การจ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท มีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
1. การเตรียมการ เจ้าหน้าที่พัสดุจะต้องตรวจสอบ และเตรียมการ ดังนี้
(1) กรณีเป็นเงินงบประมาณ เมื่อได้รับแจ้งจัดสรรให้ตรวจสอบรายการที่ได้รับการจัดสรร โดยดำเนินการให้เป็นไปตามรายการและแผนการสอบราคาจ้าง และให้เร่งดำเนินการจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทันที งบประมาณรายการที่ได้รับแจ้งจัดสรรในคราวเดียวกันให้ดำเนินการจัดจ้างในคราวเดียวกัน กรณียังไม่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวดให้ระบุในประกาศสอบราคาจ้างและเอกสารสอบราคาจ้าง “โดยไม่ผูกพันงบประมาณไว้ก่อน” และให้พร้อมที่จะก่อหนี้ผูกพันได้ทันทีเมื่อได้รับอนุมัติทางการเงิน
กรณีเป็นเงินนอกงบประมาณ เช่น ค่าบำรุงการศึกษา เงินอุดหนุนบำรุงการศึกษาฯ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการใช้จ่ายเงินของโรงเรียน โดยศึกษาหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเงินนอกงบประมาณนั้น ๆ ด้วย
(2) จัดเตรียมแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดให้เพียงพอสำหรับผู้ที่จะมาขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด
(3) จัดหารายชื่อ ที่อยู่ของบริษัท ห้างฯ ร้าน หรือบุคคลผู้มีอาชีพรับจ้างงานที่จะจ้าง ที่เห็นสมควรแจ้งให้เข้าเสนอราคา
(4) กรณีเป็นงานก่อสร้าง ให้ตรวจสอบผังบริเวณโรงเรียนและสถานที่ก่อสร้าง หากมีสิ่งปลูกสร้างในบริเวณที่จะทำการก่อสร้างให้ขออนุญาตรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ดังกล่าว
2. การดำเนินการ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการดังนี้
2.1 จัดทำเอกสารดังต่อไปนี้
(1) รายงานขอจ้าง
(2) ประกาศและเอกสารสอบราคาจ้างโดยกำหนดวันเริ่มต้นการรับซองสอบราคา ในวันที่ประกาศเผยแพร่การสอบราคาตามระเบียบฯ ข้อ 41 (1) และให้ผู้เสนอราคายื่นซองสอบราคาได้จนถึงวันปิดการรับซองสอบราคา ซึ่งปิดการรับซองดังกล่าวจะต้องกำหนดห่างจากวันเริ่มต้นการรับซองไม่น้อยกว่า 10 วัน
ส่วนวันเวลาเปิดซองใบเสนอราคา ให้กำหนดเป็นวันใดวันหนึ่งหลังจากวันปิดการรับซองสอบราคา ทั้งนี้ ในการกำหนดวันเปิดซองใบเสนอราคาดังกล่าว ให้คำนึงถึงระยะเวลาที่คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาจะต้องใช้ในการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาแต่ละรายว่า เป็นผู้เสนอราคาที่มีประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอราคารายอื่น ณ วันประกาศเผยแพร่การสอบราคาหรือไม่ ตามระเบียบฯ ข้อ 15 ตรี วรรคสอง
(3) จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือคณะกรรมการตรวจการจ้างแล้วแต่กรณี คณะกรรมการทั้ง 2 คณะ ประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการอย่างน้อย 2 คน โดยปกติให้แต่งตั้งจากข้าราชการตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการ จะแต่งตั้งบุคคลที่มิใช่ข้าราชการร่วมเป็นกรรมการด้วยก็ได้ โดยควรแต่งตั้งผู้ชำนาญการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับงานที่จะจ้างเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ห้ามแต่งตั้งผู้ที่เป็นกรรมการเปิดซองสอบราคาเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุ (การเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุหรือคณะกรรมการตรวจการจ้างแล้วแต่กรณี อาจเสนอในขั้นทำสัญญาก็ได้)
(4) จัดทำหนังสือถึงผู้มีอาชีพรับจ้างงานที่จะจ้าง (หากประสงค์จะส่งประกาศไปโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงหรือทางอื่นด้วย ก็ให้จัดทำหนังสือถึงหน่วยงานดังกล่าวด้วย)
(5) จัดเตรียมแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด พร้อมเอกสารแนบท้ายเอกสารสอบราคาจ้าง (ดูข้อ 1 ในเอกสารสอบราคาจ้าง) เพื่อจัดส่งพร้อมประกาศ และให้กับผู้มาขอรับ
2.2 เสนอรายงานของจ้างต่อหัวหน้าสถานศึกษา ผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุโดยแนบเอกสารตามข้อ 2.1 (1) – (4) พร้อมรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือแจ้งจัดสรร แบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด หลักฐานการอนุมัติทางการเงิน (ถ้ามี) โดยให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุลงชื่อกำกับตราส่วนราชการในเอกสารสอบราคาจ้าง และหัวหน้าสถานศึกษาพิจารณาดำเนินการดังนี้
- เห็นชอบรายงานขอจ้าง
- ลงนามในประกาศสอบราคาจ้าง
- ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือคณะกรรมการตรวจการจ้าง แล้วแต่กรณี
- ลงนามในหนังสือถึงบริษัท ห้างฯ ร้าน บุคคลผู้มีอาชีพรับจ้างและหน่วยงานต่าง ๆ ตามข้อ 2.1 (4)
3. เมื่อหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และหัวหน้าสถานศึกษาลงนามในเอกสารตามข้อ 2.2 ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการดังต่อไปนี้
3.1 ปิดและส่งประกาศก่อนถึงวันเปิดซองไม่น้อยกว่า 10 วัน ดังนี้
(1) ปิดประกาศโดยเปิดเผยที่โรงเรียน ณ สถานที่ซึ่งบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงและอ่านได้สะดวก
(2) ส่งประกาศและเอกสารสอบราคาจ้าง พร้อมเอกสารแนบท้ายทังหมดไปยังผู้มีอาชีพรับจ้างที่จะจ้าง และหน่วยงานต่าง ๆ ตามข้อ 2.1 (4) การส่งเอกสารดังกล่าวให้ส่งโดยตรง หรือส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
3.2 ส่งสำเนาประกาศและเอกสารสอบราคาจ้าง พร้อมสำเนาคำสั่งแต่งตั้งและหน้าที่ของคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 42 ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา
4. การให้แบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดให้ดำเนินการดังนี้
4.1 ให้กำหนดระยะเวลาการให้แบบรายการ และ/หรือรายละเอียดในเอกสารสอบราคาจ้าง โดยเริ่มให้ตั้งแต่วันประกาศเผยแพร่จนถึงวันปิดการรับซองสอบราคา ซึ่งวันปิดการรับซองจะต้องกำหนดห่างจากวันเริ่มต้นการรับซองไม่น้อยกว่า 10 วัน
4.2 หัวหน้าสถานศึกษาต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำ เพื่อให้แบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคาจ้าง หากเจ้าหน้าที่ผู้ให้แบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดจำเป็นต้องไปปฏิบัติราชการอื่น ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่อื่นทำหน้าที่แทน
4.3 ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด ประกาศและเอกสารสอบราคาจ้าง พร้อมเอกสารและแบบฟอร์มที่ระบุว่าเป็นเอกสารแนบท้ายเอกสารสอบราคาจ้าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตามข้อ 4.2 ให้กับผู้มาขอรับ โดยจัดทำบัญชีผู้มาขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดไว้ด้วย
4.4 ให้เจ้าหน้าที่ตามข้อ 4.2 มีหน้าที่ให้แบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด และเอกสารประกอบให้ผู้มาขอรับทุกรายโดยตรวจสอบแต่เพียงว่าผู้มาขอรับเป็นกรรมการผู้จัดการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการแล้วแต่กรณี หรือได้รับมอบอำนาจให้มาขอรับหรือไม่เท่านั้น ไม่มีสิทธิขอตรวจสอบคุณสมบัติอื่นว่าถูกต้องตามเอกสารสอบราคาจ้างหรือไม่ โดยโรงเรียนต้องจัดเตรียมเอกสารตามข้อ 4.3 ให้เพียงพอที่จะให้ผู้มาขอรับภายในวันและเวลาที่กำหนด กรณีแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดมีไม่เพียงพอให้ติดต่อประสานกับหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดเพิ่มเติม หากเป็นกรณีจำเป็นอาจใช้เงินบำรุงการศึกษา หรือเงินอุดหนุนบำรุงการศึกษาจ้างทำสำเนาแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียด
4.5 ถ้ามีการยกเลิกการสอบราคา และมีการสอบราคาใหม่ ให้แจ้งผู้มาขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดในการสอบราคาครั้งก่อน เพื่อมาขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดและเอกสารสอบราคาใหม่ โดยให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรส่งโดยตรง หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับทุกราย
5. ก่อนวันเปิดซองสอบราคา หากมีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ หรือมีความจำเป็นต้องแก้ไขแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญซึ่งมิได้กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคาตั้งแต่ต้น ให้รีบดำเนินการดังนี้
5.1 จัดทำรายละเอียดดังกล่าวเป็นเอกสารสอบราคาเพิ่มเติม
5.2 ปิดประกาศเอกสารสอบราคาเพิ่มเติมไว้ ณ ที่ทำการของโรงเรียนและจัดส่งไปยังหน่วยงานตาม ข้อ 2.1 (4) และแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ที่มาขอรับแบบรูปรายการ และ/หรือรายละเอียดไปแล้วทุกรายด้วย
กรณีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นนั้น หากจะทำให้ผู้เสนอราคาไม่สามารถยื่นซองสอบราคาได้ทันตามกำหนดเดิม ก็ให้แจ้งเลื่อนวัน เวลารับซอง ปิดการรับซองและเปิดซองสอบราคาตามความจำเป็นไปด้วย
6. การรับซองสอบราคา ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานศึกษาทำหน้าที่รับซอง โดยให้ดำเนินการดังนี้
6.1 รับซองโดยไม่เปิดซองและลงทะเบียนรับซองตามวัน เวลาที่กำหนดในประกาศและเอกสารสอบราคาจ้าง และตรวจสอบเอกสารที่เสนอให้ตรงกับบัญชีเอกสารส่วนที่ 1 และเอกสารส่วนที่ 2 ของผู้เสนอราคา
6.2 เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 6.1 แล้วให้ออกใบรับซองให้ผู้เสนอราคา
6.3 ส่งมอบซองให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุทันทีเพื่อเก็บรักษาซอง
7. หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุเก็บรักษาซองไว้ทุกรายโดยไม่เปิดซอง และเมื่อพ้นกำหนดวันปิดการรับซองสอบราคาที่กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคาแล้ว ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุส่งมอบซองเสนอราคาทั้งหมดและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้เก็บรักษาไว้ พร้อมทั้งรายงานผลการรับซองสอบราคาต่อคณะกรรมการเปิดซองสอบราคาทันที
8. ก่อนการเปิดซองใบเสนอราคา ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาศึกษาเงื่อนไข รายละเอียดในเอกสารสอบราคาจ้าง และให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาแต่ละรายว่าเป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอราคารายอื่น (ดูบทนิยาม) ณ วันประกาศเผยแพร่การสอบราคาหรือไม่ ตามนัยระเบียบฯ ข้อ 15 ตรี วรรคสอง โดยตรวจสอบจากเอกสารหลักฐานส่วนที่ 1 ที่ผู้เสนอราคายื่นมาพร้อมกับซองใบเสนอราคา และให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือกไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่ทำการของโรงเรียนโดยพลัน ตามระเบียบฯ ข้อ 15 จัตวา วรรคสาม แต่หากผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาแต่ละรายปรากฏว่า มีผู้เสนอราคาเป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอราคารายอื่น ณ วันประกาศเผยแพร่การสอบราคา ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาตัดรายชื่อผู้เสนอราคาดังกล่าวทุกรายออกจากการเป็นผู้เสนอราคา ในการสอบราคาจ้างในครั้งนั้น พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้เสนอราคารายดังกล่าวทราบโดยทันที ตามระเบียบฯ ข้อ 15 เบญจ วรรคหนึ่ง
เมื่อถึงกำหนดเวลาเปิดซองใบเสนอราคา ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาทำการเปิดซองใบเสนอราคาเฉพาะผู้เสนอราคาที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือกตามวรรคแรก และหากประธานกรรมการยังไม่มาปฏิบัติหน้าที่ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการ โดยให้คณะกรรมการฯ ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะข้อ 8.1 แล้วรายงานประธานกรรมการซึ่งหัวหน้าสถานศึกษาแต่งตั้ง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยคณะกรรมการเปิดซองสอบราคามีหน้าที่ดังนี้
8.1 เปิดซองใบเสนอราคา และอ่านแจ้งราคาพร้อมบัญชีรายการเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของผู้เสนอราคาเฉพาะรายที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือกตามข้อ 8 วรรคแรก ทุกราย โดยเปิดเผยตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนดในประกาศและเอกสารสอบราคาจ้าง และตรวจสอบรายการเอกสารตามบัญชีของผู้เสนอราคาทุกราย แล้วให้กรรมการทุกคนลงลายมือชื่อกำกับไว้ในใบเสนอราคา และเอกสารประกอบใบเสนอราคาทุกแผ่น
8.2 ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคา เอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้วคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตามเงื่อนไขในเอกสารสอบราคาจ้าง
8.2.1 ในกรณีที่ผู้เสนอราคารายใดเสนอรายละเอียดแตกต่างไปจากเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารสอบราคาในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ และความแตกต่างนั้นไม่มีผลทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบต่อผู้เสนอราคารายอื่น หรือเป็นการผิดพลาดเล็กน้อย ให้พิจารณาผ่อนปรนให้ผู้เข้าสอบราคาโดยไม่ตัดผู้เข้าสอบราคารายนั้นออก
8.2.2 ในการพิจารณา คณะกรรมการอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้เสนอราคารายใดก็ได้ แต่จะให้ผู้เสนอรายใดเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญที่เสนอไว้แล้วมิได้
8.2.3 ในกรณีมีผู้เสนอราคารายเดียว หรือมีผู้เสนอราคาหลายรายแต่ถูกต้องตรงตามรายละเอียดและเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารสอบราคาเพียงรายเดียวหากคุณสมบัติของผู้เสนอราคาเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และราคาอยู่ในวงเงินที่กำหนดไว้ให้ดำเนินการตามข้อ 8.3
8.2.4 ในกรณีไม่มีผู้เสนอราคาหรือมีแต่ไม่ถูกต้องตรงตามรายละเอียด และเงื่อนไขที่กำหนดให้เสนอหัวหน้าสถานศึกษา ยกเลิกการสอบราคาครั้งนั้นเพื่อดำเนินการสอบราคาใหม่ หากหัวหน้าสถานศึกษาเห็นว่า การสอบราคาใหม่จะไม่ได้ผลดี จะสั่งให้ดำเนินการจ้างโดยวิธีพิเศษก็ได้
8.3 พิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่ตรวจสอบแล้วตามข้อ 8.2 ที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และเสนอหัวหน้าสถานศึกษาให้จ้างจากรายที่คัดเลือกไว้แล้ว ซึ่งเสนอราคาต่ำสุด
8.3.1 การพิจารณาการเสนอราคาของผู้เสนอราคาต่ำสุด (กรณีงานก่อสร้าง) ให้ดำเนินการดังนี้
(1) ตรวจสอบความถูกต้องของการเสนอราคา โดยคำนวณตัวเลขของราคาที่เสนอต่อหน่วยในบัญชีรายการที่เสนอเป็นหลัก หากไม่ถูกต้องให้ขอปรับลดตัวเลขลงมา
(2) เปรียบเทียบราคาที่แสดงในบัญชีรายการก่อสร้างของผู้เสนอราคากับราคากลางในรายการที่เป็นหัวข้อใหญ่ หากปรากฏว่าราคาของรายการใดสูงผิดปกติไม่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ก็ให้เชิญผู้เสนอราคารายต่ำสุดนั้นมาเจรจาปรับลดราคาลงมา
(3) บันทึกแก้ไขราคาแต่ละรายการและยอดรวมจากการปรับลดราคาตาม (1) และ (2) ให้ตรงกันซึ่งเมื่อประเมินราคาปรับลดแล้ว จะทำให้ยอดรวมใหม่ต่ำกว่ายอดรวมที่ผู้เสนอราคาไว้เดิม (การเจรจาปรับลดราคาต้องบันทึกรายละเอียดผลการเจรจา โดยให้ผู้เสนอราคาลงนามไว้เป็นหลักฐาน)
(4) หากราคาตาม (3) อยู่ภายในวงเงินงบประมาณให้เสนอจ้างรายต่ำสุดนั้น
8.3.2 กรณีมีผู้เสนอราคาต่ำสุดเท่ากันหลายราย ให้คณะกรรมการเรียกผู้เสนอราคาเท่ากันดังกล่าวมาขอให้เสนอราคาใหม่พร้อมกันด้วยวิธียื่นซองเสนอราคา เมื่อได้ผู้เสนอราคาต่ำสุดให้ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 8.3.1
8.3.3 กรณีที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดไม่ยอมมาทำสัญญาตามเวลาที่กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคาให้คณะกรรมการฯ พิจารณาผู้เสนอราคาต่ำรายถัดไป
8.3.4 กรณีผู้เสนอราคาต่ำสุดที่คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาเห็นสมควรจ้างเสนอราคาเกินวงเงินงบประมาณให้ดำเนินการดังนี้
(1) เรียกผู้เสนอราคารายนั้นมาต่อรองราคาให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ หากผู้เสนอราคารายนั้นยอมลดราคาแล้ว ราคาที่เสนอใหม่ไม่สูงกว่าวงเงินที่จะจ้าง (วงเงินงบประมาณ) โดยตรวจสอบความถูกต้องของการเสนอราคา และเปรียบเทียบกับราคากลางเป็นหลักในการต่อรองราคาแล้วเสนอให้จ้างจากผู้เสนอราคารายนั้น
(2) ถ้าต่อรองตาม (1) แล้วไม่ได้ผล ให้เรียกผู้เสนอราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรจ้างทุกรายมาต่อรองราคาใหม่พร้อมกัน ด้วยวิธียื่นซองเสนอราคาภายในกำหนดระยะเวลาอันสมควร หากรายใดไม่มายื่นซอง ให้ถือว่ารายนั้นยืนราคาตามที่เสนอไว้เดิม
(3) ถ้าดำเนินการตาม (2) แล้วไม่ได้ผล ให้เสนอความเห็นต่อหัวหน้าสถานศึกษาเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจว่าจะสมควรลดรายการ ลดจำนวน หรือลดเนื้องาน หรือขอเงินเพิ่มเติม หรือยกเลิกการสอบราคาเพื่อดำเนินการสอบราคาใหม่
กรณีเป็นการจ้างด้วยเงินงบประมาณที่มิใช่รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในงบรายจ่ายของงานหรือโครงการใด หากราคาที่ต่อรองแล้วสูงกว่าวงเงินงบประมาณไม่เกินร้อยละสิบ และคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบราคาและเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ให้เสนอขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณต่อหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี โดยต้องมีเงินสมทบส่วนที่เกินได้แก่ เงินเหลือจากการจัดซื้อจัดจ้าง หรือเหลือจากการงดซื้อ/จ้างหรือลดจำนวนซื้อครุภัณฑ์ในงบรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกัน หรือใช้เงินนอกงบประมาณอื่น เช่น เงินบำรุงการศึกษา เงินบริจาค เงินอุดหนุนบำรุงการศึกษา หรือเงินอื่นใดมาใช้โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2545
8.4 การจัดจ้างมากกว่า 1 รายการ ด้วยเงินงบประมาณ กรณีกำหนดเงื่อนไขการพิจารณาราคารวม และผู้เสนอราคารายต่ำสุดเสนอราคารวมไม่เกินวงเงินประจำงวดรวม คณะกรรมการต้องตรวจสอบราคาที่เสนอแต่ละรายการด้วย หากการก่อสร้างรายการใดราคาสูงกว่าราคาที่ได้รับอนุมัติทางการเงิน ให้ต่อรองราคาลงอีกให้อยู่ในวงเงินที่กำหนด หากไม่ยอมลดราคารายการใด สถานศึกษาอาจพิจารณาดำเนินการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการเงินประจำงวดรายการนั้น ตามรายละเอียดที่กล่าวในข้อ 8.3.4 วรรคสุดท้าย หรืออาจเลือกจ้างเฉพาะรายการที่เสนอราคาอยู่ภายในวงเงินที่กำหนด สำหรับการสอบราคาครั้งนั้นก็ได้ ส่วนรายการที่จ้างไม่ได้ก็ให้ดำเนินการจัดจ้างใหม่ตามระเบียบฯ
8.5 การต่อรองราคาทุกกรณี ถ้าผู้เสนอราคายินยอมลดราคา ให้ผู้เสนอราคาบันทึกการยินยอม และลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย (ถ้าเงื่อนไขการลงนามทำนิติกรรมของผู้เสนอราคาในหนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ต้องประทับตราก็ให้ประทับตราด้วย)
8.6 รายงานผลการพิจารณาและความเห็น พร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับทั้งหมดเสนอหัวหน้าสถานศึกษาเพื่ออนุมัติการสั่งจ้าง โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ
9. หลังการสอบราคาแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำสัญญากับผู้เสนอราคารายใด ถ้ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการเป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในรายละเอียดหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคา ซึ่งทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้เข้าเสนอราคาด้วยกันให้หัวหน้าสถานศึกษาพิจารณายกเลิกการสอบราคาครั้งนั้น
10. กรณีได้ดำเนินการจัดจ้างแล้ว ไม่ได้ผลและมีปัญหาไม่อาจหาผู้รับจ้างได้ ให้รีบรายงานเสนอผ่านตามสายงาน ขอความเห็นชอบต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการดำเนินการจัดจ้างในส่วนกลาง หรือเสนอหัวหน้าส่วนราชการพิจารณาขอเปลี่ยนแปลงรายการหรืออื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร (การเปลี่ยนแปลงรายการใด ๆ ให้ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด)
11. การสั่งจ้าง เมื่อหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุตรวจสอบหลักฐานการดำเนินการแล้ว หากเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบฯ ก็ให้เสนอหัวหน้าสถานศึกษาขออนุมัติสั่งจ้างตามที่คณะกรรมการฯ เสนอ
12. การทำสัญญา
12.1 กรณียังไม่ได้รับอนุมัติทางการเงิน ห้ามทำสัญญาและห้ามอนุญาตให้ผู้เสนอราคาก่อสร้างก่อนการทำสัญญา
12.2 เมื่อหัวหน้าสถานศึกษาอนุมัติสั่งจ้าง และได้รับอนุมัติทางการเงินแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้
12.2.1 โรงเรียนแจ้งผลการอนุมัติจ้าง และกำหนดวันทำสัญญา ให้ผู้ที่ชนะการสอบราคาทราบโดยตรง หรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ พร้อมกับแจ้งให้นำหลักประกันสัญญามูลค่าร้อยละห้าของราคาที่ตกลงจ้างมาในวันทำสัญญาด้วย การทำสัญญาให้ลงนามพร้อมกันทั้งผู้จ้าง ผู้รับจ้าง และพยาน สำหรับการปิดอากรแสตมป์ กรณีราคาที่ตกลงจ้างไม่ถึง 200,000 บาท ให้ใช้อากรแสตมป์ปิดสัญญา โดยค่าอากร 1 บาท จากทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ของราคาตามสัญญาที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีค่าจ้างตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป ให้นำสัญญาจ้างไปสลักหลังตราสารก่อนทำสัญญาหรือภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากวันทำสัญญา ณ สำนักงานสรรพากร
12.2.2 กรณียังไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงาน (กรณีเป็นงานก่อสร้าง) ให้หัวหน้าสถานศึกษาลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงาน โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างจะประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการอย่างน้อย 2 คน เช่นเดียวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการเปิดซองสอบราคาตามข้อ 2.1 (3)
12.2.3 กรณีที่ผู้เสนอราคาตาม 12.2.1 ไม่ยอมมาทำสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการดังนี้
(1) รายงานตามลำดับถึงหัวหน้าส่วนราชการ พิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานต่อไป
(2) แจ้งคณะกรรมการเปิดซองสอบราคาเพื่อเรียกผู้เสนอราคาที่ได้เสนอราคาต่ำรายถัดไปตามลำดับ และเสนอให้จ้างจากรายที่เสนอราคาอยู่ในวงเงินงบประมาณที่กำหนดไว้
(3) หากดำเนินการตาม (2) แล้วไม่ได้ผล ก็ให้ดำเนินการสอบราคาใหม่ หรือดำเนินการโดยวิธีพิเศษต่อไป
12.3 เมื่อทำสัญญาแล้ว ให้สำเนาสัญญาส่ง
(1) กรมสรรพากร หรือสำนักงานสรรพากรจังหวัด แล้วแต่กรณีภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญา (เฉพาะสัญญาที่มีวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป)
(2) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค แล้วแต่กรณี ภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญา (เฉพาะสัญญาที่มีวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป)
(3) คณะกรรมการตรวจการจ้าง และผู้ควบคุมงาน (กรณีงานก่อสร้าง)
(4) หัวหน้าส่วนราชการ และหรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สำหรับหน่วยงานตาม (2) และ (3) ให้ส่งแบบรูปรายการและเอกสารที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาทุกรายการด้วย
13. การส่งมอบงานของผู้รับจ้างให้มีหนังสือแจ้งส่งงานมอบให้แก่โรงเรียน (ส่งงานสารบรรณเจ้าหน้าที่พัสดุ หรือผู้ควบคุมงาน) ผู้รับหนังสือส่งมอบงานจะต้องนำหนังสือไปให้งานสารบรรณลงรับในวันนั้นทันที เว้นแต่จะไม่สามารถดำเนินการได้ทัน ให้ลงรับในวันทำการถัดไป และให้ส่งมอบให้แก่ผู้ควบคุมงานต่อไป
14. การควบคุมงานก่อสร้าง ผู้ควบคุมงานก่อสร้างต้องศึกษาแบบรูปรายการก่อสร้างและรายละเอียดประกอบ รวมทั้งข้อกำหนดในสัญญาโดยละเอียดรวมตลอดจนหน้าที่ตามระเบียบฯ และเมื่อผู้ควบคุมงานได้ตรวจงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่พัสดุแจ้งการส่งมอบงานของผู้รับจ้างให้ประธานกรรมการตรวจการจ้างทราบเพื่อนัดกรรมการไปตรวจรับงาน โดยผู้ควบคุมงานมีหน้าที่ดังนี้
(1) ตรวจและควบคุมงาน ณ สถานที่ที่กำหนดไว้ในสัญญา หรือที่ตกลงให้ทำงานจ้างนั้น ๆ ทุกวันให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียด และข้อกำหนดไว้ในสัญญาทุกประการ โดยสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควร และตามหลักวิชาช่างเพื่อให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญา ถ้าผู้รับจ้างขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็สั่งให้หยุดงานนั้นเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดแล้วแต่กรณีไว้ก่อน จนกว่าผู้รับจ้างจะยอมปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำสั่ง และให้รายงานคณะกรรมการตรวจการจ้างทันที
(2) ในกรณีที่ปรากฏว่าแบบรูปรายการละเอียด หรือข้อกำหนดในสัญญามีข้อความขัดกัน หรือเป็นที่คาดหมายได้ว่าถึงแม้ว่างานนั้นจะได้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาแต่เมื่อสำเร็จแล้วจะไม่มั่นคงแข็งแรง หรือไม่เป็นไปตามหลักวิชาช่างที่ดีหรือไม่ปลอดภัยให้สั่งพักงานนั้นไว้ก่อน แล้วรายงานคณะกรรมการตรวจการจ้างโดยเร็ว
(3) จดบันทึกสภาพการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง และเหตุการณ์แวดล้อมเป็นรายวันพร้อมทั้งผลการปฏิบัติงาน หรือการหยุดงานและสาเหตุที่มีการหยุดงานอย่างน้อย 2 ฉบับ เพื่อรายงานให้คณะกรรมการตรวจการจ้างทราบทุกสัปดาห์ และเก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้แก่เจ้าหน้าที่พัสดุเมื่อเสร็จงานแต่ละงวด โดยถือว่าเป็นเอกสารสำคัญของทางราชการเพื่อประกอบการตรวจสอบของผู้มีหน้าที่
การบันทึกการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างให้ระบุรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานและวัสดุที่ใช้ด้วย
(4) ในวันกำหนดลงมือทำการของผู้รับจ้างตามสัญญา และในวันถึงกำหนดส่งมอบงานแต่ละงวดให้รายงานผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างว่าเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ ให้คณะกรรมการตรวจการจ้างทราบภายใน 3 วันทำการนับแต่วันถึงกำหนดนั้น ๆ
กรณีผู้รับจ้างส่งมอบงานให้ผู้ควบคุมงานเร่งรัดดำเนินการตรวจงานให้แล้วเสร็จไปโดยเร็วที่สุด อย่างช้าไม่เกิน 3 วันทำการ โดยการนับวันดำเนินการของผู้ควบคุมงานจะเริ่มนับจากวันถัดจากวันที่ผู้ควบคุมงานได้รับมอบหนังสือส่งงานแล้ว
ในกรณีที่ผู้ควบคุมงานไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาได้ ให้รายงานประธานกรรมการตรวจการจ้างพร้อมด้วยเหตุผลความจำเป็น
14. การตรวจการจ้าง คณะกรรมการตรวจการจ้างต้องศึกษาสัญญาจ้างก่อสร้าง แบบรูปรายการก่อสร้าง และเอกสารที่เป็นส่วนประกอบของสัญญาจ้าง รวมทั้งหน้าที่ตามระเบียบโดยคณะกรรมการตรวจการจ้าง มีหน้าที่ดังนี้
(1) ตรวจสอบรายงานการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง และเหตุการณ์แวดล้อมที่ผู้ควบคุมงานรายงานโดยตรวจสอบกับแบบรูปรายการละเอียด และข้อกำหนดในสัญญาทุกสัปดาห์รวมทั้งรับทราบหรือพิจารณาการสั่งหยุดงาน หรือพักงานของผู้ควบคุมงาน แล้วรายงานหัวหน้าสถานศึกษาเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
(2) การดำเนินการตาม (1) ในกรณีมีข้อสงสัยหรือมีกรณีที่เห็นว่าตามหลักวิชาการช่างไม่น่าจะเป็นไปได้ ให้ออกตรวจงานจ้าง ณ สถานที่ที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือที่ตกลงให้ทำงานจ้างนั้น ๆ โดยให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควรและตามหลักวิชาการช่างเพื่อให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญา
(3) คณะกรรมการตรวจการจ้างจะต้องเร่งรัดดำเนิน
ไม่มีความเห็น