บทความทางวิชาการ
เรื่องระบบสารสนเทศกับการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา
ระบบสารสนเทศที่จำเป็นต่อการพัฒนาสถานศึกษาประกอบด้วย
1.ระบบสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษา
2.ระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน
3.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการ
4.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ
สถานศึกษาที่มีระบบสารสนเทศที่มีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ครบถ้วน จะช่วยให้สถานศึกษาพัฒนาคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เพราะสารสนเทศทั้งหลายนอกจากจะใช้ในการวางแผนการดำเนินงานและประกอบการตัดสินใจแล้ว ยังนำไปสู่การพัฒนาแนวความคิดและสร้างทางเลือกใหม่ๆ ในการดำเนินการต่างๆ ได้
ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ในด้านต่างๆ ทั้ง 4 ด้าน มีตัวอย่างการรายงานที่นำมาใช้ และประกอบด้วยข้อมูลที่ต้องการใช้ พร้อมทั้งการนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาอย่างไร จะยกตัวอย่างด้านละ 1 ตัวอย่าง ดังนี้
1.ระบบสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษา
1.1.ตัวอย่างรายงานในระบบสารสนเทศ ไดแก่
- ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษาฯ
1.2.ข้อมูลที่ต้องการใช้ ได้แก่
- ประวัติ ที่ตั้ง ขนาดของสถานศึกษา จำนวนพื้นที่ ลักษณะการจัดตั้ง สถานภาพของสถานศึกษา ระดับการศึกษาที่เปิดสอน จำนวนนักเรียนจำแนกตามระดับชั้น จำนวนครู จำนวนบุคลากร จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา ความสามารถพิเศษ ระดับการศึกษาที่เปิดสอน จำนวนห้องเรียน จำนวนห้องปฏิบัติการ อัตราการย้ายเข้า-ออกของนักเรียน
-ความเชื่อ ปรัชญา คำขวัญ คติพจน์ของสถานศึกษา
1.3.การนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาได้ดังนี้
-การวางแผนกลยุทธ์
-แผนการจัดชั้นเรียน
-วางแผนการตั้งอัตรากำลังของบุคลากร
-แผนปฏิบัติงานวิชาการฯ
2.ระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน
เป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนทั้งหมด
2.1.ตัวอย่างรายงานในระบบสารสนเทศ คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ประกอบด้วย ระดับค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนแต่ละกลุ่มวิชาแยกตามชั้นเรียนต่อช่วงชั้น
2.2.ข้อมูลที่ต้องการในระบบสารสนเทศ ได้แก่
-จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่สอบผ่านแต่ละกลุ่มวิชาแยกตามชั้นเรียนต่อช่วงชั้น
-คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละกลุ่มวิชาแต่ละชั้นเรียนต่อช่วงชั้น
-จำนวนผู้เรียนทั้งหมดต่อช่วงชั้น
2.3.การนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา มีดังนี้คือ
-การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรท้องถิ่น
-การวางแผนปฏิบัติการสอน
3.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการ
3.1.ตัวอย่างรายงานในระบบสารสนเทศ คือหลักสูตรและการเรียนการสอน ประกอบด้วย สภาพการจัดแผนการเรียนต่อชั้นเรียน ความสอดคล้องหลักสูตรกับความต้องการท้องถิ่น เทคนิคการสอนที่ครูนำมาใช้
3.2.ข้อมูลที่ต้องการ ได้แก่
-จำนวนชั้นเรียน
-จำนวนรายวิชาที่เปิดสอน
-เวลาเรียนแต่ละกลุ่มวิชา
-ผลสำรวจความต้องการของชุมชน
-ประเภทเทคนิควิธีการสอนที่ครูนำมาใช้
-แผนการสอนฯ
3.3.การนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา มีดังนี้คือ
-การวางแผนการจัดชั้นเรียน
-การพัฒนาหลักสูตร
4.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ
4.1.ตัวอย่างรายงานในระบบสารสนเทศ คือสภาพและการจัดบรรยากาศการเรียนรู้ ประกอบด้วย การมาเรียนของนักเรียนในแต่ละภาคต่อปีการศึกษาจำแนกตามระดับชั้น ช่วงชั้นและรวมทั้งโรงเรียน ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการเรียนการสอนของโรงเรียน การบริการด้านสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยในโรงเรียนแก่ผู้เรียน
3.2.ข้อมูลที่ต้องการ ได้แก่
-สถิติการมาเรียนแต่ละวันของผู้เรียนแต่ละเดือนต่อภาคต่อปีการศึกษา
-จำนวนเวลาเรียนในแต่ละเดือนต่อภาคต่อปีการศึกษา
-จำนวนผู้ปกครองที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนของโรงเรียน
-จำนวนผู้เรียนมารับบริการด้านสุขภาพอนามัย
-ความคิดเห็นเกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงเรียน
4.3.การนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา มีดังนี้คือ
-การวางแผนปฏิบัติการสอน
-การปรับปรุงปรูแบบการจัดการเรียนการสอน
-การจัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้ฯ
บทความทางวิชาการ
เรื่องบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยให้การจัดการศึกษาบรรลุอุดมการณ์การศึกษาตลอดชีวิต
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศคงต้องมองถึงการพัฒนาทั้งระบบ
บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ไม่ว่าเทคโนโลยีด้านการจัดการเรียนรู้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( E – lrarning ) ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (E – library ) ตลอดจนนวัตกรรมและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆและจะช่วยยกระดับการศึกษาเป็นการศึกษาตลอดชีวิต
ปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยี เป็นยุคของการใช้ข่าวสารข้อมูลที่รวดเร็วถูกต้องและเที่ยงตรงอีก ดังนั้นเทคโนโลยี ไม่ว่าเทคโนโลยีด้านการจัดการเรียนรู้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( E – lrarning ) ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (E – library ) ตลอดจนนวัตกรรมและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ช่วยให้การจัดการศึกษาบรรลุอุดมการณ์ศึกษาตลอดชีวิตสำหรับทุกคนได้ โดยเฉพาะการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย เทคโนโลยีสมัยใหม่มีบทบาทมาก เพราะการจัดการศึกษาต้องใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอนและผู้เรียน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในห้องเรียน หรือว่าตำราเพียงเท่านั้น และยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจที่จะเรียนรู้ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ซึ่งจะช่วยในการหาความรู้และสาระที่เป็นประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต และการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการนำเสนอผลงานต่าง ๆ สามารถนำมาใช้ในการกระจายโอกาสทางการศึกษา ในการเรียนรู้ การใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน การนำคอมพิวเตอร์มาประกอบในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารมีบทบาทมากขึ้นในทุกสาขาอาชีพ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการจัดการเรียนการสอน ในการใช้การสื่อสารแบบ
ไร้สาย ระบบเครือข่ายเคลื่อนที่ ระบบดาวเทียม อินเตอร์เน็ต สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อ และสืบค้น ทำให้สะดวกและรวดเร็ว และมีความทันสมัยทันยุคทันเหตุ การณ์ ทำให้ผู้เรียนก้าวทันโลก ก้าวทันเทคโนโลยี ดังนั้นจึงนับได้ว่าการนำเทคโนโลยี มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดการศึกษาในปัจจุบันทั้ง ในระบบ นอกระบบ และสำคัญที่สุดในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย
การจัดการศึกษาในระบบการศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน ปัจจุบันสถานศึกษาแทบทุกแห่งมีการนำเอาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ และอื่นๆมาใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีบทบาททั้งเป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร บางแห่งใช้การถ่ายทอดรายการการศึกษาเป็นสื่อในการประชุมอบรมครูผู้สอน ตลอดจนเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการ ได้เป็นอย่างดี
การจัดการศึกษานอกระบบ ยิ่งจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี เพราะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้องอาศัยสื่อต่างๆมากกว่า ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และอื่นๆ ผู้เรียนอาจสามารถเรียนรู้ผ่านรายการสอนทางวิทยุ โทรทัศน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนหรือที่ศูนย์การเรียน ช่วยให้ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณในการจัดการศึกษา
ความสำคัญต่อการศึกษานอกระบบ มีดังนี้
1) ผู้เรียนสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน เวลาว่าง
2) ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการของตนเอง
3) ผู้เรียนสามารถสืบค้นข้อมูลเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการประกอบอาชีพได้
4) สามารถตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน
การศึกษาตามอัธยาศัยนั้นนับเป็นการศึกษาที่มีความสำคัญไม่แพ้กันและยิ่งจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเป็นแหล่งความรู้ และข้อมูลข่าวสารที่ฉับไวและทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ตลอดชีวิต ตามความต้องการของผู้เรียน
ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย มีดังนี้
1) ผู้เรียนสามารถใช้สื่อเทคโนโลยีได้ทุกเพศ ทุกวัย ตามความสนใจ
2) ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการ
3) ทันสมัย
4) สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา
ฉะนั้นเทคโนโลยีจึงถือว่าเป็นสิ่งที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยยกระดับการศึกษาตลอดชีวิตเพราะว่าไม่มีกรอบกำหนด เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มีอิสระและมีความหลากหลายทั้งจากอินเตอร์เน็ต วิดีโอ สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ และ ทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพแห่งการเรียนรู้ได้เท่าเทียมกัน สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเสมอภาค ทำให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ไดทุกเพศ ทุกวัย ทุกที่ทุกเวลา ให้เป็นคนทันต่อองค์ความรู้สมัยใหม่ จากที่กล่าวมาจึงถือได้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยยกระดับการศึกษาให้เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตามการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศคงต้องมองถึงการพัฒนาทั้งระบบ ตั้งแต่นโยบายของประเทศ หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านการศึกษา สถานศึกษา ผู้บริหาร ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาทุก ๆ ฝ่าย ร่วมมือร่วมใจกัน
บทความทางวิชาการ
เรื่องการนำเสนอรูปแบบการจัดการความรู้ในสถานศึกษาเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม
การนำเสนอรูปแบบการจัดการความรู้ในสถานศึกษาเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะครูให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม มีกิจกรรมดังนี้
1.กำหนดระดับความรู้ภายในขอบเขตของสถานศึกษา เช่น ความรู้ส่วนบุคคล ความรู้ของกลุ่ม ความรู้ของสถานศึกษา ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถแยกแยะ จัดระดับความสำคัญ กำหนดรูปแบบในการจัดเก็บและค้นหา ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้อย่างเหมาะสม
2.สร้างความรู้หรือได้มาซึ่งความรู้จากการทำงานของบุคลากร เป็นความรู้ที่แฝงอยู่ในตัวบุคคลและถูกแปลงออกมาเป็นรูปธรรมได้
3.รวบรวมและตีความหมายของความรู้จากสื่อที่หลากหลาย เช่น กระดาษ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ
มัลติมีเดีย
4.จัดเก็บความรู้ในสื่อต่างๆ เช่นคลังข้อมูล ฐานข้อมูล ห้องสมุด ชั้นหนังสือ หรือในคลังสมองของบุคคลเอง
5.ประยุกต์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลจากการทำงานร่วมกัน โดยกระทำผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กลั่นกรองกระบวนการทางความคิดร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
6.สร้างพัฒนาการและนวัตกรรมจากความรู้ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับความรู้ โดยมีการนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์อย่างเป็นรูปธรรม
ไม่มีความเห็น