การเดินทางตะลอนไปตามทางลูกรังสลับกับทางลาดยาง เพื่อแสวงหาความรู้การปลูกผักหวานของนายเสวก คุ้มเขต บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 ต.สะพานหิน อ.หนองมะโมง จังหวัดชัยนาท ตามคำเชิญชวนของน้องเทวี ดีอ่วม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 5 นักวิชาการสาวคนเก่งตะลุยงานส่งเสริมผจญกับสภาวะแห้งแล้ง และน้ำป่าไหลบ่าท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายสลับกันไปตามสภาวะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นยากแก่การควบคุม
เมื่อเดินทางไปถึงก็รับคำทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของพี่เสวก และพบว่ามีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนบ้านน้ำพุเข้ามาศึกษาดูงานทำการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงประมาณ 25 คน และได้รับความรู้เกี่ยวกับผักหวานป่าว่า เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ต้นที่โตเต็มที่อาจสูงถึง 13 เมตรแต่มักพบขนาดเล็กหรือเป็นไม้พุ่ม เนื่องจากถูกหักกิ่ง หรือเด็ดยอดอ่อนเพื่อนำไปบริโภคจะกระตุ้นให้เกิดกิ่งและยอดอ่อน ใบของผักหวานป่าเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ใบอ่อนรูปร่างแคบรี ปลายใบแหลม สีเขียวอมเหลือง ใบแก่เต็มที่รูปร่างรีกว้างถึงรูปไข่หรือรูปไข่กลับ ใบสีเขียวเข้ม เนื้อใบกรอบ ขอบใบเรียบ ปลายใบมน ก้านใบสั้น ช่อดอกแตกกิ่งก้านคล้ายช่อดอกมะม่วง และเกิดตามกิ่งแก่ หรือตามลำดับต้นที่ใบร่วงแล้ว ดอกมีขนาดเล็กเป็นตุ่มสีเขียวเป็นกระจุกขณะที่ยังอ่อน ผลเป็นผลเดี่ยวติดกันเป็นพวง เหมือนช่อลางสาด ผลอ่อนสีเขียวมีนวลเคลือบและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองถึงเหลืองอมส้ม เมื่อผลสุกแต่ละผลมีเมล็ดเดียว
นายเสวก กล่าวว่า หลังจากทำการเกษตรไร่นาสวนผสมในพื้นที่ 12 ไร่ได้แก่ ฝรั่ง ละมุด ชมพู่ ส้มโอ และลำไย เมื่อพบผักหวานจึงเกิดความสนใจ และได้ปลูกผักหวานแซม ผักหวานป่าถ้าปลูกด้วยการเพาะเมล็ดจะใช้เวลานานอย่างน้อย 3 ปีจะสามารถเก็บผลผลิตได้ ดังนั้นจึงคิดหาวิธีตอนจากต้นแม่ 2 ต้นจากป่า ในระยะแรกพบปัญหารากไม่ออก กิ่งตายจำนวนมาก จึงคิดค้นหาวิธีจนประสบผลสำเร็จรากออกดี และสามารถนำไปปลูกได้ประสบผลสำเร็จ โดยมีขั้นตอนเหมือนกับการตอนไม้อื่นๆ แต่มีส่วนแตกต่างบ้างดังนี้
เลือกกิ่งที่มีความเหมาะสม ไม่แก่เกินไปควั่นกิ่งแผลห่างกันประมาณ 1 ข้อนิ้ว ลอกเปลือกออกขูดเยื่อบางส่วนออกด้วยสันมีดห้ามขูดออกจนหมด เพราะจะส่งผลให้รากออกไม่ดีหรือไม่ออกรากเลย ใช้ดินเหนียวจากดินปลวก เพราะเป็นดินที่ผักหวานชอบมากเจริญเติบโตดีกว่าดินทั่วไป เมื่อหุ้มเสร็จแล้วจึงใช้ขุยมะพร้าวที่ผ่าออกมาจากมะพร้าวทำใช้เองเพราะจะโปร่งดีกว่าที่นำมาจากท้องตลาด รดน้ำพอหมาด หุ้มดินปลวกอีกครั้งก่อนที่จะหุ้มด้วยถุงพลาสติก และรัดด้วยเชือกฟาง ปล่อยทิ้งไว้ 30 วัน จะเริ่มเห็นรากออก ทิ้งไว้ 50-60 วันจะเห็นรากมากพอที่จะตัดนำไปชำในถุงที่ใช้ดินปลวกผสมดินลูกรังอัตราส่วน 50 : 50 วางไว้ในที่ร่มรำไรรดน้ำ 2-3 วัน/ครั้ง ทิ้งไว้ 15- 30 วันนำไปปลูกได้ต่อไป
การเตรียมหลุมปลูกในช่วงฤดูแล้งขุดหลุมปลูกระยะห่าง 3X3 เมตร ขนาด 50 X 50 เซนติเมตร ทิ้งไว้ 1-2 เดือน ตากฆ่าเชื้อรา ใช้แกลบดิบผสมกับปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ที่ย่อยสลายแล้วผสมให้เข้ากัน นำลงหลุมทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ก่อนปลูก การปลูกจะปลูกใกล้ร่มไม้ มีโอกาสรอดตาย 100% เมื่อนำไปปลูกมีอายุ 2 ปี จะสามารถเก็บยอดได้
ข้อควรคำนึงถึงคือ ขุยมะพร้าวไม่ควรใช้ขุยมะพร้าวจากท้องตลาดเพราะเปียกน้ำตลอดจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ส่งผลให้รากไม่งอกหรือกิ่งตาย เมื่อปลูกแล้วควรหมั่นเด็ดยอดทิ้ง เพื่อให้แตกยอดใหม่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่เด็ดทิ้งจะไม่ยอมเจริญเติบโต จากการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ราคากิโลกรัมละ 150 บาท ต้นใหญ่ๆ ได้ถึงต้นละ 2,000 บาท โดยหมุนเวียนเก็บจำหน่าย สำหรับกิ่งพันธุ์จำหน่ายกิ่งละ 100 บาท
นายบำรุง ศรีทองใส เกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวเสริมถึงคุณค่าของพืชผักพื้นเมืองว่า การนำพืชผักพื้นบ้านมาปลูกเพื่อการค้า เหมาะสมที่จะส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่เพียงผักหว่านป่าเท่านั้น แต่ควรมองถึงพืชผักชนิดอื่นเพราะมีความเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น โดยปลูกผสมผสาน เพื่อลดความเสี่ยงแก่ความเสียหายจาก โรค-แมลง และราคา ซึ่งจะสามารถชดเชยคำจุนแก่กันได้อย่างลงตัวเกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือน เช่นผักหวานป่าจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแหล่งโปรตีน และวิตามินซี นอกจากนี้ยังมีปริมาณเยื่อใยพอสมควร ช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น ในยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100 กรัม ประกอบด้วยโปรตีน 8.2 กรัม คาร์โบไฮเดท 10 กรัม เยื่อใย 3.4 กรัม เถ้า 1.8 กรัม แคโรทีน 1.6 มก. วิตามินซี 115 มก. ส่วนที่เหลือคือน้ำ
ชอบทานผักหวานมากค่ะ แต่ทางใต้ไม่ค่อยมีให้ทานเหมือนทางภาคอื่นๆ
ผมสนใจผักหวานป่ามาก ได้ข่าวว่าปลูกยากมาก