ธุรกิจ 4 ประเภทกับคนติดเถ้าภูเขาไฟ


เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา เขาจะมาช่วยทำไม

ขออนุญาตไม่เล่าเรื่องการหาทางหนีทีไล่ของตัวเอง โดยละเอียด เพราะที่สุดแผนของผมอีกสองแผนก็ไม่เป็นผล แต่อยากเล่าเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว

เรื่องแรกคือเรื่องโรงแรม เพราะสิ่งแรกของคนที่ไปไหนไม่รอดอย่างผมจะต้องทำคือหาที่พักระหว่างรอ

ความจริงจะทำแบบหลายคนทำก็ได้คือไปนอนรอที่สนามบิน เผื่อเครื่องออกบินเมื่อไร เขาก็คงปราณีให้ได้ขึ้นเครื่องเป็นคนแรกๆ (มีคนแนะนำอย่างนี้หลายคน แต่บังเอิญผมไม่ได้อยู่ในข่ายที่ไปถึงสนามบินแล้วจึงรู้ว่าเขายกเลิก เป็นพวกรู้ตัวก่อนไปถึงสนามบิน ถ้ายังพยายามพาตัวเองไปนอนรอที่สนามบินก็คงมีคนถามว่ามาทำไม พาลจะไม่ให้เข้าสนามบิน เพราะกลัวจะมาก่อการร้ายง

สิ่งแรกที่ทำได้ในสมัยนี้คือเข้าอินเตอร์เน็ต เพราะเป็นที่รู้กันว่าสะดวก และส่วนใหญ่ก็จะได้ราคาถูกกว่าที่จะโทรไปถามโดยตรง

ปรากฏว่าผิดคาด ไอ้ที่ว่าสะดวกน่ะ จริง แต่ที่ว่าราคาถูกน่ะไม่จริงเอาซะเลย แถมราคาที่โทรถามกับราคาทางเน็ตก็เท่ากันเปี๊ยบ ไม่มีขาดมีเกิน ส่วนสนนราคาก็ไม่ค่อยหนี 100 ปอนด์ (ราว 5000 บาท ผมเองเคยนอนโรงแรมลอนดอนมาก็ราคาประมาณนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แม้ชื่อโรงแรมจะไม่หรูหรา เราก็ไม่ว่า ราคาแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร ก็เรามาจองเอาวันใกล้เข้าที่พักก็แพงเป็นธรรมดา ได้ชื่อมา 3-4 แห่งไปตรวจราคาดูก็ว่าใกล้เคียง ที่ตั้งก็ไม่ได้ว่าอยู่กลางเมือง แต่เดินทางไม่ยากนัก ก็เอา ราคา 95 ปอนด์

พอไปถึงโรงแรม แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะมีป้ายตัวเบ้อเริ่มบอกว่า from 29 GBP แปลว่าปกติราคาก็ราวๆนั้น ซึ่งถ้าแพงกว่ากันก็คงราวไม่เกิน 50 ปอนด์ ดูจากสภาพและที่ตั้งโรงแรมก็น่าจะประมาณนั้น ไม่เป็นไรไหนๆก็มาแล้ว ยามนี้มันหาโรงแรมยาก ทีมงานที่ องค์การอนามัยโลกติดต่อทางโทรศัพท์หามาได้ก็ราคา 170 ปอนด์ นอนนี่ก็แล้วกัน

ก่อนเช็คอินก็ถามว่า ถ้าพรุ่งนี้ผมยังเดินทางไม่ได้ มีห้องพักไหม จะได้จองไว้ก่อน ปรากฏว่ามีห้องพัก แต่ราคาขึ้นไปเป็น 107 ปอนด์ และถ้าจะจองอีกคืนก็มีเหมือนกัน แต่ราคา 135 ปอนด์

เขาอธิบายว่าทางโรงแรมมีโปรแกรมคำนวณราคาค่าห้องที่จะขึ้นลงตาม ความต้องการของลูกค้า ผมฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง ว่ากลไกตลาดช่างทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ไอ้เราคิดว่าตัวเองกำลังประสบปัญหา ตกที่นั่งลำบาก น่าจะมีคนมาช่วยเหลือ แต่คนทำโรงแรมเห็นเป็นโอกาสที่จะขึ้นราคา คงเพราะเห็นว่าเรามีปัญญาจ่าย (จริงเปล่าก็ไม่รู้)

นึกถึงตอนที่มีการฉกชิงวิ่งราวเมื่อคราวพายุเฮอริเคนที่อเมริกา กับคราวที่คนพากันไปช่วยผู้ตกยากที่พังงากับภูเก็ตเมื่อเกิดสึนามิ แล้วก็ต้องปลงว่า ขนาดคนที่ประสบปัญหาตอนนั้นยากลำบากกว่าเรา เขายังเอาเปรียบกันหน้าตาเฉย (ไม่ช่วยแถมยังซำ้เติม)

ตอนนี้เราเป็นอะไรกับเขา เขาถึงจะมาเห็นใจคิดค่าห้องถูกๆ หรือราคาธรรมดา ก็ demand มันเกิน supply ก็ต้องขึ้นราคาถึงจะถูกหลักการ

ตกกลางคืนดูข่าวคนอังกฤษไปตกเครื่องอยู่ตามเมืองต่างๆ เขาสัมภาษณ์ว่าเป็นไง มีกลุ่มนึงอยู่เมืองจีนบ่นนิดหน่อยว่า พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่รู้จะได้ไปไหนเมื่อไร

กลุ่มที่อยู่ฮ่องกงบอกว่า โรงแรมที่ฮ่องกงโหดจริงๆ วันแรกคิดค่าห้อง 400 ยูโร (ราว 10,000 บาท) คืนที่สองขึ้นเป็น 800 ยูโรหน้าตาเฉย ก็ไม่รู้ว่าโรงแรมอะไร แต่ถ้ามารู้ว่าผมก็แปลกใจไม่แพ้กันกับความน่ารักของโรงแรมอังกฤษ ก็อาจจะหายหงุดหงิดไปได้

ที่น่าสนใจคือคนที่ติดอยู่เมืองไทย ไปสัมภาษณ์ที่ถนนข้าวสาร ยิ้มแย้มแจ่มใสบอก ติดก็ชั่งมัน ก็เที่ยวต่อไปอีกสักพัก ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง อาหารก็อร่อย ไม่เห็นพูดถึงเรื่องความรุนแรง และการประท้วงที่ตอนนั้นก็ผ่านช่วงปะทะ 10 เมย ไปหยกๆ เดี๋ยวมาเล่าต่ออีก 3 ธุรกิจที่น่าสนใจนะครับ

เมืองไทยแน่จริงๆ เปลี่ยนฝรั่งจอมซีเรียส มาใช้วัฒนธรรมชั่งมันได้ในไม่กี่วัน

หมายเลขบันทึก: 358972เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2010 17:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 22:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท