ก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของฉัน


ก้าวแรกที่ผิดพลาดก็จะไม่เป็นประสบการณ์หากคุณก้าวพลาดแล้วหยุด ก้าวแรกที่สวยงามจะไม่เกดผลถ้าคุณไม่ก้าวเดินต่อ

               คนทุกคนย่อมต้องมีก้าวแรกเกิดขึ้นเสมอๆ เพียงแต่ว่าแต่ก้าวแรกของทุกคนนั้นจะเป็นเรื่องใด และถึงแม้ว่าจะเป็นก้าวแรกในเรื่องเดียวกันแต่ผลของมันกลับแตกต่างกันขึ้นอยู่ที่ว่า ก้าวแรกของบุคคลผู้นั้นมีความพร้อมเพียงใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีก้าวแรกก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดผลของก้าวสุดท้ายเสมอไป

                ในอดีตทุกท่านอาจจะคิดว่า แล้วก้าวแรกของเราคืออะไรละ ก้าวแรกของเราคือการที่เราเริ่มตั้งไข่หัดเดินหรือไม่, ก้าวแรกของเราคือการเข้าเรียนในโรงเรียนประถมหรือไม่, ก้าวแรกของเราคือการก้าวพ้นมหาวิทยาลัยเพื่อทำงานเลี้ยงตัวเองหรือไม่ หรือว่าก้าวแรกของเราคือการแต่งงานสร้างครอบครัวหรือไม่ ทุกๆคำถามเหล่านี้ไม่มีใครสามารถตอบอย่างชัดเจนลงไปได้เลยว่าเหตุการณ์ไหนคือก้าวแรก นอกจากตัวผู้กระทำเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผู้ตอบ

                แล้วก้าวแรกมันสำคัญกับเราแค่ไหน เราก็ไม่สามารถตอบได้ คนบางคนก้าวแรกอาจจะผิดพลาด คนบางคนก้าวแรกอาจจะธรรมดา คนบางคนก้าวแรกอาจจะสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่ทุกการเริ่มต้นของการก้าวเดินดังกล่าวเหล่านี้ มันจะไม่มีประโยชน์อันใดเลยถ้าหากเราไม่มีปลายทางที่ต้องการจะเดินไป ก้าวแรกที่ผิดพลาดก็จะไม่เป็นประสบการณ์หากคุณก้าวพลาดแล้วหยุด ก้าวแรกที่สวยงามจะไม่เกิดผลถ้าคุณไม่ก้าวเดินต่อ

                ดังนั้นก้าวแรกมีความสำคัญเพราะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง แต่ก้าวแรกก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าก้าวสุดท้ายที่นำเราไปสู่จุดหมาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราไม่ควรกังวลกับก้าวแรกของเราหรือยึดติดกับมันมากจนเกินไป เราควรสนใจด้วยว่าเราจะก้าวต่อไปอย่างไรเพื่อให้ถึงจุดหมาย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วการก้าวเดินของคุณอาจจะไม่มีค่าเลย ไม่ว่าการก้าวเดินนั้นจะเป็นการก้าวแบบไหน ถ้าคุณยังก้าวเดินเรื่อยเปื่อย และไม่มีจุดมุ่งหมาย อะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้วก็จงเก็บไว้ และพยายามต่อไปเพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมาย

               ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ฉันเรียนอยู่ในระดับชั้นม.ปลาย  ฉันเลือกเรียนในสาขาวิชาที่ฉันถนัดและชอบ นั่นคือ สายศิลป์-ภาษา (ฝรั่งเศส)  ส่วนใหญ่สายนี้จะเน้นด้านการเรียนภาษาต่างประเทศ  ฉันชอบเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กเพราะฉันคิดว่าเป็นภาษาที่น่าสนใจ เรียนแล้วสนุกเพราะได้เรียนในสาขาที่เราชอบและทางบ้านของฉันก็สนับสนุนด้วยเพราะช่วงนั้นพี่สาวฉันมาเรียนที่เชียงใหม่และทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกับแฟน

                ช่วงที่ฉันใกล้จบม.6 ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องสอบเอ็นทรานซ์เท่าไหร่ ฉันคิดแค่ว่าอยากเรียนในสถาบันที่ไม่ไกลจากบ้านมาก(บ้านฉันอยู่พะเยา) เพราะฉันไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลๆ  ฉันได้โควตาเข้าเรียนที่สถาบันแห่งหนึ่งในเชียงรายแต่เป็นสาขาที่ฉันไม่ค่อยถนัด ฉันคิดว่าเรียนไปก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง และฉันก็ไม่ได้ลงสอบในสาขาอื่น

                ก้าวแรกที่ฉันเข้ามาเรียนในสถาบันแห่งนี้ก็มีการรับน้องตามประเพณี  ช่วงแรกที่ฉันมาเรียนที่นี่ฉันรู้สึกเหงามาก ถึงแม้จะมีเพื่อนๆฉันคิดถึงบ้านคิดถึงแม่ช่วงที่ฉันมาเรียนที่นี่เป็นช่วงที่พ่อของฉันย้ายกลับมาอยู่บ้าน  แม่ให้ฉันอยู่หอพักหญิงใกล้ๆกับสถาบัน ช่วงแรกที่ฉันเรียนรู้สึกไม่สนุกเลยอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ถนัดด้านนี้ ฉันกับเพื่อนอีกคนเลยจะเปลี่ยนสาขาที่เรียน แต่ไม่สามารถทำได้ ฉันเลยคิดว่าฉันลาออกดีกว่าแล้วปีหน้าค่อยสอบเข้าเรียนในสาขาที่เราถนัด  ฉันโทรไปคุยกับพ่อและแม่ ท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านตามใจฉัน ฉันจึงตัดสินใจออกจากสถาบันแห่งนี้ (ไม่มีการลาออกอย่างเป็นทางการ) 

                ปีต่อมาฉันมาสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ในสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ  ฉันรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจ มีความสุขกับการเรียนเพราะได้ทำในสิ่งที่เราชอบ แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมาย ตามประสาวัยรุ่นก็มีเที่ยวบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำตัวเกเร ฉันเรียนที่สถาบันนี้จนจบและช่วยงานพี่สาวที่บริษัท  จริงๆแล้วฉันฝันอยากเป็นครูและทางบ้านก็สนับสนุน พ่อกับแม่บอกว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมั่นคง

              และในปีนี้ฉันเลยตัดสินใจเรียน ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ก่อนหน้านี้คิดจะเรียนหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้เรียน และเมื่อก้าวเข้ามาสู่จุดนี้ฉันก็จะตั้งใจเรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้

               

หมายเลขบันทึก: 350925เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2010 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท