ความรู้ที่คู่ควรกับเวลา


สาระสำคัญของความรู้ คือการทำให้ผู้ที่มีความรู้พ้นจากภัยแห่งอวิชชาทั้งหลาย

เรื่องนี้เริ่มมาจากการพยายามระบายสิ่งที่สะสมในหัวออกมาเป็นตัวอักษร

เรื่องเริ่มมาจาก มีศาตราจารย์คนหนึ่งกับกะลาสีแก่คนหนึ่ง คุยกัน

กะลาสีชอบฟัง ศาสตราจารย์คุย เพราะตัวเองก็คิดอยู่เสมอว่าเป็นการเพิ่มวิสัยทัศน์ และเพิ่มพูนความรู้

วันที่ ๑ ศาสตราจารย์ คุยเรื่องอุตุนิยมวิทยา แล้วก็ถามกะลาสีว่า นายอยู่บนเรือมาอย่างนี้รู้เรื่องอุตุนิยมวิทยาบ้างไหม

กะลาสีส่ายหน้า แล้วก็ได้แต่บอกว่า "ไม่" เพราะตนไม่เคยเข้าโรงเรียน

ศาสตราจารย์ได้แต่บอกว่า ถ้าไม่รู้เรื่องอุตุนิยมวิทยาก็เท่ากับเสียเวลาไปครึ่งหนึ่งของชีวิตแล้ว

กะลาสีเสียใจแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ

วันที่ ๒ ศาสตราจารย์ คุยเรื่องดาราศาสตร์แล้วก็ถามกะลาสีว่า นายอยู่บนเรือมาอย่างนี้รู้เรื่องดาราศาสตร์บ้างไหม

กะลาสีส่ายหน้า แล้วก็ได้แต่บอกว่า "ไม่" เพราะตนไม่เคยเข้าโรงเรียน

ศาสตราจารย์ได้แต่บอกว่า ถ้าไม่รู้เรื่องดาราศาสตร์ก็เท่ากับเสียเวลาไปอีกหนึ่งในสี่ของชีวิตแล้ว

กะลาสีเสียใจแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ

วันที่ ๓ ศาสตราจารย์ คุยเรื่องสมุทรศาสตร์แล้วก็ถามกะลาสีว่า นายอยู่บนเรือมาอย่างนี้รู้เรื่องสมุทรศาสตร์บ้างไหม

กะลาสีส่ายหน้า แล้วก็ได้แต่บอกว่า "ไม่" เพราะตนไม่เคยเข้าโรงเรียน

ศาสตราจารย์ได้แต่บอกว่า ถ้าไม่รู้เรื่องสมุทรศาสตร์ก็เท่ากับเสียเวลาไปอีกหนึ่งในสี่ของชีวิตแล้ว

กะลาสีเสียใจแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ

วันที่ ๔ ขณะที่ศาตราจารย์กำลังจะเดินมาคุยกับกะลาสีเหมือนเคย กะลาสีก็วิ่งมาพบแล้วร้องว่า "ท่านศาสตราจารย์ครับ ท่านเคยรู้วิชา "ว่ายน้ำศาสตร์" ไหมครับ ศาตราจารย์ก็งงพร้อมกับบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน

กะลาสีจึงบอกว่า ถ้าท่านไม่เคยเรียนวิชาว่ายน้ำศาสตร์ น่ากลัวท่านจะต้องจบชีวิต นะวันนี้แล้วล่ะครับ เพราะเรือกำลังจะล่มในเวลาไม่นานแล้ว +!!!+

********************************************************

เรื่องนี้สอนอะไร

เรื่องนี้สอนหลายอย่างครับ

๑. ความรู้ในทางทฤษฎีอย่างเดียวบางครั้งก็ได้แต่ใช้ข่มคนอื่นๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์ แก่คนรู้เลย ถ้าไม่รู้จักนำมาปฏิบัติ

คนเรานั้นที่ชอบไปข่มคนอื่นๆ ก็เพราะลึกๆ ยังมีอวิชชา อยู่ว่าตนดีกว่าคนอื่น และอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ จึงพยายามแสดงว่าตนเก่ง แท้จริงแล้วความเก่งนั้นอาจจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ให้เป็น อีกทั้งยังเป็นเครื่องทำลายตนเองให้หมองไหม้อีกด้วย  ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า ศาสตราจารย์ ไม่เก่ง แต่ศาสตราจารย์ เอาความเก่งของตนมาใช้ผิดเวลา

การพูดแบบยกตนข่มท่านนั้น นอกจากจะทำให้ผู้ฟังไม่ชอบใจลึกๆ แล้วยังทำให้ตนเองหลงตัวเองอีกด้วย เมื่อคนอื่นไม่รับฟัง ตนเองก็ไม่พอใจเอง หรือเค้ารับฟังไปอย่างนั้นเพื่อตัดเรื่อง ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งสองฝ่าย

ในอดีตมีนักการศานาหลายคน ต่างคนต่างสำเร็จดีกรีสูง เป็นดร.ทั้งนั้น แต่ต่างก็พยายามพูดโจมตีศาสนาอื่นๆ  การพูดหรือการเขียนในลักษณะนี้ ไม่ได้ประโยชน์อะไรซ้ำจะเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังคมด้วย

จริงๆ แล้วจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเปรียบเทียบกันเพื่อบอกว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาใด เพราะทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคลซึ่งต่างคนต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกันทั้งสิ้น ขอเพียงว่าเราไม่ทำอะไรอันเป็นการขัดศิลธรรมพื้นฐาน และขัดกฎหมายบ้านเมืองก็พอ

ผมอ่านงานเขียนของ Dr. Zakir Naik  ที่วิจารณ์หลักอริยสัจ และมรรค ของศาสนาพุทธ ก็พบว่าผู้เขียนยังขาดความเข้าใจในศาสนาพุทธอีกมาก

ขณะเดียวกันผมอ่าน ตาลาติตัมปัง ซึ่งผู้เขียนพยายามบอกว่าศาสนาอิสลามพยายามจะกลืนศาสนาพุทธในไทย ก็พบว่า ผู้เขียนก็เขียนโดยขาดความเข้าใจอีกมาก เช่นกัน และอาจจะทำให้เราเหมาว่าคนมุสลิมทุกคนเป็น "ผู้ก่อการร้ายไปได้" ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริงเลย

ทุกศาสนาก็มีทั้งคนดีและไม่ดีอยู่ปนกัน ในไทยเอง พุทธพาณิชย์ก็มีมาก ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สอนไว้ แม้แต่ในวงการพระสงฆ์ของไทยเองก็มีการบิดเบือนคำสอนอยู่มาก เพื่อหาประโยชน์อยู่ โดยไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เพราะอิทธิพลทางการเมืองและการเงิน อ้างว่าทำบุญมากๆ จะได้ขึ้นสวรรค์ จะรวยเป็นเศรษฐี สร้างเครือข่ายขนคนไปวัด พรือในวัดบางวัดเอง พระที่บวชอยู่ก็มีอันธพาล เลือกเฉพาะกลุ่มตนเองไปบิณฑบาตในสายที่จะได้ของสักการระบูชามากๆ แล้ว เอาของทำบุญไปขายเอาเงินเข้ากระป๋าเอง เรื่องพวกนี้เราทำไมไม่ช่วยกันจัดการ พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่าพุทธบริษัท ๔ นั้นเป็นเครื่องค้ำยันพระศาสนาให้เจริญสืบไป ตอนนี้ในไทยมีสามส่วน เพราะไม่มีภิษุณี ถ้าเรารักศาสนาพุทธจริง รักคำสอนของพระพุทธองค์จริงๆ ทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้ศาสนาของเราเข้มแข็งจากข้างในเหมือนแต่ก่อน เราอยากรักษาแต่เปลือกหรืออยากรักษาแก่น เหล็กจะไม่มีวันหักเพราะสนิมนอกอย่างเดียวฉันใด พุทธที่แท้จะไม่สูญสลายไป ถ้ายังมีพุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ เป็นตัวอย่าง เป็นเครื่องยังความศรัทธา และเลื่อมใสให้แก่สัปปุรุษผู้มีปัญญาต่อไป

ผู้เขียนไม่ปฏิเสธว่าจากการอ่านเอกสารทางอินเตอร์เน็ต มีความพยายามของกลุ่มคนมุสลิมหัวรุนแรงที่พยามสร้างใน การสร้าง Daulah Islamiah Raya   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามุสลิมทุกคนคิดอย่างนั้น อย่างน้อย ผมก็ว่า "ปู่เย็น" พระเอกในดวงใจผมคนนึงแหละครับที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น

 

ปัญหาที่น่าคิดคือ ความรู้อะไรที่น่าจะนำมาใช้ตอบปัญหาสังคมไทยในปัจจุบันที่มีความพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างศาสนาในสังคม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

และความรู้อะไรที่จะทำให้เราอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนกัน ยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน ก็นำพาบ้านเมืองของเราไปสู่ความเจริญทั้งด้านวัตถุและจิตใจ

 

๒.ความรู้ที่จำเป็นนั้นบางครั้งอาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ในเรื่องที่ผมยกตัวอย่าง ศาสตราจารย์นั้นมีความรู้หลากหลายแต่ความรู้ที่ควรมี คือ การว่ายน้ำ และการสร้างสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นกลับไม่มี

๓. คำว่าความรู้นั้นเป็นคำกลางๆ อาจจะมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้อย่างไร และเวลาใด จึงจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คน

๔. คนเราสามารถดี และเก่งได้โดยไม่ต้องข่มใคร ขัดขาใคร ความอ่อนน้อมไม่ได้หมายถึงการไม่มั่นใจ เราอ่อนน้อมถ่อมตัวแต่พอควร และมั่นใจในเรื่องที่ต้องมั่นใจนั่นแหละจึงเป็นทางสายกลาง และอยู่กับผู้อื่นอย่างมีความสุข

หมายเลขบันทึก: 337280เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2010 09:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน 2012 20:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณ สำหรับ ความรู้ที่ อาจารย์ นำมาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ นะครับ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านเสมอครับ ตั้งใจเรียนนะครับ ครูรู้ว่าเธอทำได้ ปัญหาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวตัดทิ้งไปก่อน ใส่ใจกับการเรียนให้มาก ท่านดาไลมะ เคยเขียนเอาไว้ว่า

เมื่อมีปัญหาที่แก้ไม่ได้จะทุกข์ไปทำไม เพราะทุกข์ ไปก็แก้ ไม่ได้ หรือเมื่อมีปัญหาที่แก้ได้ การทุกข์ใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะปัญนั้นนั้นแก้ได้อยู่แล้ว

สู้ๆ สู้เต้มที่ครับ

รักและปรารถนาดี

ขอบคุณมากครับ อ.วิว

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ และขอให้คำอวยพรนั้นกลับคืนสู่ตัวอาจารย์ด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท