เวลาน้อยแต่ทำอะไรมากขึ้น


ตั้งแต่พ่อจากไป...กว่าสิบสี่ปี

ชีวิตที่เรียนรู้จากการจากไปของพ่อ ข้าพเจ้านำมาปฏิบัติต่อแม่ คือ การดูแลท่านด้วยความตั้งใจอย่างที่เวลามีเหลืออยู่ ตามลมหายใจ ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งหน้าที่ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ดำเนินไปตามการมีปฏิสัมพันธ์ภายใต้กฏธรรมชาติที่ให้มนุษย์เกิดมาเรียนรู้การเป็น "สัตว์สังคม"...

ตลอดเวลา ความลุ่มลึก ลึกซึ้งต่อการปฏิบัติต่อแม่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ... โดยเฉพาะการปฏิบัติที่ภายในจิตใจของเรา...และรวมถึงการใช้กุศโลบายต่างๆ นำพาแม่ก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความร่มเย็น...เรียนรู้ ล้มลุก ปรับเปลี่ยนกระบวนการท่าของการทำหน้าที่แห่งความเป็นลูกมาอย่างมากมาย... และอย่างหนึ่งที่เหนียวแน่นมาตลอด ก็คือ...การไม่ละทิ้งท่านออกไปจาก "ใจ" ความละทิ้งที่มักนำเราห่างออกไปจากท่าน คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลงผิดต่างๆมากมาย...

แม่...นั้นคือ บุคคลที่ข้าพเจ้าเทิดทูน...เหนือลมหายใจเสมอมา เพราะแม่ให้กำเนิดข้าพเจ้ามาเพื่อได้รับโอกาสของการมาเรียนรู้เรื่องการขัดเกลาจิตใจ ...การเรียนรู้นั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกอณูของลมหายใจ ทำให้การดำรงอยู่แห่งการมีชีวิตของข้าพเจ้านั้นมีความหมายลึกซึ้งมากขึ้น...

ทุกวันนี้...กิจกรรมในครอบครัวเรามีมากขึ้น...

การปรับปรุงบ้านหลังเก่า แต่ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด เป็นงานใหญ่ที่เราในครอบครัวต่างร่วมกันเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้... ขณะเดียวกันทุกคนก็ยังคงต้องรักษาหน้าที่ต่อการงานและสังคมที่เราต้องเผชิญอยู่...

บางครั้งกายนี้นั้นเหนื่อย...ความเหนื่อยมักตามมาด้วยอารมณ์ด้านลบ...แต่หากเรารู้เท่า รู้ทัน เราจะสามารถเผชิญหน้าต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้นคุกคามเราได้ ทำให้เราไม่ต้องไปสาดอารมณ์ใส่ต่อบุคคลอันเป็นที่รักของเรา

ช่วงนี้เอง...ข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนวิถีใหม่เช่นกัน

จากเวลาเดิมที่ตอนเย็นๆ จะต้องพาแม่ไปออกกำลังกาย ก็เปลี่ยนมาเป็นตอนเช้า จากที่ปกติตื่นเช้าอยู่แล้ว และมีการงานต้องทำอย่างมากมาย ก็ปรับเสียสละเวลาสำหรับดูแลแม่มากขึ้น เวลาความเป็นตัวเราก็น้อยลง แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ คือ แม่ก็ยังมีกิจกรรมการออกกำลังกายที่ทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น บางวันเหนื่อยแสนเหนื่อยนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องตื่นพาแม่ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน และไปส่งแม่ที่ตลาด ...ซึ่งสองกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่แม่ชื่นชอบมาก คือ การได้เดิน ออกกำลังกาย และได้ไปเดินตลาดยามเช้า จากนั้นก็ไปดูแลการซ่อมแซมบ้านหลังเก่า...

เพียงเท่านี้...แม่ก็มีความสุข

แม้เป็นเพียงความสุขเล็กๆ แต่หากเราได้ลงมือทำเพื่อท่าน ก็ถือว่ายิ่งใหญ่แล้ว

แต่...สุขใดก็ไม่เท่า สุขที่เราได้ขัดเกลาจิตใจเราให้ "ร่มเย็น"... การเพียรตนฝึกฝนให้มีใจร่มเย็นนี้แหละคือ...ความปรารถนาของการเกิดเป็นมนุษย์ และบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเราท่านนี้ย่อมได้รับอานุภาพนี้ด้วย

เพราะ...ใจที่ร่มเย็น ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่น สบายใจ => แม่อยู่กับเราแม่...ก็สัมผัสสภาวะนั้นได้เช่นกัน...

การเปลี่ยนเวลาออกกำลังกายของแม่ ทำให้แม่ได้เจอคนวัยเดียวกันหลายคนเหมือนกัน เพราะคนสูงวัยมักตื่นแต่เช้ามืดและไปออกกำลังกายกัน อากาศยามเช้าก็ดี...สดชื่น ข้าพเจ้ามองว่า ธรรมชาติได้หยิบยื่นความเบิกบานให้เราได้มากขึ้น

เย็นๆ...ข้าพเจ้าก็มาปั่นจักยานแทน แม้ว่าจะไม่ชอบปั่นตอนเย็น เพราะรถเยอะ ฝุ่นเยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่ปั่น...

Sati_resize 
นี่เป็นอีกเรื่องเล็กๆ ที่ข้าพเจ้าใช้นำพาในการฝึกฝนจิต..

๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓

 

หมายเลขบันทึก: 346900เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2010 21:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มีพระท่านหนึ่งบอกว่า ท่านพาญาติธรรมไปนอนสมาธิดูดาว ดูแสงจันทร์ ท่านบอกว่าคนเราไกลธรรมชาติมากขึ้น

การได้สัมผัสธรรมชาติจึงเป็นความสุข คุณพาคุณแม่ออกกำลังกายเป็นต้นทุนที่ทุกคนมีเท่ากันแต่ใครจะตักตวงได้มากกว่ากัน

ผมเองก็เริ่มให้ความสำคัญกับการวิ่ง เพราะน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก

เข้ามาชื่นชมและสัมผัสความเบาสบายค่ะ คิดถึงพี่ปุ๋มนะคะ อ่านบันทึกนี้แล้วก็ระลึกถึงคุณแม่พี่ปุ๋ม ท่านคงมีความสุขมาก

ขอบพระคุณค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท