ศรัทธา เชื่อมั่น คือ.....แรงบันดาลใจ(2)
เมื่อคุณครูไปถึงบ้านก็พบชีวิตเด็กผู้หญิงตัวน้อยนอนอยู่บนฟากไม้ไผ่ หน้าเตาปรุงอาหารและเครื่องครัว โดยไม่มีผ้าปู หรือหมอน หรืออุปกรณ์ใด ๆ เมื่อสอบถามผู้ปกครอง ก็ได้คำตอบว่า เด็กผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นลูกฝาแฝด ผู้หญิงทั้งคู่ ชื่อ แฝดพี่ชื่อพี่กุ๊ก แฝดน้องชื่อน้องกิ๊ก แฝดพี่เรียน ป.4 โรงเรียนใกล้ ๆ บ้าน สภาพร่างกายปกติ ส่วนแฝดน้อง คือน้องกิ๊ก มีสภาพร่างกาย คือ ตาบอดทั้ง 2 ข้าง นั่งไม่ได้ ยืนไม่ได้ เดินไม่ได้ พฤติกรรมชอบขว้างปาสิ่งของ การขับถ่ายช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พูดได้เป็นบางคำ มักพูดตามผู้ใหญ่มากกว่าพูดด้วยตนเอง ชอบฟังเพลง
สาเหตุที่ทำให้น้องกิ๊กมีสภาพอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากเหตุผลหลายประการ คือขณะคลอด น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ เข้าตู้อบนาน หลังจากนั้น ขาดการกระตุ้นพัฒนาการ ผู้ปกครองขาดองค์ความรู้ในช่วยเหลือลูกอย่างถูกวิธี สังคมขาดการยอมรับ ฐานะครอบครัวยากจนมาก พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แม่เป็นแม่บ้าน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ครอบครัวน้องกิ๊ก มีความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบากมาก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เพราะหลังจากนั้นแม่น้องกิ๊กมีน้องกีต้าเป็นผู้หญิงเพิ่มอีกคน ขณะนี้ อายุ 2 เดือนเศษ
สภาพของครอบครัวเป็นความจริง เหมือนคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ตรงกันหมดทุกอย่างยกเว้นแต่ตัวน้องกิ๊กเอง พิการรุนแรงดังคำบอกเล่า ซึ่งคุณครูกลับมองเห็นว่า น้องกิ๊กน่าจะฟื้นฟูได้ในระดับหนึ่ง แต่จะได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เพราะน้องกิ๊กมี สีหน้า ท่าทาง มีอาการตอบรับ และโต้ตอบได้ในบางกิริยา ลักษณะของร่างกาย น้องกิ๊กจะพลิกตัว กลับ ไป-มา ได้ มือ แขน ขา สามารถเคลื่อนไหวได้ คุณครูคิดว่าหากน้องกิ๊กหากได้รับการกระตุ้นหรือฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องน้องกิ๊กอาจจะพัฒนาได้ เช่น การนั่งทรงตัวโดยมีเครื่องช่วย การเกาะยืน การเกาะเดิน การเดินโดยใช้ราวไม้ได้ อย่างน้อยก็ลดภาระในการอุ้ม หรือเคลื่อนย้ายตัวน้องกิ๊ก เพื่อทำกิจวัตรประจำวันของครอบครัวได้บ้าง
คุณครูจึงได้ให้คำแนะนำ ในเรื่องการดูแลลูกอย่างถูกวิธี การทำกายภาพบำบัดอย่างง่าย และการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบ จับ อาหารรับประทาน การฝึกพูดตามฝึกให้รู้จักอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และที่สำคัญได้ทดลองฝึกให้น้องกิ๊กนั่งพิงในตักผู้ปกครองปรากฏว่าน้องกิ๊กนั่งได้นานครั้งละ 5-10 นาที
คุณครูจึงแนะนำให้ทำเครื่องช่วย(เก้าอี้)ฝึกนั่ง เพื่อฝึกให้น้องกิ๊กนั่งทรงตัวโดยใช้เครื่องช่วย (เก้าอี้)และ ใช้ผ้าคาดเอว ผูกแขนทั้ง 2 ข้าง และกั้นด้านหน้า เพื่อป้องกันการพลัดตกจากเก้าอี้ ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เป็นเศษวัสดุที่เหลือใช้ มาประยุกต์โดยได้นำแนวคิดมาจากรถเข็นสำหรับคนพิการ ออกแบบง่าย ๆ มาทดลองใช้ในการฝึก การนั่ง และมีการปรับปรุงแก้ไขบกพร่องอย่างเนื่องจนสามารถใช้งานเป็นอย่างดี มีความเหมาะสมกับสภาพของเด็ก
อุปกรณ์ฝึก(เครื่องช่วย)
เก้าอี้ฝึกนั่ง เป็นนวัตกรรมที่ทำด้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เป็นเศษวัสดุที่เหลือใช้ มาประยุกต์โดยได้นำแนวคิดมาจากรถเข็นสำหรับคนพิการ ที่ประกอบขึ้นอย่างง่าย ๆ มีพนักพิง และที่วางพักแขนทั้ง 2 ข้าง มีที่นั่งอยู่ในระดับพอเหมาะกับความสูงของช่วงเข่า เพื่อให้วางเท้าได้อย่างเหมาะสม
ผลการฝึก เด็กสามารถนั่งทรงตัวบนเก้าอี้ฝึกนั่งด้วยตนเอง และสามารถใช้มือและเท้าดันตัวไปด้านหลังให้นั่งทรงตัวได้เมื่อรู้สึกว่าจะพลัดตกจากเก้าอี้ได้ และสามารถนั่งทรงตัวบนพื้นราบด้วยตนเอง ใช้มือทั้ง 2 ข้าง ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นบางครั้ง
กระดานฝึกยืน เป็นนวัตกรรมที่ทำด้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เป็นเศษวัสดุที่เหลือใช้มาประยุกต์ โดยได้นำแนวคิดมาจากเตียงฝึกยืน(Tilt table)รถเข็นสำหรับคนพิการ มีลักษณะเป็นแผ่นกระดาน ขนาดโตกว่า หรือเท่ากับ แผ่นหลังของเด็ก มีความสูงเท่ากับช่วงตัวเด็ก และมีที่พักแขนทั้ง 2 ข้าง
ผลการฝึก เด็กสามารถยืนทรงตัวด้วยกระดานฝึกยืนด้วยตนเอง โดยใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับที่พักแขน และขยับเท้าให้ยืนทรงตัวได้ ในท่าต่าง ๆ ใช้มือทั้ง 2 ข้าง ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ
รั้วกั้น เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากเศษไม้ที่เหลือใช้นำมาทำรั้วกั้น มี 3 ขั้น ความสูงแต่ละขั้นประมาณ 15 เซนติเมตร รวม 3 ขั้น ประมาณ 45 เซนติเมตร
ผลการฝึก เด็กสามารถเดินข้ามรั้วกั้น โดยผู้ใหญ่คอยพยุงตัวเด็กให้เดินข้ามรั้วกั้น โดยการกระตุ้นในครั้งแรก ทั้งทางร่างกาย วาจา และเมื่อเด็กทำได้แล้ว เพียงแต่กระตุ้นด้วยวาจาก็สามารถข้ามรั้วได้เอง ทั้ง 3 ขั้นรั้วกั้น
ราวไม้คู่ เป็นอุปกรณ์ที่ทำด้วยไม้ไผ่ ความสูงเท่ากับ ช่วงไหลของเด็ก ความยาวประมาณ 4 เมตร สำหรับฝึกเดินไปข้างหน้าและหมุนตัวไป-กลับ ได้สะดวก
ผลการฝึก เด็กสามารถพยุงตัวเดินไปข้างหน้าโดยใช้มือทั้ง2 ข้างจับราวไม้ไผ่ เมื่อสุดไม้ เด็กสามารถหมุนตัวกลับหรือเลี้ยวกลับได้ด้วยตนเองเพียงกระตุ้นด้วยวาจาบางครั้ง
หลังฝึกเด็กพิการรุนแรงมีพัฒนาการทางสังคมสามารถแสดงออกทางอารมณ์ มีการสื่อความหมายได้มากขึ้น เช่น ทักทาย พูดคุย แสดงความต้องการได้ ร้องเพลงได้ แสดงท่าทางประกอบเพลงได้จากการใช้นวัตกรรมและอุปกรณ์ในการฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ประมาณ 8-10 เดือน พบว่า เด็กพิการระดับรุนแรงมีพัฒนาการโดยความร่วมมือระหว่างครูและผู้ปกครอง ผลจากฝึกใช้อุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความ เชื่อมั่นและศรัทธาในความตั้งใจ จริงใจและกำลังใจจากคุณครู ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช และศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ทำให้ ครอบครัวพบกับความสำเร็จ และความหวังในการต่อสู้เพื่อให้ลูกและได้พัฒนาไปเป้าหมายสูงสุดอย่างภาคภูมิใจ
นอกจากนั้นผู้ปกครองมีกำลังใจในการฝึกอย่างต่อเนื่อง พยายามศึกษาหาความรู้ และทักษะเพื่อนำไปใช้และแนะนำครอบครัวที่มีเด็กพิการอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ
นวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่มที่ใช้
1.เก้าอี้ฝึกนั่ง
ควรคำนึงสภาพร่างกายของเด็ก เพราะเก้าอี้ทำด้วยไม้ชนิดต่าง ๆ มีความแข็งแรง หากเด็กทับนาน ๆ จะทำให้เกิดแผล อาจใช้ผ้าหนา ๆ รองหรือปูนั่งก็ได้
การปรับปรุง เก้าอี้ฝึกนั่ง เมื่อนำมาใช้ครั้งแรก ต้องอุ้มตัวเด็กให้นั่งทรงตัวบนเก้าอี้ฝึกนั่งโดยต้องยกตัวเด็กให้พ้นจากแผ่นกระดานที่กั้นด้านหน้า ทำได้ระยะหนึ่ง ผู้ปกครองไม่สะดวก เพราะเด็กมีน้ำหนักมาก จึงได้ปรับปรุงโดยเอาแผ่นกระดานที่กั้นด้านหน้าออก แล้วใช้ผ้ากั้นแทน เมื่อเด็กเริ่มปรับตัวในท่านั่งได้ และได้ปรับระดับพื้นที่วางเท้าให้สูงขึ้นเหมาะสมกับช่วงขาของเด็ก
2.กระดานฝึกยืน
ควรใช้ไม้กระดานแผ่นที่มีความเรียบ ไม่ขรุขระ ไม่มีรอยตะปูหรืออื่น ๆ ควรปักเสาหลักให้แข็งแรง ที่พักแขนต้องพอเหมาะกับตัวเด็ก
การปรับปรุง กระดานฝึกยืน เมื่อใช้ครั้งแรก เด็กยืนได้ ไม่สะดวกเท่าที่ควร เพราะกระดานฝึกยืน อยู่ติดกับเก้าอี้ฝึกนั่ง ที่พักแขน 2 ข้าง ต่างระดับกัน จึงได้ปรับปรุง โดยทำกระดานฝึกยืนแยกจากเก้าอี้ฝึกนั่ง และได้ปรับระดับที่พักแขนให้อยู่ระดับเดียวกัน
3.รั้วกั้น
รั้วกั้น เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากเศษไม้ที่เหลือใช้ ควรใช้แผ่นที่มีความเรียบ หรือไม้ไผ่กลม ขนาดพอเหมาะ ความสูง พอเหมาะ
การปรับปรุง เมื่อใช้ครั้งแรก ผู้ปกครองพยุงเด็กเดินข้ามรั้วกั้น 1 ขั้น สูง 15 เซนติเมตรได้ จึงได้ปรับเพิ่มจำนวนรั้วกั้น เป็น 3 ขั้นและเพิ่มความสูง เป็น 45 เซนติเมตร ผู้ปกครองพยุงเด็กเดินข้ามรั้วกั้น 3 ขั้น สูง 45 เซนติเมตร ได้
4.ราวไม้คู่
ราวไม้คู่ เป็นอุปกรณ์ที่ทำด้วยไม้ไผ่ ความสูงเท่ากับ ช่วงไหลของเด็ก ความยาวประมาณ 4 เมตร สำหรับฝึกเดินไปข้างหน้าและหมุนตัวไป-กลับ ในทางเดิม เมื่อใช้ในช่วงแรก ๆ เด็กสามารถเดินไปข้างหน้าโดยใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับราวไม้ เมื่อสุดไม้ เด็กไม่สามารถหมุนกลับได้ ต้องให้การช่วยเหลือ จึงได้ปรับปรุง โดยเพิ่มจำนวนราวไม้เพิ่มอีก 1 อันทำให้ขนานกับไม้ไผ่ คู่แรก และเพิ่มไม้กั้นขว้าง เมื่อเด็กเดินสุดไม้ก็สามารถเลี้ยวไปตามแนวราวไม้ โดยไม่ต้องหมุนตัวกลับสามารถเดินเป็นรูปตัวยูได้โดยสะดวก รวมระยะทาง 1 เที่ยว ประมาณ 8 เมตร
อุบลรัตน์ นำนาผล เรียบเรียง
ไม่มีความเห็น