การจูงใจลูกจ้างที่เป็นมืออาชีพเป็นสิ่งที่ยาก


ลูกจ้างที่เป็นมืออาชีพมีความแตกต่างจากลูกจ้างโดยทั่วไป และยากที่จะจูงใจพวกเขา ทำไม เพราะความเป็นมืออาชีพไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นแบบเดิมๆ ซึ่งคนทั่วไปตอบสนอง มืออาชีพเช่น วิศวกร, นักบัญชี, ทนายความ, พยาบาล และผู้ออกแบบโปรแกรมต่างจากบุคคลอื่น พวกเขาได้รับการมอบมหายงานเป็นระยะเวลานานในความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาของเขา ความจงรักภักดีของเขาจะมีต่อวิชาชีพของพวกเขามากกว่าที่จะมีต่อนายจ้าง และรางวัลที่พวกเขาได้รับ เช่น เงิน และการเลื่อนตำแหน่งยากที่จะมีผลกระทบในการกระตุ้นมืออาชีพให้แสดงความสามารถในระดับสูง

                มืออาชีพมองว่าความจงรักภักดีของพวกเขามีต่อวิชาชีพ ไม่ใช่ขึ้นกับองค์กรที่จ้างงานพวกเขา ตัวอย่าง เช่น พยาบาลอาจทำงานในโรงพยาบาลเมอร์ซี แต่พวกเขาก็อ่านวารสารพยาบาล เป็นสมาชิกของสมาคมพยาบาล เร่วมการประชุมวิชาการพยาบาล และพบปะสังสรรค์กับพยาบาลด้วยกันในช่วงพัก เมื่อถามว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อยังชีพ “พวกเขามีอาชีพเป็นพยาบาล” มากกว่าที่จะตอบว่า “พวกเขาทำงานที่โรงพยาบาลเมอร์ซี”

                เงินและการเลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่ได้รับการพิจรณาในลำดับหลังในรายการคามคาดหวังของมืออาชีพ ทำไม เพราะพวกเขาพยายามที่จะทำให้ดีและมีความสนุกกับสิ่งที่ทำ เช่น มืออาชีพจะไม่กังวลที่จะเลิกการทำงานของเขา เพื่อจะบริหารจัดการความรับผิดชอบ พวกเขาจะให้เวลาเป็นอย่างมากในการใช้เวลาในการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ พวกเขาจะเข้าเรียนหรือรับการอบรมเพื่อสร้างศักยภาพของพวกเขา พวกเขายังให้เวลากับการอ่าน การเรียน การเข้าร่วมประชุมวิชาการ และฝึกทักษะในวิชาชีพให้มีความทันสมัย การก้าวขั้นสู่การบริหารจัดการ หมายถึงดารตัดความสัมพันธ์ของพวกเขาจากอาชีพ พวกเขาสูญเสียความก้าวหน้าในสาขาวิชา และทำให้ทักษะที่พวกเขาพัฒนามาเป็นเวลานานล้าสมัย

                ความจงรักภักดีต่ออาชีพและการไม่ใส่ใจต่อรางวัลที่พวกเขาได้รับจากองค์กร ทำให้การจูงใจมืออาชีพมีความท้าทายและซับซ้อน พวกเขาพร้อมที่จะลาออกหากพวกเขาไม่ได้รับความพึงพอใจในฐานะนายจ้าง คุณอาจจะตัดสินใจที่จะไม่พัฒนาความเป็นมืออาชีพ เพราะพวกเขาไม่ตอบสนองความภักดีที่คุณให้

                คำถามแรกคือ ทำไมมืออาชีพที่มีความสามารถในระดับสูงจึงแตกต่างจากบุคคลทั่วไป สิ่งหนึ่งที่ทำให้มืออาชีพแตกต่าง คือ ความจงรักภักดีต่อวิชาชีพ แต่ไม่ใช่เอกลักษณ์ของมืออาชีพที่มีความสามารถเช่นน ช่างประปา, ช่างไฟ และผู้ประกอบวิชาชีพที่คล้ายคลึงกันอาจจะไม่สนใจในความเป็นมืออาชีพ แต่พวกเขามองตัวเอง ว่าเป็นผู้ประกอบกิจการ ร่วมกันมากกว่าเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง เช่นเดียวกัน พนักงานในโรงงานรถยนต์ที่ฟอร์ดและจีเอ็ม ก็ให้ความจงรักภักดีต่อสหภาพแรงงานรถยนต์

                แม้ว่าคุณจะยอมรับว่ามืออาชีพแตกต่างจากบุคคลทั่วไป ความแตกต่างเหล่านี้อาจจะง่ายต่อการจูงใจมืออาชีพ  สำหรับความเป็นมืออาชีพ การทำงานของพวกเขาคือชีวิตของพวกเขา พวกเขาให้นิยามสัปดาห์ของการทำงานคือ 8 ถึง 5 และ5 วันต่อสัปดาห์ การทำงาน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเรื่องปกติ พวกเขารักในสิ่งที่พวกเขาทำและเลือกการทำงานมากกว่าสิ่งอื่น เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาทำงาน พวกเขาจะเกิดแรงจูงใจในตนเอง

                ปัจจัยใดที่ทำให้พวกเขาสนุกกับการทำงาน ความท้ายทายของงานเป็นปัจจัยในระดับต้น พวกเขาชอบจัดการปัญหาและหาวิธีการแก้ไข พวกเขาชอบงานที่มีรูปแบบของงาน คืองานที่มีความหลากหลาย มีลักษณะเฉพาะ มีความสำคัญ มีอิสระ และมีผลสะท้อนกลับ มืออาชีพจะให้การสนับสนุน ตระหนักรู้ และให้โอกาสในการตรวจสอบและขยายความเชี่ยวชาญในอาชีพ

                ดังนั้น คุณจะจูงใจมืออาชีพได้อย่างไร จัดให้พวกเขาได้ดำเนินงานโครงการที่มีความท้าทาย ให้อิสระความสนใจ และให้พวกเขาสร้างงานขึ้น ในวิถีทางที่พวกเขาค้นพบให้โอกาสในการย้ายงาน ซึ่งจะทำให้เขามีประสบการณ์ที่กว้างขึ้น ให้รางวัลที่เกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษา อบรม, ปฏิบัติการ, การเข้าร่วมประชุมทางวิชาการ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความทันสมัยในวิชาชีพ นอกจากนี้ ให้รางวัลพวกเขาด้วยความรู้ และพิจารณาการสร้างทางเลือกในอาชีพ เพื่อที่พวกเขาจะหาเงินได้มากขึ้น และสถานภาพสูงขึ้น โดยไม่ต้องการความรับผิดชอบในการจัดการ ตัวอย่างเช่น Merok, IBM, และ AT&T นักวิทยาศาสตร์, วิศวกร, และนักวิจัยที่ดีที่สุดได้รับตำแหน่ง เช่น นักวิทยาศาสตร์อาวุโส พวกเขาได้รับเงินเดือนและชื่อเสียงเทียบเท่ากับผู้จัดการ แต่ไม่ต้องมีอำนาจในการจัดการ หรือความรับผิดชอบ 

ลูกจ้างที่เป็นมืออาชีพมีความแตกต่างจากลูกจ้างโดยทั่วไป และยากที่จะจูงใจพวกเขา ทำไม เพราะความเป็นมืออาชีพไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นแบบเดิมๆ ซึ่งคนทั่วไปตอบสนอง มืออาชีพเช่น วิศวกร, นักบัญชี, ทนายความ, พยาบาล และผู้ออกแบบโปรแกรมต่างจากบุคคลอื่น พวกเขาได้รับการมอบมหายงานเป็นระยะเวลานานในความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาของเขา ความจงรักภักดีของเขาจะมีต่อวิชาชีพของพวกเขามากกว่าที่จะมีต่อนายจ้าง และรางวัลที่พวกเขาได้รับ เช่น เงิน และการเลื่อนตำแหน่งยากที่จะมีผลกระทบในการกระตุ้นมืออาชีพให้แสดงความสามารถในระดับสูง

                มืออาชีพมองว่าความจงรักภักดีของพวกเขามีต่อวิชาชีพ ไม่ใช่ขึ้นกับองค์กรที่จ้างงานพวกเขา ตัวอย่าง เช่น พยาบาลอาจทำงานในโรงพยาบาลเมอร์ซี แต่พวกเขาก็อ่านวารสารพยาบาล เป็นสมาชิกของสมาคมพยาบาล เร่วมการประชุมวิชาการพยาบาล และพบปะสังสรรค์กับพยาบาลด้วยกันในช่วงพัก เมื่อถามว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อยังชีพ “พวกเขามีอาชีพเป็นพยาบาล” มากกว่าที่จะตอบว่า “พวกเขาทำงานที่โรงพยาบาลเมอร์ซี”

                เงินและการเลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่ได้รับการพิจรณาในลำดับหลังในรายการคามคาดหวังของมืออาชีพ ทำไม เพราะพวกเขาพยายามที่จะทำให้ดีและมีความสนุกกับสิ่งที่ทำ เช่น มืออาชีพจะไม่กังวลที่จะเลิกการทำงานของเขา เพื่อจะบริหารจัดการความรับผิดชอบ พวกเขาจะให้เวลาเป็นอย่างมากในการใช้เวลาในการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ พวกเขาจะเข้าเรียนหรือรับการอบรมเพื่อสร้างศักยภาพของพวกเขา พวกเขายังให้เวลากับการอ่าน การเรียน การเข้าร่วมประชุมวิชาการ และฝึกทักษะในวิชาชีพให้มีความทันสมัย การก้าวขั้นสู่การบริหารจัดการ หมายถึงดารตัดความสัมพันธ์ของพวกเขาจากอาชีพ พวกเขาสูญเสียความก้าวหน้าในสาขาวิชา และทำให้ทักษะที่พวกเขาพัฒนามาเป็นเวลานานล้าสมัย

                ความจงรักภักดีต่ออาชีพและการไม่ใส่ใจต่อรางวัลที่พวกเขาได้รับจากองค์กร ทำให้การจูงใจมืออาชีพมีความท้าทายและซับซ้อน พวกเขาพร้อมที่จะลาออกหากพวกเขาไม่ได้รับความพึงพอใจในฐานะนายจ้าง คุณอาจจะตัดสินใจที่จะไม่พัฒนาความเป็นมืออาชีพ เพราะพวกเขาไม่ตอบสนองความภักดีที่คุณให้

                คำถามแรกคือ ทำไมมืออาชีพที่มีความสามารถในระดับสูงจึงแตกต่างจากบุคคลทั่วไป สิ่งหนึ่งที่ทำให้มืออาชีพแตกต่าง คือ ความจงรักภักดีต่อวิชาชีพ แต่ไม่ใช่เอกลักษณ์ของมืออาชีพที่มีความสามารถเช่นน ช่างประปา, ช่างไฟ และผู้ประกอบวิชาชีพที่คล้ายคลึงกันอาจจะไม่สนใจในความเป็นมืออาชีพ แต่พวกเขามองตัวเอง ว่าเป็นผู้ประกอบกิจการ ร่วมกันมากกว่าเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง เช่นเดียวกัน พนักงานในโรงงานรถยนต์ที่ฟอร์ดและจีเอ็ม ก็ให้ความจงรักภักดีต่อสหภาพแรงงานรถยนต์

                แม้ว่าคุณจะยอมรับว่ามืออาชีพแตกต่างจากบุคคลทั่วไป ความแตกต่างเหล่านี้อาจจะง่ายต่อการจูงใจมืออาชีพ  สำหรับความเป็นมืออาชีพ การทำงานของพวกเขาคือชีวิตของพวกเขา พวกเขาให้นิยามสัปดาห์ของการทำงานคือ 8 ถึง 5 และ5 วันต่อสัปดาห์ การทำงาน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเรื่องปกติ พวกเขารักในสิ่งที่พวกเขาทำและเลือกการทำงานมากกว่าสิ่งอื่น เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาทำงาน พวกเขาจะเกิดแรงจูงใจในตนเอง

                ปัจจัยใดที่ทำให้พวกเขาสนุกกับการทำงาน ความท้ายทายของงานเป็นปัจจัยในระดับต้น พวกเขาชอบจัดการปัญหาและหาวิธีการแก้ไข พวกเขาชอบงานที่มีรูปแบบของงาน คืองานที่มีความหลากหลาย มีลักษณะเฉพาะ มีความสำคัญ มีอิสระ และมีผลสะท้อนกลับ มืออาชีพจะให้การสนับสนุน ตระหนักรู้ และให้โอกาสในการตรวจสอบและขยายความเชี่ยวชาญในอาชีพ

                ดังนั้น คุณจะจูงใจมืออาชีพได้อย่างไร จัดให้พวกเขาได้ดำเนินงานโครงการที่มีความท้าทาย ให้อิสระความสนใจ และให้พวกเขาสร้างงานขึ้น ในวิถีทางที่พวกเขาค้นพบให้โอกาสในการย้ายงาน ซึ่งจะทำให้เขามีประสบการณ์ที่กว้างขึ้น ให้รางวัลที่เกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษา อบรม, ปฏิบัติการ, การเข้าร่วมประชุมทางวิชาการ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความทันสมัยในวิชาชีพ นอกจากนี้ ให้รางวัลพวกเขาด้วยความรู้ และพิจารณาการสร้างทางเลือกในอาชีพ เพื่อที่พวกเขาจะหาเงินได้มากขึ้น และสถานภาพสูงขึ้น โดยไม่ต้องการความรับผิดชอบในการจัดการ ตัวอย่างเช่น Merok, IBM, และ AT&T นักวิทยาศาสตร์, วิศวกร, และนักวิจัยที่ดีที่สุดได้รับตำแหน่ง เช่น นักวิทยาศาสตร์อาวุโส พวกเขาได้รับเงินเดือนและชื่อเสียงเทียบเท่ากับผู้จัดการ แต่ไม่ต้องมีอำนาจในการจัดการ หรือความรับผิดชอบ

หมายเลขบันทึก: 337019เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2010 13:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 10:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท