เด็กวัฒฯ
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร คนวัฒนธรรม

วัฒนธรรมวัยโจ๋


            คุณพ่อคุณแม่ที่ผ่านประสบการณ์การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานมาคงเข้าใจและยอมรับในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของบุตรหลานเป็นอย่างดี  โดยยอมรับว่าเด็กดื้อ เด็กซนมักเป็นเด็กฉลาด และสามารถเอาตัวรอดได้ในทุกโอกาสและแต่ละสถานการณ์ แต่เมื่อถึงคราวที่เด็กดื้อเด็กซนเติมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและมีพัฒนาการเปลี่ยนเป็นวัยรุ่น กลับได้รับการห่วงใยเป็นพิเศษ เพราะเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง  และต้องการให้ตนองเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน นอกจากนั้นการคิดแสวงหาจุดยืน ตลอดจนพฤติกรรมที่แสดงออกในการดำเนินชีวิตของวัยรุ่นยังมีความเป็นตัวตนค่อนข้างสูง ซึ่งข้อแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดและเคารพนับถือจะเป็นสิ่งสำคัญและมีประโยชน์ยิ่งในการชี้นำให้วัยรุ่นเดินได้ถูกทิศถูกทางและถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
           ปัญหาเรื่องการไหลบ่าของวัฒนธรรมต่างประเทศและครอบงำสังคมไทย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และมีความต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นสถาบันที่ก่อร่างสร้างเด็กและเยาวชนขึ้นมา หากครอบครัวมีการอบรมเลี้ยงดูที่ถูกต้อง เด็กก็จะเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี เข้าใจโลก รวมถึงมีสติปัญญาและจิตสำนึกที่ดีจนสามารถเอาชนะสิ่งแวดล้อมที่ไม่น่าพึงประสงค์ และสามารถดำเนินชีวิตของตนได้อย่างมีความสุขในสังคม
          ในทางกลับกัน หากสถาบันครอบครัวมีความอ่อนแอ เด็กที่เกิดจากครอบครัวนั้นก็จะขาดซึ่งจิตสำนึกที่ดีในการดำเนินชีวิต ขาดสติปัญญาในการยับยั้งชั่งใจต่อสิ่งเร้าที่มีอยู่โดยรอบ ก็จะทำให้เกิดเป็นปัญหาสังคมในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพกายและจิตใจ การทะเลาะวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน การลักขโมยโจรกรรม การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การก่ออาชญากรรม และการละเมิดทางเพศ
          นอกจากนี้สถาบันครอบครัวที่มีควมารักความเข้าใจ จะเป็นตัวส่งเสริมให้เด็กได้รู้จักตนเองว่าชอบอะไร หรือทำสิ่งไหนได้ดี เมื่อครอบครัวมีความเข้าใจและเปิดโอกาสให้เด็กได้ทำสิ่งนั้น ย่อมจะเป็นการเสริมแรงให้เด็กมีพัฒนาการและมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ชอบนั้นจนถึงขีดสุด ซึ่งสิ่ง ๆ นี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้รู้จักจุดยืนของตนเองทางหนึ่งเช่นกัน
          การดำเนินชีวิตของวัยรุ่นในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีค่านิยมและพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากอดีตที่ผ่านมาอันเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร และโทรคมนาคมที่ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและฉับพลัน จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้เยาวชนไทยและวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ขาดความรู้ความเข้าใจในรากฐานทางวัฒนธรรม โดยมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากวิถีชีวิตที่ควรจะเป็น อาทิ การแต่งกายล่อแหลมและเปิดเผยจนเกินงามและเกินวัย การชิงสุกก่อนห่าม การไม่มีสัมมาคารวะผู้อาวุโส การพูดจจาหยาบคาย การไม่รักนวลสวงนตัว การละเมิดและทำร้ายผู้อื่น ฯลฯ ประเด็นนี้ได้สะท้อนความคิดให้ทราบว่า
           วัฒนธรรมหรือค่านิยมจากต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยนั้นมีทั้งส่วนที่ดี ไม่ดี เหมาะสม และไม่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายหากคนไทยรับวัฒนธรรมเหล่านั้นมาโดยขาดซึ่งการพิจารณา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นวัยที่กำลังเปิดรับและซึมซับสิ่งแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว
           ตัวอย่างวัฒนธรรมที่สามรถเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ อาหาร Fast Food ต่าง ๆ สินค้า Brand Name สินค้าทางด้านเทคโนโลยี การแต่งกายตามแฟชั่นของสตรีที่เปิดเผยเรือนร่าง เป็นต้น
           อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนื่อจากสิ่งที่สามรถเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ก็คือ ค่านิยมที่ฝังลึกเข้าไปถึงจิตใจ เล่น ค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การดำเนินชีวิตที่ขาดคุณธรรมและความรับชอบ การขาดความเมตตาและเอื้อเฟื้อเกื่อกูลกัน ปัจจุบันค่านิยมที่กล่าวมากำลังซึมแทรกในกลุ่มวัยรุ่นซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
            ด้วยลักษณะของสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เป็นเสรี ทำให้การควบคุมการเข้ามาของวัฒธรรมของต่างชาติที่หลากหลายนั้นเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่เราทุกคนควรจะนึกถึง คือการมีจุดยืนในการใช้ชีวิตอย่างคนไทย ใช้ชีวิตอย่างไรให้รู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้ แลเม่ตกเป็นทาสของวัฒนธรรมอื่น รวมถึงรักษาเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยเราไว้
           จุดยืนในที่นี้ หมายถึง การรู้จักตนเองในฐานะคนไทย และการมีวิจารญาณในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมตามทำนองคลองธรรม รู้จักความพอดี
           การที่จะทำให้ทุกคนได้รู้จักจุดยืน รู้จักวัฒนธรรมความเป็นไทยที่เหมาะสมกับความเป็นไทย จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันของหลายฝ่าย ทั้งสถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันการปกครอง รวมถึงคนในสังคมไทยทั้งหมด เพราะเรื่องการได้รู้จักจุดยืน เป็นเรื่องของการได้รับการอบรม ปลูกฝัง รวมทั้งได้รับประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง
           อยากจะฝากถึงเยาวชนทุก ๆ คนในสังคมว่าปัจจุบันสังคมไทยเป็นสังคมที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม มีสิ่งเร้าที่อันตรายและจะนำสู่ปัญหาหลายอย่าง การจะห้ามไม่ให้มีสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ทำไดยาก ทางที่ดีที่สุดทุกคนควรจะมีวิจารญาณในการดำเนินชีวิต รู้จักว่าเราเป็นใครและเหมาะสมกับสิ่งไหน ถือเป็นการปกป้องค้มครองตัวเองให้พ้นจากสิ่งเร้ารอบ ๆ ซึ่งหากเลือกได้เหมาะสมก็จะทำให้ชีวิตนั้นเป็นสุข
           สำหรับเด็กและเยาวชนนั้นคงต้องฝากความหวังไว้กับผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งด้วย เพราะเด็กนั้นเติมโตมาจากการอบรมเลี้ยงดู หากเลี้ยงดี เด็กก็ดี หากเลี้ยงไม่ดี เด็กก็ดีได้ยาก ดังนั้น ความรักความเข้าใจ รวมถึงเวลาที่มีให้เด็กและเยาวชนถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างให้เด็กนั้นเป็นคนดี มีปัญญาและวิจารณญาณในการดำเนินชีวิต
           ในส่วนของการปกครองรวมทั้งรัฐบาลอยากให้ตระหนักถึงความต้องการของเด็กและเยาวชน ตลอดจนทิศทางที่อยากจะให้เด็กและเยาวชนโตขึ้นเป็น ซึ่งควรจะเป็นทิศทางที่เหมาะสมและรู้จักความพอเพียง ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
           คำว่า พอเพียง แสดงให้เห็นถึงการรู้จักตนเอง รู้จักจุดยืน และรู้จักเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเรา หากทุกคนในสังคมมีความคิดที่ พอเพียง ก็ย่อมจะทำให้เกิด ความพอดี ขึ้นในสังคม ซึ่งจะทำให้สังคมไทยนั้นดำเนินไปได้อย่างสงบสุข

                                                                          โดย  คุณลัดดา ตั้งสุภาชัย
                                                                 วารสารศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม

หมายเลขบันทึก: 359597เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 13:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท