีสำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า ท่านรับที่จะจัดหาพระภิกษุที่เป็นศิษยานุศิษย์ในพระครูนภเขตคณารักษ์มาให้ เมื่อได้พระภิกษุที่พร้อมจะมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว  ท่านก็ได้แจ้งให้ทางวัดตากฟ้าได้ทราบ

          พ.ศ. 2536 คณะกรรมการพร้อมด้วยชาวตากฟ้าได้ร่วมกันเดินทางไปที่วัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ เพื่อต้อนรับเจ้าอาวาสรูปใหม่ของวัดตากฟ้า ได้แก่ พระมหาริด ริตเวที (ทับเอี่ยม) เปรียญธรรม 8 (ปัจจุบัน พระราชปัญญาเวที ป.ธ. 9, กศ.ม.) สัทธิวิหาริกในพระครูนภเขคณารักษ์ ปี พ.ศ. 2527 ที่พร้อมจะเดินทางมาเพื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตากฟ้ารูปที่ 2 ต่อไป

            พ.ศ. 2537 พระมหาริด ริตเวที (ทับเอี่ยม) เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า สอบเปรียญธรรม 9   ประโยคได้และได้รับแต่งตั้งเป็นเปรียญธรรม 9 ประโยค

          พระมหาริด  ริตเวที (ทับเอี่ยม) (ปัจจุบันพระราชปัญญาเวที ป.ธ. 9, กศ.ม.) เจ้าอาวาส วัดตากฟ้า และรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้นำประสบการณ์จากที่เคยสังกัดอยู่วัดในเขตกรุงเทพฯ มาจัดการบริหารและพัฒนาวัดตากฟ้าให้มีความเจริญก้าวหน้า มีศาสนสถานและถาวรวัตถุต่างๆ ถูกก่อสร้างและพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ อย่างเป็นระเบียบและสวยงามเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ด้านการพัฒนาบุคลากรของวัดก็ให้การสนับสนุนในเรื่องการศึกษาของพระภิกษุสามเณรทุกด้านทั้งนักธรรม บาลี และสามัญศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา ทำให้บุคลากรของวัดมีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและยกย่องของคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์และคณะสงฆ์ทั่วไป  ตลอดจนเป็นที่ยอมรับและยกย่องของข้าราชการ และประชาชนทั่วไปในเรื่องของความรู้ความสามารถทุกๆ ด้าน

          พ.ศ. 2538  วัดตากฟ้าได้รับยกย่องจากกรมการศาสนา  กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น, สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้าเปิดการเรียนการสอน      พระปริยัติธรรม แผนกบาลีขึ้นอีกแผนกหนึ่ง โดยมีพระมหาสุนทร สุนฺทรเมธี (มนต์สวรรค์) (ปัจจุบัน พระอมรเมธี) เป็นอาจารย์ใหญ่, และเจ้าอาวาสวัดตากฟ้าได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอตากฟ้า

          พ.ศ. 2539 สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้าได้เปิดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาขึ้นมาอีกแผนกหนึ่ง ได้รับแต่งตั้งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ชื่อว่า โรงเรียนศรีนภเขตวิทยา  พระมหาริด ริตเวที เจ้าอาวาสวัดตากฟ้าและเจ้าคณะอำเภอตากฟ้าได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิเวที

พ.ศ. 2544 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลีประจำจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1 โดยอนุมัติของมหาเถรสมาคมในการประชุม ครั้งที่ 9/2544

พ.ศ. 25....  พระศรีสุทธิเวที (ริด  ริตเวที ป.ธ.9, กศ.ม.) ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะวัดตากฟ้าจากวัดราษฎร์ ขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ในวโรกาส 60 ปี ครองราชย์  เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2549 พระศรีสุทธิเวที เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า และรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปัญญาเวที

                                           (บันทึกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน  2553  เวลา  14.10 น.)

วัดตากฟ้า (2549, หน้า 25-30), และหมายเหตุแห่งตากฟ้า (2550, หน้า 66-70) 

หมายเลขบันทึก: 362899เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2010 14:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท