ห่างหายไปจาก G2K ไม่ได้เข้ามาพูดคุยทักทายมิตรสหายเสียนาน ตั้งแต่ย้ายมาทำงานด้านพัฒนาผู้นำ งานช่างจุกจิกมากมาย และต้องใช้พลังชีวิตในการทำ รวมทั้งทักษะรอบด้าน
แม้ว่างานจะหนักหนาสาหัส แต่อย่างหนึ่งที่ต้องมีมุมอื่นให้ชีวิต ก็คือทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
ที่ผ่านมา เคยเล่าว่าไปฝึกชี่กง ก็หมกมุ่นฝึกจริงจังอยู่หลายเดือน จนน้ำหนักลดไปได้หน่อย ตั้งแต่ พ.ย. ธ.ค.ปีที่แล้ว ได้รู้จักกับ ปรมาจารย์หลายท่านด้าน ฝึกสมาธิ ไม่น่าเชื่อในเวลาไล่เลี่ยกัน ได้ฝึก วิชาเสี่ยวโจวเทียน ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิแนวเต๋า มีขั้นตอนหลายขั้นตอน ฝึกจนคิดว่าตัวเองรับรู้พลังชี่ที่เคลื่อนไหวหมุนวนอยู่ในตัวได้ พักหนึ่ง ทุกวันอังคารเย็นต้องไปฝึกเป็นกลุ่ม ที่น่าแปลกคือ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนเปิดรุ่นใหม่ มีโอกาสพบนักเรียนใหม่ ที่เป็นคนคุ้นเคยในแวดวง Mind Map อย่างท่านอาจารย์ธัญญา อาจารย์ขวัญฤดี ผลอนันต์ รวมทั้งคุณหมอคิม ที่เคยเจอในวง Dialogue ของขวัญแผ่นดิน ทำให้คิดว่า ยุคสมัยนี้คนหันมาสนใจศาสตร์ที่เชื่อมโยง ฐานกาย ฐานใจ ฐานคิด มากขึ้น จากเมื่อก่อนเราอาจจะไม่เห็นความเชื่อมโยงใน 3 เรื่องอย่างชัดเจนนัก
ส่วนอีกวิชาที่ได้สัมผัส เป็นแนวตะวันตก ชื่อว่า Kryon อันนี้ก็สนุกมากตอนฝึก เพราะเล่นกับจินตนาการและจิตใต้สำนึกของเรา ตอนเรียนสองเรื่องนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังคิดว่า สงสัยข้าพเจ้านี่จะบ้าไปแล้ว
ในที่สุดก็ตกผลึกตัวเองได้ว่า ไม่ว่าจะศาสตร์ไหน ใช้กระบวนการอย่างไร เป้าหมายก็คล้ายกันคือ ทำให้เราจิตสงบอยู่กับตัวเอง แต่สำหรับ Kryon ยังเน้นให้คนส่งกระแสหรือแสงออร่าของความรัก ความเมตตาให้กับผู้อื่น ละทิ้งความโกรธ ความไม่ชอบที่สะสมในจิตใจ รู้สึกว่าอันนี้แหละที่ถูกจริต
ไม่ว่าเราจะเรียนอะไรมามากมาย สำคัญที่เราเชื่อมโยง ผสมผสาน ข้อมูลประสบการณ์ที่ได้จนเกิดปัญญาแก่ตัวเองหรือไม่ คำว่าปัญญา หมายถึง คิดได้เอง AHA เอง สงบได้เอง รู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก
คำสอนที่ประทับใจจาก อาจารย์ ที่ทำให้ฝ่าฟันวิกฤตชีวิต
หลังจากฝึกสมาธิบ่อยๆ ก็เลยคิดว่า
วันนี้พอก่อน ตั้งใจจะไปอ่านหนังสือซะหน่อย อาทิตย์หน้าต้องไปสอบเป็น internal observer เรียนไปเป็นเดือนชักจะลืมๆ ๆ ไปแล้ว ว่าเรียนอะไรไปบ้าง
สวัสดีค่ะ คุณ