การศึกษาที่ประเทศเวียดนาม เป็นสังคมการเรียนรู้ สรุปได้ว่า จุดแข็งของการศึกษาของเขาคือ รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องการศึกษามาก เพราะเขารู้ว่าถ้าจะก้าวเข้ามาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้า รวมทั้งการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ เข้าเป็นสมาชิก ASEAN เป็นสมาชิก Apec และ Asem รวมทั้งกำลังจะเข้า WTO ด้วย
จุดแข็งของเขา คือ
แต่การที่เราไปครั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบการศึกษาของไทยไม่ดี การศึกษาไทยมีจุดแข็งหลายอย่าง เช่น ระบบของเราเป็นระบบเปิด จึงมีโอกาสหาความรู้ได้มากขึ้นจากจุดต่างๆ เช่น มีร้านหนังสือทั้งอังกฤษ และไทยเต็มไปหมด ในเวียดนามร้านหนังสือภาษาอังกฤษดีหายากมาก
ระบบการศึกษาของภาคเอกชนก็เข้มแข็ง ช่วยรัฐบาลได้มาก การศึกษา เช่น การบริหารจัดการทำได้ดีกว่า เพราะเป็นระบบเศรษฐกิจเสรีมากกว่า การกระตุ้นให้คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity หรือ Innovation) ทำได้ดีกว่า
แต่จุดที่จุดที่อันตรายของระบบการศึกษาไทยน่าจะอยู่ที่การเมืองกับการศึกษา ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วัน ของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ คุณอดิศัย โพธารามิก ที่เปลี่ยนตำแหน่งระหว่างเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คุณพรนิภา ลิมปพยอม แสดงให้เห็นว่าการเมืองไทยยังมองการศึกษาเป็นฐานเสียงในการเลือกตั้งอยู่ ซึ่งทำให้ความเป็นอิสระในการทำงานของครูในระบบประถม และมัธยมยังทำงานไม่เต็มที่
ผมจึงอยากให้คนไทย 64 ล้านคน ลองนึกมาว่า ถ้าเด็กไทยในอนาคตมีคุณภาพที่แย่ลง เปรียบเทียบกับประเทศอื่น และการเมืองของเราเน้นเป้าหมายทางการเมืองอย่างเดียว ผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่หลายๆ คนลุกขึ้นมาถามว่า เด็กไทยในอนาคตจะไปในทิศทางใด
ไม่มีความเห็น