วันที่….รอคอย (1)
เมื่อน้องเดือนเกิดมา พ่อแม่ก็รับรู้ว่าน้องเดือน มีความผิดปกติหลายอย่าง จากคำบอกเล่าของแพทย์และพยาบาล เพราะน้องเดือนเกิดมามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติมาก มีอาการตัวเขียว ซึ่งเป็นอาการของเด็กที่ขาดออกซิเจนขณะคลอด จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดนานถึง 3 เดือน และเมื่อน้องเดือนมีสุขภาพกายดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้ออกจากตู้อบ แต่กลับเป็นข่าวร้ายสำหรับพ่อแม่น้องเดือน เมื่อแพทย์แจ้งให้ทราบว่า การนำเด็กเข้าตู้อบเป็นเวลานาน และการได้รับออกซิเจนมากเกินไป อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางสายตาหรือบกพร่องทางการเห็นได้ หลังจากน้องเดือน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจนถึงระยะปลอดภัยแพทย์ก็อนุญาตให้กลับบ้าน
ถึงแม้น้องเดือนจะมีความบกพร่องทางการเห็น แต่พ่อแม่น้องเดือน กลับทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงดูน้องเดือน ด้วยความรักความเมตตา และเอาใจใส่ อย่างไม่ย่อท้อ จนสุขภาพของน้องเดือนดีขึ้นเป็นลำดับ
พัฒนาการของเด็กทั่วไประยะ 3-5 เดือน จะสามารถคืบคลาน พลิกตัวได้เอง แต่สำหรับน้องเดือนแล้วพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ พ่อแม่จึงนำน้องเดือนไปพบแพทย์อีกครั้งและแพทย์ได้ทำการตรวจสุขภาพ พบว่าน้องเดือน มีกล้ามเนื้อขาทั้ง 2 ข้าง อ่อนปวกเปียก ไม่มีแรงที่จะพยุงให้ร่างกายให้คืบคลานได้เลย
พ่อแม่ก็นำน้องเดือนมาเลี้ยงต่อที่บ้าน ด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี จนกระทั่งน้องเดือนอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง ในเวลานั้น พ่อแม่น้องเดือนได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ ในการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มและการเตรียมความพร้อม ของเด็กพิการทุกประเภท และประกอบกับมีครูการศึกษาพิเศษได้บริการช่วยเหลือเด็กพิการ
พ่อแม่จึงมาพบครู เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาของน้องเดือน จากการพูดคุยกับครูในวันนั้นทำให้พ่อแม่เกิดความหวัง ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต โดยเฉพาะความช่วยเหลือ ด้านการกระตุ้นพัฒนาการโดยครอบครัวซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลย
หลังจากนั้นจึงได้วางแผนงานร่วมกับครูในการจัดทำแผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว(IFSP ) เพื่อกระตุ้นพัฒนาการทุกด้านของน้องเดือน โดยเฉพาะทักษะการเคลื่อนไหวและการสื่อสาร มีการจัดทำอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกกระตุ้นพัฒนาการ จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ
เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากมาพบครูการศึกษาพิเศษ ด้วยความดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ในการฝึกกระตุ้นพัฒนาการของกล้ามเนื้อขาทั้ง 2 ข้างแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งน้องเดือนสามารถ นั่งทรงตัวได้ เกาะยืนได้ และก้าวเท้าไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจในตนเองสูง พ่อแม่ จึงมีกำลังใจที่จะฝึกกระตุ้นพัฒนาการน้องเดือนในขั้นต่อไป
ต่อมา เมื่อครูการศึกษาพิเศษได้มา ติดตามผลพัฒนาการของน้องเดือน พ่อแม่ได้สร้างความประหลาดใจ ให้กับครูเป็นอย่างมาก ที่สามารถทำให้น้องเดือน มีการเปลี่ยนแปลงในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะไม่เท่าเทียมกับเด็กปกติ จึงได้ร่วมกับครูการศึกษาพิเศษ จัดทำแผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว(IFSP )
ฝึกกระตุ้นพัฒนาการ ในขั้นสูงต่อไป จนกระทั่งน้องเดือนมีอายุเพิ่มขึ้น น้องเดือนก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามแผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว(IFSP ) ที่วางไว้ นอกจากนั้นยังพบว่า น้องเดือนมีการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ สังคมและสติปัญญา ไปในทางที่ดีเกือบใกล้เคียงกับเด็กปกติ โดยสามารถปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆได้ดังนี้
ผลจากการฝึกกระตุ้นพัฒนาการโดยเครื่องช่วย(ภูมิปัญญาท้องถิ่น)
กระบอกหมุน เป็นนวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นที่นำมาประยุกต์ใช้ ในการฝึกเดินของเด็กที่มีพัฒนาการเกาะยืนและเริ่มก้าวเท้าเดิน แต่การทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ยังไม่ประสานกันดีและเด็กขาดความมั่นใจ
ก่อนฝึกเดินโดยใช้กระบอกหมุน เด็กไม่สามารถเกาะยืน ยืนทรงตัว และเดินด้วยตนเองได้
หลังฝึกเดินโดยใช้กระบอกหมุน เด็กสามารถเกาะยืน ยืนทรงตัว และเดินภายในบ้านโดยสามารถบอกตำแหน่งเครื่องใช้หรือสัมผัสหรือเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ สามารถเดินขึ้น-ลงพื้นต่างระดับ ขึ้น-ลงบันได ได้ด้วยตนเองอย่างคล่องแคล่วและปลอดภัย เดินผ่านทางแคบหรือประตูหรือบริเวณที่มีสิ่งกีดขวางได้ปลอดภัย และสามารถเดินบริเวณพื้นดิน ที่มีสนามหญ้ารอบ ๆ บริเวณนอกบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ด้วยตนเองได้ สามารถเดินถือสิ่งของที่มีน้ำหนัก 1,000 กรัม ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ราวไม้ เป็นอุปกรณ์ที่ทำด้วยวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น ใช้ในการฝึกเดินเพื่อให้รู้ทิศทางและช่วยในการก้าวเท้าเดินในแนวเดียวกัน ไปทางขวา-ซ้าย ตามต้องการ
ก่อนฝึกเดินโดยใช้มือเกาะราวไม้ เด็กไม่สามารถเดินไปตามทิศทางที่กำหนดได้
หลังฝึกเดินโดยใช้มือเกาะราวไม้ เด็กสามารถเดินโดยใช้มือทั้ง 2 ข้างเกาะราวไม้ไปตามทิศทางที่กำหนดได้ เช่น เดินไปข้างหน้า เดินถอยหลัง เดินไปแนว ซ้าย – ขวา และสามารถเดินโดยใช้มือข้างใดข้างหนึ่ง เกาะราวไม้เดินไป-กลับได้ในระยะ 3-6 เมตรอย่างปลอดภัย
ย่องแย่ง เป็นนวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่นำมาประยุกต์ใช้ ในการฝึกทรงตัวและเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคง และยังลดพฤติกรรมการกดตาของเด็ก ใช้เล่นเป็นกิจกรรมบทบาทสมมติ
ก่อนฝึกเดินทรงตัวและการเคลื่อนไหวโดยใช้ย่องแย่ง เด็กไม่สามารถเดินทรงตัว และเคลื่อนไหวด้วยตนเอง โดยแกว่งแขนทั้ง 2 ข้างได้
หลังฝึกเดินทรงตัวและการเคลื่อนไหวโดยใช้ย่องแย่ง เด็กสามารถเดินทรงตัวและเคลื่อน-ไหวด้วยตนเอง โดยแกว่งแขนทั้ง 2 ข้างได้ และยังพบว่าขณะที่เด็กเดินทรงตัวและเคลื่อนไหวไป-มาด้วยตนเองนั้นมือทั้ง 2 ข้างจะต้องจับย่องแย่งพาดไว้บนไหล่หรือบนบ่า ทำให้เด็กลดพฤติกรรมการกดตาได้อีกด้วย
รถกระป๋องนำทาง เป็นนวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น(การละเล่นพื้นบ้าน)ที่นำมาประยุกต์ใช้แทนไม้เท้าขาว ในการนำทางเดินไปยังเป้าหมายที่ต้องการ ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้เทคนิคการป้องกันตนเองจากสิ่งกีดขวางในเส้นทางที่คุ้นเคยได้อย่างปลอดภัย
ก่อนฝึกเดินโดยใช้รถกระป๋องนำทาง เด็กเดินภายในบ้านได้โดยผู้ปกครองต้องช่วยเหลือหรือเดินอย่างขาดความมั่นใจและชนสิ่งกีดขวางบ่อย ๆ
หลังฝึกเดินโดยใช้รถกระป๋องนำทาง เด็กสามารถเดินภายในบ้านได้ด้วยตนเองและเดินอย่างมั่นใจและผ่านสิ่งกีดขวางภายในบ้านได้อย่างปลอดภัย สามารถช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นอย่างดี
ราวบันได เป็นอุปกรณ์ที่ทำด้วยวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น ใช้ในการฝึกเดินขึ้น-ลงทางต่างระดับ
ก่อนฝึกเดินขึ้น-ลงบันไดโดยใช้ราวบันได เด็กขึ้น-ลงบันไดหรือทางระดับโดยผู้ปกครองช่วยเหลือ
หลังฝึกเดินขึ้น-ลงบันไดโดยใช้ราวบันได เด็กขึ้น-ลงบันไดหรือทางระดับโดยการสลับเท้าได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย
มือจับและม้านั่ง เป็นอุปกรณ์ที่ทำด้วยวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น ใช้ในการฝึกเดินขึ้น-ลงพื้นต่างระดับ ทำให้เดินสามารถเดินขึ้น-ลง พื้นต่างระดับอย่างปลอดภัยด้วยตนเอง ทำให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ก่อนฝึกเดินโดยใช้มือจับและม้านั่ง เด็กเดินขึ้น-ลงพื้นต่างระดับโดยผู้ปกครองช่วยเหลือหรือหยุดนั่งพักและค่อย ๆ หมุนตัวแล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างดันตัวให้ลุกขึ้นยืนและเดินต่อไปได้หรือหยุดนั่งพักและห้อยขาทั้ง 2 ข้างลงแล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนก่อนก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อไป
หลังฝึกเดินโดยใช้มือจับและม้านั่ง เด็กสามารถเดินขึ้น-ลงพื้นต่างระดับได้โดยใช้มือข้างที่ถนัดจับมือจับ และก้าวเท้าที่ถนัดขึ้นบนม้านั่ง ใช้มืออีกข้างเกาะหรือจับที่เสาบ้านและก้าวเท้าที่เหลือขึ้นไปยังพื้นต่างระดับด้วยตนเองได้อย่างรวดเร็วมั่นคงและปลอดภัย
หลังจากครูการศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ร่วมมือกับผู้ปกครอง ฝึกกระตุ้นพัฒนาการ จนทำให้น้องเดือนสามารถมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าในทุกทักษะ เช่น ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา ทักษะการสื่อสาร ทักษะทางสังคม ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน ทักษะทางวิชาการและทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม(O&M)
ผู้อำนวยการ พ่อแม่ ครูการศึกษาพิเศษและทีมสหวิชาชีพ ได้ร่วมกันประเมินพัฒนาการ น้องเดือน และสรุปผลพัฒนาการในทุกทักษะ น้องเดือน ผ่าน ในระดับดีมาก ทุกทักษะ สามารถส่งต่อไปเรียนในระดับที่สูงขึ้น ในโรงเรียนเฉพาะความพิการ
จึงขอขอบคุณ ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ที่ได้สนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อแม่ ครูการศึกษาพิเศษและทีมสหวิชาชีพและน้องเดือนที่ให้ความร่วมมือในการฝึกกระตุ้นพัฒนาการเป็นอย่างดี
อุบลรัตน์ นำนาผล เรียบเรียง
สวัสดีค่ะครูอ้วน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นก็มีประโยชน์มาก
และก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องเดือน
ขอให้มีพัฒนาการโดยไวนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ