เมื่อสังเกตกลอนไดอารี่ในช่วงท้ายพบว่า พระองค์ทรงสังเกตและระบุถ้อยคำที่ไม่ควรพูด ซึ่งคำเหล่านั้นเจ้านายและขุนนางส่วนใหญ่นิยมใช้ โดยทรงแสดงความคิดเห็นเชิงลบกับคำเหล่านั้น ดังกลอน
ทุกวันนี้เจ้านายแลขุนนาง ท่านพูดกันต่างต่างหลายประสา
ไม่เข้าอกเข้าใจไปไหนมา ที่เจรจาสังเกดไว้ได้หลายคำ
อัน “โคมลอย” นั้นว่าเหลวเปนแน่หละ ยังคำ “ป๊ะ” อีกก็เหนเปนความขำ
ทีจะคล้ายกับบ่อพ่อนึกคลำ ยัง “สับพี” มีซ้ำแปลกออกมา
ออกชื่อ “นุ่ง” ละส่ดุ้งได้ทุกครั้ง มันจะยังไรอยู่ไม่รู้ท่า
ยัง “กู๋กู” คู่กันหวั่นวินยา ดูน่าตานั้นจะไปข้างไม่ดี
รัชสมัยของพระองค์มีการติดต่อกับชาวตะวันตกมากขึ้น ทำให้เราต้องยืมภาษาของเขามาใช้ด้วยการเลียนเสียงแล้วแปลงเป็นคำไทย และในสมัยนั้นยังไม่มีการบัญญัติศัพท์จากภาษาอังกฤษเป็นคำไทยที่ชัดเจน ทำให้พระองค์ใช้คำภาษาอังกฤษในกลอนเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ใดที่รู้ภาษาอังกฤษก็สามารถที่จะแปลคำเหล่านี้ได้ มีดังนี้
- ท่านทั้งเปนกอมมิตตี้มีที่ทาง ได้ว่าข้างกรมเมืองสืบเนื่องมา
- อับพี่เซ่ออีกสิบสี่มีนิยม มาเที่ยวชมกรุงสยามตามเจ้านาย
- กรมหมื่นวรจักรพระองจอน คอยรับกอนกู๊ดบ๋าย ชวนผายผัน
- กับปิตันอับพีเซ่อในนาวา มาเฝ้าที่พลับพลาคอยรับทาน
- เจ้าพระยาพลเทบเรือท่านล่า ต้องคอยกว่ายี่สิบมินูดได้
ไม่มีความเห็น