เอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 1
สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
โดย
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำนำ
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
ของรัชกาลที่ 1 เป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน เรื่องพัฒนาการสมัย
กรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 1 - 3 ) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้สร้างได้รวบรวมและเรียบเรียงจากเอกสาร ตำรา อินเตอร์เน็ท CD และประสบการณ์จริง เพื่อให้นักเรียนได้รู้ถึงสาเหตุของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระราชประวัติและเหตุการณ์ที่สำคัญที่เกิดขึ้น และเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนและให้นักเรียนได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ของรัชกาลที่ 1 ประกอบไปด้วย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ ใบงาน แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน เฉลยใบงาน
นายเพชร โฉมไทย
ครูชำนาญการ
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำแนะนำในการใช้เอกสารประกอบการเรียน...................................... 1
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง......................................................................... 2
แบบทดสอบก่อนเรียน.......................................................................... 3
พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 .................................................................. 4
การก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ........................................... 5
สาเหตุการย้ายราชธานี ..................................................................... 7
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
ด้านการเมืองการปกครอง .................................................................... 8
ด้านสังคม ................................................................................... 11
ด้านการศาสนา …............................................................................. 12
ด้านการติดต่อกับต่างประเทศ ........................................................... 13
ใบงานที่ 1 เรื่องการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์.................................. 16
ใบงานที่ 2 พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 1 17
แบบทดสอบหลังเรียน.......................................................................... 18
แนวคำตอบใบงาน................................................................................ 19
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน.................. ............................... 21
บรรณานุกรม ....................................................................................... 22
คำแนะนำในการใช้เอกสารประกอบการเรียน
เอกสารเล่มนี้ เป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการเรียน นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ให้นักเรียนอ่านคำแนะนำและปฏิบัติกิจกรรม แต่ละขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ นักเรียนจะได้รับความรู้อย่างครบถ้วนโดยปฏิบัติ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ศึกษาผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง เพื่อให้ทราบว่า เมื่อจบบทเรียนแล้ว นักเรียนสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน
3. ศึกษาเนื้อหา
4. ทำแบบฝึกใบงาน
5. ทำแบบทดสอบหลังเรียน
6. เฉลยแบบทดสอบ
7. ถ้านักเรียนทำถูกน้อยกว่า 6 ข้อ ให้กลับไปศึกษาใหม่
และทำการทดสอบใหม่
ถ้านักเรียนและผู้สนใจต้องการเนื้อหาเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบ
การเรียนการสอนทั้งหมดสามารถค้นคว้าได้จากบรรณานุกรมที่ให้ไว้ท้ายเล่ม
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
2. อธิบายพัฒนาการสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1-3 ได้
3. บอกปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาล
ที่ 1 - 3 เจริญก้าวหน้าและมีปัญหาอุปสรรคได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
4. เห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์
แบบทดสอบก่อนเรียน
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
เป็นราชธานีคือพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ก. พ่อขุนรามคำแหง ข. พระเจ้าอู่ทอง ค. สมเด็จพระเจ้าตากสิน ง. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช
ก. 1 มกราคม 2310 ข. 6 เมษายน 2325 ค. 26 มิถุนายน 2325 ง. 5 ธันวาคม 2475 3. สมัยรัชกาลที่ 1 ทำสงครามเก้าทัพกับ ประเทศใด ก. พม่า ข. ลาว ค. เขมร ง. เวียดนาม 4. วัดที่สร้างคู่กับพระบรมมหาราชวังคือวัดใด ก. วัดสุทัศน์เทพวราราม ข. วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม ค. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ง. วัดอรุณราชวราราม 5. กฎหมายที่กำหนดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เรียกว่ากฎหมายใด ก. กฎหมายรัฐธรรมนูญ ข. กฎหมายอาญา ค. กฎหมายแพ่งและพานิช ง. กฎหมายตราสามดวง |
6. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุการย้ายราชธานี ก. กรุงธนบุรีเป็นเมืองอกแตก ข. กรุงธนบุรีมีสภาพเป็นท้องคุ้ง ค. กรุงธนบุรีป้องกันข้าศึกได้ง่าย ง. กรุงเทพฯสามารถขยายพระราชวังได้ 7. กรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 1 ปกครองแบบใด ก. พ่อปกครองลูก ข. แบบคอมมิวนิสต์ ค. แบบสมบูรณาญาสิทธิราช ง. แบบประชาธิปไตย 8. กรมวัง ทำหน้าที่อะไร ก. ปราบปรามโจรผู้ร้าย ข. การเก็บส่วย อากร ค. เก็บหางข้าวค่านา ง. จัดการพระราชพิธีและพิจารณาคดี 9. ประเทศใดเป็นเมืองประเทศราช ในสมัยรัชกาลที่ 1 ก. ลาว ข. พม่า ค. อังกฤษ ง. ฝรั่งเศส 10. ชนชั้นใดไม่มีอิสระในการปกครอง ตนเองต้องทำงานตอบแทนให้นายเงิน ก. ไพร่ ข. ทาส ค. พระบรมวงศานุวงศ์ ง. พระมหากษัตริย์
|
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์
พระราชประวัติรัชกาลที่ 1
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จพระราชสมภพ
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ตรงกับ วันพุธแรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ได้รับราชการ
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองราชบุรี เป็น พระยาราชนรินทร์
ในกรมพระตำรวจ เจ้าพระยาจักรี และสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก สมุหนายก และ
แม่ทัพใหญ่ ในสมัยกรุงธนบุรี
ทรงปราบดาภิเษก ขึ้นครองราชย์ เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยาม
เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงย้าย เมืองหลวง จากกรุงธนบุรี มาเป็น
กรุงเทพมหานครครองราชย์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 - 2352 รวม 27 พรรษา
การก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงรวบรวมชาวไทยและปราบชุมนุมต่าง ๆ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นปรึกแผ่น นอกจากนี้ยังได้ทำสงครามกับเขมรและลาวเพื่อขยายอาณาเขต ในตอนปลายรัชกาลขณะที่สมเด็จเจ้าพระยา
มหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ยกทัพไปทำสงครามกับเขมรนั้น ในกรุงธนบุรี
พระยาสรรค์ได้ก่อกบฏตั้งตัวเป็นใหญ่ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงทราบข่าว
การก่อกบฏก็เสด็จยกกองทัพกลับกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินสวรรคต ข้าราชการ
ทั้งปวงก็อัญเชิญให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายน พ.ศ. 2325 ทรงพระนามว่าพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นับเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี แล้วก็โปรดให้
จัดการย้ายราชธานี มาตั้งใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่มา : ประวัติศาสตร์ไทย ชั้น ป.6 พรภิรมณ์ เชียงกูล และคณะ
สาเหตุการย้ายราชธานี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ขึ้นเสวยราชสมบัติแล้วก็โปรดให้จัดการย้ายราชธานี มาตั้งใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะสาเหตุ
หลายประการดังนี้
1) ถ้าตั้งพระนครอยู่ทางฝั่งตะวันออกฝั่งเดียว จะสามารถป้องกันข้าศึกได้ง่าย เพราะกรุงธนบุรีมีลักษณะเป็นเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ทำให้เมืองแยกเป็น 2 ส่วน ซึ่งเรียกกันว่า เมืองอกแตก จึงยากต่อการป้องกันข้าศึก
2) กรุงธนบุรีมีสภาพเป็นท้องคุ้งน้ำเซาะตลิ่งทรุดพังอยู่เสมอ อาจเป็นอันตรายต่อพระราชฐานของพระนครได้
3) กรุงธนบุรีตั้งอยู่ระหว่างวัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) กับวัดโมฬีโลก (วัดท้ายตลาด) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายเขตพระราชฐาน
4) ภูมิประเทศทางฝั่งตะวันออกดีกว่าทางฝั่งตะวันตกและหากจะขยายพระราชวังและ
เขตพระนคร ออกไปอีกก็ทำได้สะดวก
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้สร้างพระมหานครและ
พระบรมมหาราชวังที่บริเวณพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามในปัจจุบัน
ในการสร้างพระนครแห่งใหม่นี้ใช้เวลานาน 3 ปี เสร็จแล้ว โปรดให้มี พระราชพิธี สมโภชอย่างมโหฬาร รวม 3 วัน และขนานนามพระนครแห่งใหม่ว่า กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพนพรัตน์ ราชธานี บุรีรมย์ อุดมราชนิเวศ มหาสถานอมรพิมาน อวตารสถิต สักกทัตติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ์ ( สมัยรัชกาลที่ 4 เปลี่ยน กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ เป็นกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ ฯ )
แผนผัง กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ที่มา : ประวัติศาสตร์ไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พลับพลึง คงชนะและคณะ
ด้านการเมืองการปกครอง
การปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช (พระมหากษัตริย์ มีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว)
1 การฟื้นฟูด้านการปกครอง
การจัดรูปแบบการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น (รัชกาลที่ 1 – 3) ได้จัดรูปแบบ
การปกครองออกเป็น 2 ส่วน คือ การปกครองราชธานี และการปกครองหัวเมืองและ
ประเทศราช ซึ่งการปกครองแต่ละส่วนมีลักษณะการปกครอง ดังนี้
1.1 การปกครองราชธานี ประกอบด้วย
(1) สมุหนายก (เสนาบดีกรมมหาดไทย) เป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือนมีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ
(2) สมุหกลาโหม (เสนาบดีกรมพระกลาโหม) เป็นหัวหน้าฝ่ายทหาร อำนาจหน้าที่บังคับบัญชาดูแลหัวเมืองฝ่ายใต้ นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเสนาบดีจตุสดมภ์
ทำหน้าที่บริหารอีก 4 ตำแหน่งด้วยกันคือ
- เสนาบดีกรมเมือง (เวียง) มีอำนาจหน้าที่ปกครองดูแล และรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและปราบปรามโจรผู้ร้าย
- เสนาบดีกรมวัง (วัง) มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการในราชสำนัก จัดการ
พระราชพิธีทั่วไปและพิจารณาคดีที่พระมหากษัตริย์จะต้องวินิจฉัยด้วย จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธรรมาธิกรณ์ หมายถึง ผู้ให้ความเป็นธรรม
- เสนาบดีกรมคลัง (คลัง) มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของแผ่นดินทั่วไป
อันได้แก่ การเก็บส่วย อากร การเบิกจ่ายเงินราชการ รักษาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
และยังมีหน้าที่บังคับบัญชาการค้าขายที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศด้วย จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กรมท่า
- เสนาบดีกรมนา (นา) มีหน้าที่จัดการดูแลรักษานาหลวง เก็บหางข้าวค่านา
จากราษฎรเข้าฉางหลวง เพื่อเป็นเสบียงในยามสงคราม หรือยามข้าวยากหมากแพง
1.2 การปกครองหัวเมืองและประเทศราช แบ่งหัวเมืองออกเป็น 3 ประเภท
(1) หัวเมืองชั้นใน คือ บรรดาเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบราชธานี เรียกว่า เมืองจัตวา มีผู้รั้งกับกรมการเมืองร่วมกันปกครอง
(2) หัวเมืองชั้นนอก คือ หัวเมืองที่ห่างไกลจากราชธานีออกไป จัดเป็นเมือง
พระยามหานคร เป็นหัวเมืองชั้นเอก โท ตรี ตามลำดับความสำคัญและความอุดมสมบูรณ์ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกไปปกครอง
(3) หัวเมืองประเทศราช เป็นเมืองของคนต่างชาติที่เป็นเมืองขึ้นของไทย
กำหนดให้เจ้านายของเมืองนั้นปกครองกันเอง แต่จะต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองและ
เครื่องราชบรรณการมาถวายกษัตริย์ไทยทุก 3 ปี
ที่มา : ประวัติศาสตร์ไทย ชั้น ป.6 / พรภิรมณ์ เชียงกูล และคณะ
1.3 ด้านกฎหมาย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้มีการรวบรวมและ
ชำระพระราชกำหนดกฎหมายที่ถูกเผาและสูญหายในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเสียใหม่
เพื่อใช้บังคับให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยขึ้น เรียกว่า กฎหมายตราสามดวง
ตราราชสีห์ ตราคชสีห์
ตราบัวแก้ว
ที่มา:สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่ม 18 หน้า 110
ด้านเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเป็นแบบดั้งเดิมของไทย ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
ผลประโยชน์ของประเทศที่ได้รับในขณะนั้นได้จากภาษีอากร เช่น อากรสุรา
อากรบ่อนเบี้ย ภาษีค่าน้ำ เก็บตามเครื่องมือ
การเก็บภาษีอากรภายในประเทศแบ่งเป็น 4 ประเภทได้แก่
1.จังกอบ คือภาษีที่เก็บจากสินค้าของราษฎร อัตรา 10 หยิบ 1 เป็นค่าผ่านด่านขนอนทั้งทางบกและทางน้ำ
2. อากร คือ ภาษีที่เรียกเก็บเป็นเงินหรือสิ่งของจากการประกอบอาชีพต่างๆ
3. ฤชา คือ เงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากราษฎรเป็นค่าบริการที่รัฐจัดทำให้ เช่น การออกโฉนดหรือเงินปรับไหม
4. ส่วยหรือเงินข้าราชการ คือ เงินทดแทนการเข้าเวรรับราชการของไพร่
นอกจากนี้ยังมีการค้าขายกับต่างประเทศโดยการค้าสำเภา อันเนื่องมาแต่สมัย
กรุงธนบุรี โดยค้าขายกับประเทศจีน อินเดีย มลายู สิงคโปร์ และมาเก๊า เป็นต้น
ด้านสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม
ด้านสภาพสังคม
ด้านสภาพสังคม สภาพสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะคล้ายกับ
สมัยอยุธยา โดยมีการแบ่งประชาชนออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ชนชั้นปกครอง ได้แก่ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง ชนชั้นใต้ปกครอง ได้แก่ ไพร่ คือ สามัญชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นทาสและเจ้านาย และทาสคือผู้ที่ขายตัวตกเป็นทาสของนายเงินไม่มีอิสระ
ในการปกครองตนเองต้องทำงานตอบแทนให้นายเงินที่ตนสังกัดอยู่
การตั้งบ้านเรือนมักจะเป็นชุมชนขนาดเล็กตามริมแม่น้ำลำคลอง เพราะต้องอาศัยน้ำ
จากแม่น้ำลำคลองสำหรับดื่มใช้และทำไร่ทำนาและการคมนาคมขนส่ง
ด้านศาสนา
1. การสร้างและปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
2. การจัดระเบียบสังฆมณฑล
3. การสังคายนาพระไตรปิฎก
4. การรวบรวมพระพุทธรูปโบราณ
5. การตรากฎหมายพระสงฆ์
การสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
เมื่อมีการสร้างพระนครขึ้นใหม่ รัชกาลที่ 1 ได้มีการสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ให้อยู่ในเขตพระราชฐานเป็นพุทธาวาส เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต สร้างวัด
มหาสุทธาราม ( วัดสุทัศน์เทพวราราม ) เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีศากยมุนี นอกจาก
วัดที่สร้างแล้วยังบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอื่น ๆ อีกมาก เช่น วัดโพธาราม ได้รื้อของเดิม
ทั้งหมดแล้วสร้างขึ้นใหม่ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์)
วัดนี้ถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 วัดสระเกศวรวิหาร ( วัดสระแก ) วัดระฆังโฆสิตาราม
ด้านการติดต่อกับต่างประเทศ
การติดต่อกับต่างประเทศของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีการติดต่อค้าขายกับประเทศตะวันตกอีกหลายประเทศ เช่น โปรตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
พม่า ไทยกับพม่ามีการทำสงครามตลอดระยะเวลา 27 ปี สมัยรัชกาลที่ 1 ไทยทำสงครามกับพม่าถึง 7 ครั้ง ศึกครั้งสำคัญที่สุด คือ สงครามเก้าทัพ พระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้ามาตีไทยเมื่อ พ.ศ. 2328 โดยจัดทัพใหญ่เก้าทัพ ไทยจึงสามารถป้องกันพระนครไว้ได้
ลาว หลังจากสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง
ไทยกับลาวก็ดำเนินไปตามปกติในฐานะประเทศราช
ภาพการทำสงคราม 9 ทัพ
ที่มา : หนังสือชุด 9 รัชกาลจักรีวงศ์ / บุษบง โควินท์
เวียดนาม องค์เชียงสือ เข้าพึ่งโพธิสมภาร รัชกาลที่ 1
ที่มา : หนังสือชุด 9 รัชกาลจักรีวงศ์ / บุษบง โควินท์
เขมร ในสมัยธนบุรี เขมรหรือปัจจุบันเรียกว่ากัมพูชาตกเป็นเมืองขึ้นของไทยจนมาถึงรัชกาลที่ 1 พระอุทัยราชา กษัตริย์กัมพูชาองค์นี้ไปฝักใฝ่ฝ่ายญวน พระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ยกทัพไปตีกัมพูชาได้ชัยชนะ พระอุทัยราชาสวรรคตในระหว่างสงคราม
เวียดนาม องเชียงสือ ได้เข้ามาพึ่งโพธิสมภารรัชกาลที่ 1 และจงรักภักดีต่อประเทศไทยด้วยดีตลอดมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดให้การช่วยเหลือ
จนสามารถรวบรวมกำลังญวนทั้งหมดกอบกู้ราชบัลลังก์จากการกบฏมาได้ และส่งเครื่อง
ราชบรรณาการ มาถวายรวม 6 ครั้ง แสดงว่าญวนยอมเป็นประเทศราชของไทย ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 ความเป็นไมตรีระหว่างไทยกับญวนก็เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ทั้งกัมพูชาและลาว ต่างก็ยึดญวนเป็นที่พึ่งแทนการพึ่งประเทศไทย
สหรัฐอเมริกา
ใบงานที่ 1 เรื่องการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 4 ประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จุดประสงค์ 1. บอกผู้ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีได้ 2. บอกสาเหตุของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีได้
|
ชื่อกลุ่ม...................................................
ชื่อสมาชิก 1. ……………………………………… 2. ………………………………………..
3. ……………………………………… 4. ………………………………………..
5. ……………………………………….
คำชี้แจง ให้นักเรียน สืบค้นข้อมูลจากเอกสารประกอบการเรียนเล่มที่ 3 เรื่องพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รัชกาลที่1 แล้วตอบคำถาม
3.1 ………………………………………………………………………………………. 3.2 ………………………………………………………………………………………. 3.3 ………………………………………………………………………………………. 3.4 ………………………………………………………………………………………
|
ใบงานที่ 2
เก่งมากๆๆๆ
เป็นแบบอย่างการทำงานที่ดีมากค่ะ
ขอขอบคุณเนื้อหาที่คุณกระทำขึ้น