เวฬุวันมหาวิหาร
ตำบลราชกีร์ (ราชคฤห์) แคว้นมคธในอดีต
แต่เดิมเป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าพิมพิสาร หลังที่ทรงสดับฟังพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ถวายพระราชอุทยานแห่งนี้แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชา วัดเวฬุวันมหาวิหาร จึงเป็นวัดแห่งแรกของชาวพุทธ และเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระสงฆ์สาวกจำนวน ๑,๒๕๐ รูป แล้วส่งไปเป็นพระธรรมทูตประกาศพระศาสนา อันเป็นที่มาของวันมาฆบูชา
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทอดทิ้งให้ร้าง เงียบเหงา อ้างว้างเป็นเวลากว่าพันปีล่วงเลยมาในหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่งสมัยกาลปัจจุบันได้รับการบูรณะโดยกองโบราณคดีอินเดีย อยู่ในความดูแลของหน่วยงานราชการเป็นอุทยาน
ในปีปัจจุบัน (๒๕๕๓) ในการเข้า-ออกประชาชนทั่วโลกส่วนใหญ่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าไปยังอุทยานเพื่อทำกิจต่างๆ ของชาวพุทธเป็นเงิน ๕๐ รูปี แม้แต่คนอินเดียก็ต้องจ่ายเป็นเงินประมาณ ๕ - ๑๐ รูปี เมื่อจ่ายเงินแล้ว (จ่ายเป็นเงินรูปีนะ) เราจะได้รับบัตรผ่านประตูตามจำนวนคน หน้าตาของบัตรคล้ายๆ กับบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เหมือนในประเทศไทย ระบุราคาไว้ชัดเจน
วันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร
ทุกคนย่อมรู้กันอยู่แล้ว เพราะเคยศึกษา ได้ยินได้ฟังกันมา ท่องบ่นจดจำ ตั้งแต่วัยแบเบาะ หนุ่มสาว จนถึงชราภาพ แต่สำหรับผู้ที่พอจะจำได้ ราวๆ กับว่าใช่แต่ยังไม่แน่ใจ ก็จะสรุปให้อีกครั้งหนึ่ง
วันมาฆบูชา ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ(เดือน ๓) ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้ามาประชุมพร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า (มูลคันธกุฎี) นับเป็นเหตุอัศจรรย์ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ
๑. วันนั้นเป็นวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
๓. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖
๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจ้า
เพราะเหตุที่มีองค์ประกอบสำคัญดังกล่าว มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันจาตุรงคสันนิบาต และพระพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ (ศีล ๒๒๗ ข้อ) ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศหลักการอุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา
ไม่เงียบเหงา ที่ เวฬุวันมหาวิหาร
ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ ได้มีการจัดงานมาฆบูชาโลกเป็นครั้งแรก ที่เกิดขึ้น ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ตำบลราชกีร์ อำเภอนาลันทา ปัตนะ รัฐพิหาร (หรือพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธชนบท ในอดีต) จัดให้มีงานที่ชื่อว่า "มาฆบูชาฤกษ์ปีพุทธศักราช ๒๕๕๓ สืบสานอายุพระพุทธศาสนา" เกิดขึ้นในช่วงนี้ ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จึงเป็นข่าวดีที่เกิดขึ้นในรอบปีนี้ก็ว่าได้
ซึ่งพระสงฆ์สาวกจากทั่วทุกมุมโลก มาประชุมกัน ณ วัดแห่งนี้ พร้อมทั้งร่วมกันทำกิจโดยมีจุดประสงค์ร่วมกันคือ เพื่อสืบสานอายุพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบต่อไป ซึ่งได้ทำกิจต่างๆ ของพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เสมือนว่า เมื่อพระพุทธองค์ยังมีพระชนม์มายุอยู่ในกาลก่อน
มีการแสดงโอวาทปาติโมกข์ จากพระสุปฏิปันโนผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบ ซื่อตรงต่อพระพุทธศาสนา ตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติไว้แล้วด้วยดีทุกประการ พร้อมด้วยพระสงฆ์นานาชาติทั่วโลก พุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกาจากนานาประเทศ ร่วมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าอันหาประมาณมิได้
ขออนุโมทนาบุญ
ไม่มีความเห็น