การศึกษาประวัติศาสตร์ของไทย ส่วนใหญ่จะแหล่งข้อมูลของการค้นคว้า คือ
๑. บันทึกของไทย ส่วนใหญ่ก็คือจากพระราชพงศาวดาร
๒. วรรณกรรมในแบบของตำนาน นิทานพื้นบ้าน มุขปาฐะ
๓. บันทึกของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพระราชอาณาจักรไทย
๔. พงศวดารและนิทานหรือตำนานพื้นบ้านของประเทศใกล้เคียง
ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะพระราชพงศาวดารไทย
๑. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพวิมลมังคลาราม
๒. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระราชหัตถเลขา
๓. คำให้การของชาวกรุงเก่า
๔. คำให้การขุหลวงหาวัด
๕. พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวันวลิต
๖. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
๗. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรดิพงษ์
๘. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับบริติชมิวเซียม
ทำไมจึงเรียกว่า ... พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์เรื่องนี้ไว้ในหนังสือ "นิทานโบราณคดี" เรื่อง "ประวัติการค้นหาเจดีย์ยุทธหัตถี" ดังนี้
เหตุทีจะพบพระเจดีย์ยุทธหัตถีนั้นก็อยู่ข้างแปลกประหลาด ดูเหมือนจะเป็นในปีแรกรัชกาลที่ ๖ พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาลลักษมณ์) เมื่อยังเป็นหลวงประเสริฐอักษรนิติ ช่วยเที่ยวหาหนังสือไทยฉบับเขียนของเก่าอันกระจัดกระจายอยู่ในพื้นเมือง ให้หอพระสมุดสำหรับพระนคร
วันหนึ่งไปเห็นยายแก่ที่บ้านแห่งหนึ่ง กำลังรวบรวมเอาสมุดไทยลงใส่กะชุ ถามว่าจะเอาไปไหน แกบอกว่าจะเอาไปเผาไฟทำสมุดสำหรับลงรัก พระยาปริยัติฯ ขออ่านดูหนังสือในสมุดเหล่านั้น เห็นเป็นหนังสือเรื่องพงศาวดารอยู่เล่มหนึ่ง จึงขอยายแก่เอามาส่งให้ฉันที่หอพระสมุดฯ ฉันเห็นเป็นสมุดของเก่าเขียนตัวบรรจงด้วยเส้นรง (มิใช่หรดาลที่ชอบใช้กันในชั้นหลัง)
พอเปิดออกอ่านก็ประหลาดใจด้วยขึ้นต้นมีบานแผนกว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตรัสสั่งให้รวบรวมจดหมายเหตุต่างๆ แต่งหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับนั้น เมื่อ ณ วันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีวอก จุลศักราช ๑๐๔๒ (พ.ศ. ๒๒๒๓) แปลกกับหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆ ที่มีอยู่ในหอพระสมุดฯ ฉันจึงให้เรียกว่า "พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสิฐฯ" เพื่อเป็นเกียรติยศแก่ผู้ได้มา