Alcohol Withdrawal Delirium / DTs : ลักษณะสำคัญในการวินิจฉัย คือ อาการขาดสุรารุนแรงร่วมกับอาการ เพ้อสับสน (delirium) โดยผู้ป่วยที่มีอาการ delirium มีอาการดังต่อไปนี้
1 ระดับสติสัมปชัญญะและความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป (consciousness) สับสน (confusion)
2 มีการทำงานของสมองที่เกี่ยวกับความคิด ความจำ การรับรู้เสียไป (cognition) เช่น สับสนเรื่องเวลา สถานที่ และบุคล (disorientation) พูกจาสับสน มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอนได้ (visual, tactile, or auditory hallucinations) ที่พบบ่อยคือ tactile hallucination
3 อาการผู้ป่วยจะแย่ลง ดีขึ้นเป็นพักๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืนอาการจะรุนแรงมากขึ้นและสงบลงในช่วงกลางวัน
สรุปการเกิดภาวะถอนพิษสุรา
ระยะเวลาการเกิดอาการขาดสุรามักเกิดภายใน 6-48 ชม. หลังหยุดหรือลดการดื่มขึ้นกับความรุนแรงของการติดสุรา
อาการขาดสุราเล็กน้อยถึงปานกลางเป็นมากที่สุดใน 2-3 วันหลังหยุดดื่มสุราครั้งสุดท้าย อาการมักจะดีขึ้นและหายไปได้ภายใน 5-7 วัน
อาการขาดสุรารุนแรง เช่น Dts มักเริ่มเกิดภายใน 2-3 วันหลังหยุดดื่มสุราหรือดื่มน้อยลง อาการมักรุนแรงที่สุดในวันที่ 4-5 ส่วนใหญ่อาการมักดีขึ้นภายใน 10 วัน
ภาวะชักจากการถอนพิษสุรา (Rum fits) มักเกิดใน 12-48 ชม. หลังหยุดดื่ม
ภาวะแทรกซ้อนทางกายที่พบบ่อยในผู้ดื่มสุรา
1 ภาวะขาดน้ำในร่างกาย : Dehydration
2 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ : Hypoglycemia
3 เลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง : Subdural hematoma
4 ภาวะเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น : Uper Gastrointestinal Hemorrhage
5 ภาวะขาดสารอาหาร : malnutrition
โรคร่วมทางกายที่สัมพันธ์กับการดื่มสุราที่พบบ่อย ได้แก่
1 Hepatic encephalopathy
2 Pancreatitis
3 Electrolyte imbalance : Hypokalemia
4 Pneumonia
5 Alcoholic Cirrhosis
6 Alcohol Hepatitis
7 เบาหวาน มะเร็ง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ข้ออักเสบ ปลายประสาทอักเสบ เป็นต้น
หลักการรักษาภาวะถอนพิษสุรา ประกอบด้วย 4S' ได้แก่
1 Sedation - การให้ยากลุ่ม เบนโซไดอะซีปีน เพื่อสงบอาการขาดสุรา
2 Symptomatic Relief - การรักษาตามอาการ
3 Supplement - การให้สารน้ำ อาหาร วิตามินเสริม
4 Supportive environment - การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
ข้อบ่งชี้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก
1 มีอาการขาดสุราที่มีความรุนแรงน้อย
2 สามารถรับประทานยาได้
3 มีญาติสนิทหรือคนในครอบครัวช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างถอนพิษสุรา (ประมาณ 3-5 วัน) และสามารถติดตามอาการขาดสุราได้
4 สามารถมาพบแทย์ตามนัดได้
5 ไม่มีภาวะโรคทางจิตเวชและโรคทางกายที่ยังไม่คงที่
6 ไม่มีปัญหาใช้สารเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วยจนอาจมีอาการขาดสารเสพติดนั้น เช่น อาการขาดยานอนหลับ
7 อายุน้อยกว่า 60 ปี
8 ไม่มีประวัติอาการ DTs หรือชัก (Rum fits) มาก่อน
9 ไม่มีหลักฐานแสดงถึงอวัยวะภายในถูกทำลายจากพิษสุรา เช่น ascites, cirrhosis renal insufficiency เป็นต้น
ข้อพิจารณาในการรักษาแบบผู้ป่วยใน
1 เริ่มมีหรือคาดว่าจะมีอาการขาดสุราระดับปานกลางถึงรุนแรง
2 มีโรคจิตเวชหรือโรคทางกายซึ่งต้องการการเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด
3 มีการติดยาหรือสารเสพติดอื่นร่วมด้วยและมีอาการถอนพิษจากสารเสพติดหลายชนิด
4 มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงหรือควบคุมไม่ได้
5 มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย
6 ผู้ป่วยไม่สามารถดูแลหรือช่วยเหลือตนเองได้
7 เคยรักษาแบบผู้ป่วยนอกแล้วไม่ได้ผล
8 ไม่มีญาติหรือสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก
แนวทางการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยใน
- การตรวจร่างกาย ตรวจสภาพจิต
- ประเมินโรคทางกายแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ อุบัติเหตุ metabolic disturbances รับประทานยาเกินขนาด hepatic failure เลือดออกในกระเพาะ
- ประเมินความรุนแรงของอาการขาดสุรา
- Further investigation ตามความเหมาะสม เช่น CBC, Serum Electrolyte, Glucose, LFT เป็นต้น
การรักษาแบบผู้ป่วยใน
1 ให้ยากลุ่ม benzodiazepines ตามความรุนแรงของอาการ
2 การดูแลแบบประคับประคอง ได้แก่
- มีอุปกรณ์ผูกมัดชั่วคราวหากจำเป็น และเมื่ออาการสงบลงให้เลิกการผูกมัด
- ชดเชยสารน้ำโดยให้ (isotonic IV fluid), เกลือแร่ (potassium, magnesium, phosphate), วิตามิน (B1, MTV, Folate)
- หากผู้ป่วยทานไม่ได้ ให้ NPO ไว้ก่อน เพื่อป้องกัน aspiration วันต่อมาค่อยให้อาหารที่ high metabolic needs
- ประเมินอาการเป็นระยะๆ
- จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม คือ เงียบสงบ ปลอดภัย
การวางแผนการพยาบาล
1 การพยาบาลระยะแรก มีเป้าหมายเพื่อค้นหาผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มสุราให้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและให้การดูแลรักษาเบื้องต้น
2 การพยาบาลระยะถอนพิษสุราและโรคร่วม สิ่งที่ต้องระวัง
- เฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุ
- เฝ้าระวังภาวะชักที่อาจเกิดใน 24 ชม. หลังหยุดดื่ม
- เฝ้าระวังการสำลักอาหาร และน้ำ
- เฝ้าระวังการเสียน้ำจากการอาเจียนและถ่ายเหลว
- เฝ้าระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ห้ามฉีดยาเข้ากล้ามในกรณีเกล็ดเลือดต่ำ
3 การพยาบาลระยะฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อเตรียมให้ผู้ป่วยพร้อมในการกลับเข้าสู่สังคม โดยไม่กลับไปดื่มสุราซ้ำ
4 การพยาบาลระยะหลังการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยคงอยู่ในสังคมได้โดยไม่ดื่มหรือมีการดื่มลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
การป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ : หลังจากผ่านพ้นระยะถอนพิษสุราแล้ว ผู้ป่วยอาจหยุดหรือลดการดื่มได้ระยะหนึ่ง ปัญหาที่มักเกิดตามมาคือ ผู้ป่วยกลับไปดื่มซ้ำจนก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีก ขั้นตอนการดูแลเพื่อป้องกันการกลับดื่มซ้ำจึงมีความสำคัญมากเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคงภาวะของการหยุดสุราได้อย่างต่อเนื่อง วิธีการป้องกันการกลับดื่มซ้ำนั้น มีทั้งการรักษาด้วยยาและการบำบัดทางจิตสังคม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมทักษะให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมตัวเองได้
ก็จบแล้วนะคะ สำหรับการดูแลผู้มีปัญหาการดื่มสุราเบื้องต้นสำหรับบุคลากรสุขภาพและผู้ที่สนใจ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณค่ะสำหรับทุกท่านที่สนใจติดตาม โอกาสหน้าคงจะได้มาเล่าประสบการณ์ดีๆอีก อย่าลืมติดตามนะคะ สวัสดีค่ะ
สุปราณี and หนึ่งฤทัย................
โห ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณคร้าบที่มาเหล้า เอ้ย มาเล่าสู่กันฟัง
มีประโยชน์มากครับ