การจัดการศึกษา มีความมุ่งหมายที่สำคัญคือ การพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยในการศึกษานั้นต้องเปิดโอกาสให้สามารถแสวงหาความรู้ได้อย่างหลากหลายตามแต่ศักยภาพของบุคคล ซึ่งระบบการศึกษาในประเทศไทยได้ บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2545 หมวด 3 เรื่องระบบการศึกษา และ มาตรา 15 ความว่า การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย การจัดการศึกษาให้บรรลุอุดมการณ์ทาง การศึกษาตามนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐที่ต้องจัดการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับทุกคน หรือที่เรียกว่า การศึกษาเพื่อปวงชนทุกคน ( Education for all ) โดยต้องอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยการจัดการศึกษาไม่ว่าเป็นเทคโนโลยีทางด้านสารสนเทศ เทคโนโลยีทางด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีทางด้านโทรคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ในด้านการจัดการศึกษาทั้งสิ้น
บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีในการจัดการศึกษานั้น พอจะสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้
1. การจัดการศึกษาในระบบการศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน ปัจจุบันสถานศึกษาแทบทุกแห่งมีการนำเอาเทคโนโลยีสื่อสารมวลชนไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ และอื่นๆมาใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีบทบาททั้งเป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร บางแห่งใช้การถ่ายทอดรายการการศึกษาเป็นสื่อในการประชุมอบรมครูผู้สอน ตลอดจนเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการ ได้เป็นอย่างดี จึงสามารถกล่าวได้ว่าการศึกษาในระบบไม่สามารถขาดเทคโนโลยีสื่อสารมวลชนได้ เพราะเทคโนโลยีการศึกษามีส่วนสนับสนุนการเรียนการสอนในระบบ ในชั้นเรียนที่มีหลักสูตรเฉพาะ มีกรอบการเรียนที่ชัดเจนนักเรียน นักศึกษาต้องเข้าเรียนตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ โดยครูจะนำเทคโนโลยีการศึกษาที่เหมาะสมเข้ามาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนในชั้นเรียน ทำให้การเรียนการสอนในระบบเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
2. การจัดการศึกษานอกระบบ เทคโนโลยีการศึกษามีส่วนช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนนอกระบบ คือการเรียนการสอนที่มีหลักสูตรเฉพาะกลุ่ม หรือหลักสูตรที่มีกรอบการเรียนค่อนข้างกว้างขวาง โดยไม่กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถและโอกาสของผู้เรียนที่จะอำนวย การเรียนการสอนประเภทนี้ ผู้สร้างหลักสูตรจำเป็นต้องคัดเลือกเทคโนโลยีการศึกษาที่เหมาะสมมาช่วยสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสื่ออุปกรณ์ ซึ่งได้แก่ดาวเทียม โทรทัศน์เพื่อการศึกษา วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อวัสดุ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือแม้กระทั่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครู หรือ ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบ จะกำหนดขึ้น นอกจากนั้นแล้วยิ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านรายการสอนทางวิทยุ โทรทัศน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนหรือที่ศูนย์การเรียน ช่วยให้ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณในการจัดการศึกษา
3. การศึกษาตามอัธยาศัยนั้นนับเป็นการศึกษาที่มีความสำคัญไม่แพ้กันและ ยิ่งจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเป็นแหล่งความรู้ และข้อมูลข่าวสารที่ฉับไวและทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ตลอดชีวิต ตามความต้องการของผู้เรียน ตรงตามความใน มาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2545 ที่กล่าวว่า ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในโอกาสแรกที่ทำได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวง หาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
แหล่งอ้างอิง
http://www.thainame.net/weblampang/sutat101/index4.htm
ไม่มีความเห็น