เอกสารเผยแพร่
คือพื้นฐานของการสร้างวัฒนธรรมแห่งคุณภาพ
ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนธีรภาดาเทคโนโลยี จังหวัดร้อยเอ็ด
สังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
กระทรงศึกษาธิการ
วัฒนธรรมคุณภาพ (Quality Culture)
ประกอบด้วยค่านิยมร่วมเบื้องต้น 11 ข้อ
วัฒนธรรมแห่งคุณภาพ
เราต่างรู้ว่า “คุณภาพ” เป็นเรื่องที่สำคัญต่อความอยู่รอดขององค์กร แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำให้ได้มาซึ่ง “คุณภาพ” เท่าที่ควรโดยเฉพาะ “คุณภาพของคน” ซึ่งเป็นพื้นฐาน และที่มาของคุณภาพอื่นๆ ทั้งหมด ทั้งที่เราส่วนใหญ่รู้ถึงวิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งคุณภาพของสินค้า หรือบริการ รู้ถึงวิธีสร้างคนที่มีคุณภาพ ตัวเราก็ไม่ได้ดำเนินการหรือติดตามผลอย่างจริงจัง ซึ่งอาจเป็นเพราะเราเห็นว่าการสร้างคุณภาพเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้เวลามากเราจึงหันไปหยิบฉวยในเรื่องอื่นที่ใช้เวลาน้อยกว่า เห็นผลเร็วกว่า และทำได้อย่างง่ายกว่า เช่น การลดต้นทุนด้วยการประหยัด ปิดไฟ ปิดน้ำ ดับแอร์เป็นเวลา ใช้กระดาษหมุนเวียน 2 หน้า ควบคุมการเบิกจ่ายวัสดุอย่างเข้มงวดขึ้น เป็นต้น ปัญหาเรื่อง “ความไม่มีคุณภาพ” จึงยังมีอยู่เสมอ
ทุกวันนี้เรามักจะทำงานกันด้วยวิธีการเดิมๆ ทำงานตามที่คุ้นเคย ทำงานตามที่เราจำได้ตามที่ได้บอกเล่าต่อๆ กันมาทำตามรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง ทำงานตามความรู้สึก ทำงานตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ เป็นต้น ซึ่งหลายต่อหลายเรื่องเราอาจทำงานได้โดยไม่รู้ที่มาที่ไปด้วยซ้ำ พอนานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน กลายเป็นนิสัยที่ปรับเปลี่ยนได้ยากมากขึ้นทุกที
เมื่อเราทำงานกันโดยมิได้คิด เราจึงมองไม่เห็น “ปัญหาในงาน และจมปลักอยู่กับงานที่มีปัญหาซ้ำซากได้โดยไม่คิดว่ามีปัญหา ดังเห็นได้จากคำตอบที่เราได้ยินได้ฟังกันจนคุ้นเคยว่าไม่มีปัญหา ” (No Problem หรือ โนพลอมแพลม) ทั้งที่ทีปัญหามากมายสุมอยู่ จึงไม่แปลกเลยเมื่อเราถามพนักงานว่า “มีปัญหาอะไรบ้างไหม” แล้วได้ยินคำตอบแทบจะสวนมาทันทีเลยว่า “ไม่มี ครับ” เพราะตอบกันได้ง่ายแบบจำติดปาก โดยไม่ต้องฉุกคิดเลยแต่การปรับปรุงงานให้ดีขึ้น และการทำงานให้ได้คุณภาพจะเป็นเรื่องที่ยากกว่าเป็นเรื่องที่ต้อง “ คิด ” ต้องใช้สมอง ต้องใช้วิจารณญาณพอสมควร จึงสวนทางกับการทำงานตามสั่ง หรือทำตามที่เคยทำ เราทำได้ง่ายกว่า และไม่ต้องเปลืองสมองคิดหากผิดพลาดก็ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย
“คุณภาพ” จึงพูดกันได้ง่าย อ้างกันได้ง่ายจนติดปาก แต่ทำให้ได้ดั่งใจนั้นยากจริงๆ
“คุณภาพ” จึงเป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่เราจะต้องปลูกฝัง และบ่มเพาะให้เกิดขึ้นด้วยระยะเวลาพอสมควร เราจึงต้องรู้จักยืนหยัดอดทน และรอคอยผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้นการสร้าง “วัฒนธรรมแห่งคุณภาพ” (Quality Culture) ให้เกิดขึ้นในองค์กรใดๆ ผู้บริหารขององค์กรนั้นจะต้องกำหนดหรือสร้าง “ค่านิยม” (Shared Value) ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงาน และกำหนดกลยุทธ์เป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุถึงค่านิยมร่วมเหล่านั้นให้ได้ ดังต่อไปนี้
ค่านิยมร่วมที่ 1 คือ ลูกค้าสำคัญที่สุด
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ทำประกาศผลที่ได้จากการทำวิจัยตลาด (Marketing Survey) หรือ การสำรวจ
ความต้องการของลูกค้า (External Customer) ให้พนักงานทุกคนได้ทราบว่า
“ลูกค้าต้องการ อะไร” จะได้ยึดถือปฏิบัติให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้อง ทำการยกย่องชมเชย และให้รางวัลแก่พนักงานอย่างที่ทำงานอย่างมีคุณภาพหรือให้บริการลูกค้ายอดเยี่ยม
ค่านิยมร่วมที่ 2 คือ ความพอใจของลุกค้าคือตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่ กำหนดให้ “การสร้างความพอใจให้แก่ลูกค้า” เป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน รวมทั้งผู้บริหารทุกระดับด้วยสื่อสาร และอธิบายวิธีการวัดผลงานอย่างชัดเจนและทั่วถึง
ค่านิยมร่วมที่ 3 คือ ลูกค้าภายในสำคัญเสมอ
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ขยายจิตสำนึกที่ว่าพนักงานแต่ละคนเป็นทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายในตัวเอง ทุกคนจึงเป็นลูกค้าภายใน (Internal Customer) อย่างต่อเนื่องกันไป เมื่อรับงานจากพนักงานคนก่อนหน้า มาทำงานต่อ จะต้องทำตัวเหมือน ผู้ซื้อ คืองานที่ไม่ดี หรือไม่มีคุณภาพจะต้องส่งคืนโดยไม่รับมาทำต่อกระตุ้นให้เกิดการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องในกระบวนการผลิต
ค่านิยมร่วมที่ 4 คือ การทำงานเป็นทีม
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
สร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือกันทำงาน เป็นหมู่คณะให้มากขึ้นแทนคนเก่งแบบฉายเดี่ยวตั้งและขยายทีมงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพทั่วทั้งองค์กร ให้รางวัลแก่สมาชิกทั้งทีมงานเป็นหลัก
ค่านิยมร่วมที่ 5 คือ การมุ่งพัฒนาและปรับปรุงในระยะยาว
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ยกเลิกการแก้ปัญหาระยะสั้นประเภทที่ไม่มีข้อมูลตัวเลขสนับสนุนมุ่งเน้นผลงานในระยะยาวฝึกอบรมทีมงานตามหลักการแก้ปัญหาพื้นฐานที่แท้จริง
ค่านิยมร่วมที่ 6 คือ การให้ความสำคัญกับข้อมูลตัวเลขและความเป็นจริง
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจด้วยตัวเลขหรือข้อมูลความจริงเท่านั้นแทนการตัดสินใจ ด้วยความรู้สึกหรือการคาดเดาคิดเอง ส่งเสริมทีมงานให้เก็บรวบรวมข้อมูลตัวเลขที่จำเป็นและจัดเตรียมความเห็นสนับสนุนเพื่อการแก้ปัญหาฝึกอบรมทีมงานตามหลักการแก้ปัญหาพื้นฐานที่แท้จริงโดยอ้างอิงข้อมูล
ค่านิยมร่วมที่ 7 คือ การมุ่งที่การแก้ปัญหา
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
มุ่งที่การหาคำตอบ หรือวิธีการแก้ปัญหาให้ได้อย่าไปสนใจที่จะหาข้อผิดพลาด หรือมุ่งแต่หาคนผิดกระตุ้นและให้กำลังใจแก่ผู้ให้ข้อมูล ยกย่องชมเชยผู้ค้นพบปัญหาและสามารถดำเนินการแก้ไขได้
ค่านิยมร่วมที่ 8 คือ การมีส่วนร่วมทั่วทั้งองค์กร
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ให้ความสำคัญและสร้างบรรยากาศให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงคุณภาพ
อย่างต่อเนื่องโดยใช้วิธีการบริหารคุณภาพระบบ TQM (Total Quality Management
: การบริหารคุณภาพที่ทุกคนมีส่วนร่วมหรือการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ)
ต้องให้ผู้บริหารทุกระดับร่วมมืออย่างจริงจังด้วยติดตามดูแลให้พนักงานมีส่วนร่วมในระบบ TQM
ค่านิยมร่วมที่ 9 คือ การบริหารคุณภาพแบบองค์รวมด้วยระบบ TQM
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
เน้นการบริหารงานคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จทั่วทั้งองค์กรไม่บริหารแบบแยกเป็นส่วนๆ
หรือแบ่งแยกตามหน้าที่งานจัดตั้งหน่วยงาน หรือทีมงานที่บริหารด้วยการประสานงานแบบองค์กรแนวราบ (Flatten Organization) ข้ามหน้าที่งาน (Cross-Functional Team) ฝึกอบรมให้มีความรู้ และความเข้าใจเรื่อง TQM อย่างทั่วถึง
เน้นการทำถูกตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อลดความสูญเสีย กำหนดเป้าหมาย และแผนงานระยะยาวตามหลักการบริหารในระบบ TQM
ค่านิยมร่วมที่ 10 คือ การมุ่งเน้นที่กระบวนการและการให้ความสำคัญ
กับผู้ปฏิบัติงาน
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ให้ความสำคัญกับการทำงาน (การผลิตสินค้าหรือบริการ) อย่างเป็นกระบวน
การต่อเนื่องกันตามหลักการบริหารคุณภาพระบบ TQM คัดเลือกบุคลากรที่มีจิตสำนึกเรื่องคุณภาพ และมีทัศนคติที่ดีในการร่วมทีมงาน TQM ให้รางวัล และยกย่องชมเชยผู้ที่มีคุณภาพหรือปฏิบัติงานยอดเยี่ยม
ค่านิยมร่วมที่ 11 คือ การยึดมั่นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
แนวทางปฏิบัติ ได้แก่
ผู้บริหารระดับสูง และทุกระดับต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและจริงใจ จัดเตรียมทรัพยากรต่างๆ อย่างพร้อมมูล มีความยึดมั่นผูกพันในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เข้าร่วมสมาคมคุณภาพต่างๆ และมีกิจกรรมร่วมอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้น ค่านิยมร่วมเบื้องต้นทั้ง 11 ข้อ ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นพื้นฐานของการสร้าง “วัฒนธรรมแห่งคุณภาพ”
ผู้บริหารที่ต้องการให้
“ความมีคุณภาพ” เกิดขึ้นในองค์กรจะต้องสร้างให้ได้
ที่มา : วิฑูรย์ สิมะโชคดี. คุณภาพคือความอยู่รอด. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี
(ไทย-ญี่ปุ่น)กรุงเทพฯ: ดวง กมลสมัย จำกัด, 2541.
ไม่มีความเห็น