สังคมมนุษย์นั้นเรามีความเชื่อว่าค่านิยมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดพฤติกรรมของบุคคล เพราะค่านิยมจะเป็นเครื่องตัดสิน กำหนดหรือผลักดันให้บุคคลแสดงพฤติกรรมไปทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นค่านิยมจึงเป็นพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้พฤติกรรมทางสังคมส่วนใหญ่ของมนุษย์ (สมาน ชาลีเครือ, 2523 )
นอกจากนี้ค่านิยมยังเป็นเครื่องชี้แนวทางและลักษณะความประพฤติของคนในสังคมดังนั้นการปลูกฝังและพัฒนาค่านิยมอันดีงามให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติจึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องกระทำโดยไม่ชักช้า และจะต้องมีการกระทำที่ต่อเนื่องในทุกระดับการศึกษา (พนัส หันนาคินทร์, 2520 ) เพราะพลังอำนาจแห่งชาติจะมั่นคงเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับคนภาพของคนในชาติ ซึ่งย่อมจะประพฤติและปฏิบัติตามค่านิยมที่ตนยอมรับนับถืออยู่ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าสังคมจะเจริญก้าวหน้าหรือเสื่อมไปในทิศทางใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับค่านิยมของสังคมเป็นสำคัญเพราะฉะนั้นการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องและเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้เกิดขึ้นในสังคม (อานนท์ อาภาภิรมย์ ,2517 ) ค่านิยมของสังคมจึงมีความสำคัญต่อการแสดงพฤติกรรมของคนในสังคม เนื่องจากค่านิยมเป็นตัวควบคุมการตัดสินใจของคนในสังคม จึงมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของคนส่วนมาก (อารง สุทธาศาสน์และคณะ ,2525 )
ค่านิยม (หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา,2529) หมายถึง ความเชื่อของบุคคลส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าสิ่งใดมีค่า มีความสำคัญ และเป็นที่ปรารถนาในขณะที่สิ่งอื่นมีค่า มีความสำคัญน้อยกว่า หรือไม่เป็นที่ต้องการ ในลักษณะดังกล่าวค่านิยมจึงเป็นมาตรฐานในการรับรู้ การประเมิน การเลือก และการตัดสินใจของบุคคลว่าควรทำหรือไม่ควรทำ มีค่าหรือไม่มีค่า สำคัญหรือไม่สำคัญ นอกจากนี้ค่านิยมยังทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดเป้าหมาย และสร้างแรงจูงใจ ผลักดันให้บุคคลมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ โดยไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องก่อให้เกิดความดีแก่สังคมด้วยหรือไม่
ไพฑูรย์ เครือแก้ว (ไพฑูรย์ เครือ แก้ว, 2518 ) กล่าวว่า “ค่านิยมของสังคมหมายถึงสิ่งที่คนสนใจ สิ่งที่คนปรารถนาจะได้ ปรารถนาจะเป็นหรือกลับกลายมาเป็นสิ่งที่คนถือว่าเป็นสิ่งบังคับ ต้องทำปฏิบัติ เป็นสิ่งที่คนบูชายกย่องและมีความหมายต่อบุคคลและเป็นแบบฉบับความคิดที่ฝังแน่นสำหรับยึดถือในการปฏิบัติตัวของคนในสังคม”
พอสรุปได้ว่า “ค่านิยม” หมายถึงความรู้สึก ซึ่งประกอบไปด้วยความนิยมชมชอบ พอใจ ยกย่องบูชา ต้องการและการตีค่าสิ่งต่างๆ โดยพิจารณาคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งนั้นในเชิงจิตวิทยา สังคม จริยศาสตร์ ศาสนาและสุนทรียศาสตร์ เมื่อบุคคลพิจารณาตัดสินแล้วบุคคลจะยึดถือตามคุณลักษณะนั้นต่อไป เช่น เมื่อบุคคลใดมีค่านิยมต่ำในสิ่งใดก็จะแสดงออกในการยอมรับนับถือในสิ่งนั้นในอันดับต่ำ ค่านิยมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดแบบฉบับบุคลิกภาพ หรือลักษณะของการประพฤติปฏิบัติของบุคคลในสังคม และจะส่งผลต่อคุณภาพของสังคมที่บุคคลเป็นสมาชิกอยู่
สาโรธ บัวศรี (2527 ) กล่าวว่า การแบ่งประเภทของค่านิยมกระทำได้หลายวิธี แล้วแต่ว่าผู้แบ่งจะยึดอะไรเป็นพื้นฐานในการการแบ่ง ไม่มีการแบ่งที่เป็นการตายตัวอย่างเพียงอย่างเดียว ถ้าผู้แบ่งยึดถือพระผู้เป็นเจ้าหรือพระศาสดาเป็นหลักสำคัญ ก็อาจจะแบ่งค่านิยมออกได้ เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
แต่ถ้าแบ่งยึดถือเอาวิชาชีพ (Profession) เป็นหลักสำคัญก็อาจจะแบ่งค่านิยมออกเป็น 2 ประเภท เช่นกัน คือ
ศีลธรรม (Moral Values)
คุณธรรม (Ethical Values)
ธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม (Cultural Values)
กฎหมาย (Legal Values)
อุดมการณ์ประจำวิชาชีพของตน เช่น นักการศึกษา อาจมีอุดมการณ์ 3 ประการ คือวิชาการ วิจัย การใช้ความคิดใหม่
วินัยประจำวิชาอาชีพของตน
มารยาทประจำวิชาชีพของตน
พระราชบัญญัติประจำวิชาชีพของตนโดยเฉพาะ
ในการแบ่งประเภทของค่านิยมทั้งสองประการดังกล่าวมาแล้วจะเห็นว่า เนื้อหานั้นเหมือนกัน แต่วิธีการแบ่งนั้นต่างกัน ทั้งนี้อาจจะยังมีวิธีอื่นๆ อีกแล้วแต่จุดประสงค์ของผู้แบ่ง เช่น อี.สแปรนเจอร์ (E. Spranger) ได้จำแนกลักษณะของค่านิยม โดยการพิจารณาตามลักษณะการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมด้านต่างๆ ออกเป็น 6 ประเภท คือ
นอกจากนี้ยังมีนักสังคมวิทยาได้จำแนกลักษณะของค่านิยมตามกลุ่มคน โดยพิจารณาจำแนกเป็นระดับบุคคล กลุ่มคน และสังคม หรือถ้าผู้จำแนกยึดถือลักษณะของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมออาจจำแนกลักษณะของค่านิยมออกเป็นค่านิยมที่มีลักษณะยืนยงถาวรหรือเปลี่ยนแปลงกับค่านิยมที่มีลักษณะระดับของความสำคัญมากน้อย หรือลักษณะของค่านิยมที่เป็นความเชื่อ
ค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ ที่คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันส่งเสริมปลูกฝังและปฏิบัติตาม คือ
จากค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ แบ่งออกได้ 3 ประเภท ตามผลที่เกิดขึ้นหรือจุดหมายปลายทางที่ต้องการสำหรับส่วนบุคคล (ตนเอง) ส่วนสังคม และประเทศชาติ คือ
1.ค่านิยมเกี่ยวกับตนเอง ได้แก่ ค่านิยมการพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร และมีความรับผิดชอบกับค่านิยมการ ประหยัดและออม
2.ค่านิยมเกี่ยวกับสังคมได้แก่ ค่านิยมการมีระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย กับค่านิยมการปฏิบัติตาม คุณธรรมของศาสนา
3.ค่านิยมเกี่ยวกับชาติ ได้แก่ ค่านิยมความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
4. ความสำคัญของค่านิยม
ค่านิยม เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากว่าค่านิยมที่มนุษย์เรามีอยู่นั้นทำหน้าที่มากมายหลายอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตของเราที่สำคัญ คือ
ด้วยเหตุที่ค่านิยมเป็นตัวกำหนดความประพฤติและการปฏิบัติของตน และการประพฤติการปฏิบัติของตนเป็นตัวการทำให้สังคมเปลี่ยนไป เราจึงอาจจะกล่าวได้ว่าค่านิยม มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ก็มีส่วนทำให้ค่านิยมใหม่ๆ เกิดขึ้นได้เหมือนกัน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ค่านิยมเป็นได้ทั้งเหตุและผลของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นค่านิยมจึงมีความสำคัญมาก เพราะส่งผลกระทบกระเทือนถึงความเจริญ ความเสื่อมของสังคม และความมั่งคงของชาติ กล่าวคือ สังคมที่มีค่านิยมที่เหมาะสม ถูกต้อง เช่น ความซื่อสัตว์ ความขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย ความสามัคคี เป็นต้น สังคมนั้นย่อมจะเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน สังคมใดมีค่านิยมไม่เหมาะสม เช่น ขาดระเบียบวินัย ไร้ความสามัคคี เกียจคร้าน ฯลฯ สังคมนั้นจะเสื่อมลงและขาด ชความมั่นคงภายในชาติ จึงจำเป็นอย่างยิงที่สังคมจะต้องสร้างค่านิยมที่เหมาะสมและเป็นค่านิยมที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่พึงปรารถนามากที่สุด
ค่านิยมเกิดขึ้นจากผลผลิตของวัฒนธรรม สังคม สถาบัน รวมทั้งแรงผลักดันส่วนบุคคล ซึ่งต่างก็มีอิทธิพลในการปั้นแต่งค่านิยมขึ้นมาทั้งนั้น แต่ค่านิยมที่จะเกิดขึ้นมาและเจริญงอกงามได้ดีเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญ อยู่ 2 ประการ (สมบูรณ์ ตันยะ,2542)ได้แก่
หากปัจจัย 1 และ 2 แปรเปลี่ยนไป ค่านิยมย่อมแปรเปลี่ยนไปด้วยในทิศทางเดียวกันกับปัจจัยนั้นๆ ในเรื่องนี้ พนัส หันนาคินทร์ (พนัส หันนาคินทร์, 2520 ) ได้สรุปแนวคิดเกี่ยวกับค่านิยม ที่สนับสนุนเรื่องนี้ว่า ค่านิยมของแต่ละคนนั้น เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วของเขา และเนื่องจากประสบการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ลุบุคคล จึงทำให้ค่านิยมของแต่ละบุคคลผิดแผนแตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรม หรือสังคมเดียวกันก็ตาม เมื่อประสบการณ์ของแต่ละบุคคลมีเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีผลกระทบกระเทือนทำให้เขาเปลี่ยนแปลงและวุฒิภาวะของประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ
ดังนั้นกล่าวได้ว่า ค่านิยมเกิดขึ้นเพราะพื้นฐานความต้องการโดยธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยการเรียนรู้ แล้วกลายเป็นค่านิยมขึ้นมา ค่านิยมที่ก่อตัวและฝังรากลึกนานเข้าก็จะมีอิทธิพลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของบุคคลที่แสดงออกในช่วยระยะเวลาหนึ่ง และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลสมัย สภาพแวดล้อมและบุคคลในสังคม
5.ระบบค่านิยม
สุนทรี โคมิน และสนิท สมัครการ (สุนทรี โคมิน และสนิท สมัครการ, 2522 ) ได้กล่าวถึงระบบค่านิยมและหน้าที่ของค่านิยมไว้ว่า ค่านิยมคือความเชื่ออย่างหนึ่งซึ่งมีลักษณะถาวรที่เชื่อว่า “วิถีปฏิบัติ” บางอย่าง หรือ “เป้าหมายของชีวิต” บางอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ตังเองหรือสังคมเห็นดีเห็นชอบ สมควรที่จะยึดถือหรือปฏิบัติมากกว่า “วิถีปฏิบัติ” หรือ “เป้าหมาย” อย่างอื่น ด้วยเหตุนี้ระบบค่านิยม จึงหมายถึง การรวมกันของความเชื่อดังกล่าวให้เข้าเป็นระบบความเชื่อที่มีลักษณะถาวรลดหลั่นกันตามลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ระบบค่านิยมของคนๆ หนึ่ง หรือคนกลุ่มหนึ่ง ก็คือภาพรวมที่ได้มาจากแสดงออกซึ่งค่านิยมต่างๆ ที่บุคคลนั้นหรือกลุ่มได้เลือกแล้ว
6.หน้าที่ของค่านิยม
สำหรับหน้าที่ของค่านิยมนั้น จำแนกได้ 3 ประการ คือ
ประการแรก ค่านิยมทำหน้าที่เป็นเกณฑ์ (Criteria) หรือมาตรฐาน (standards) ที่ใช้นำการกระทำ พฤติกรรมการปฏิบัติหลายทาง คือ
1.ค่านิยมชักจูงบุคคลให้แสดงจุดยืนของเขาในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับสังคมออกมาเห็นได้ชัด
2.ค่านิยมเป็นตัวช่วยกำหนดให้บุคคลเลือกอุดมการณ์ทางการเมือง บางอุดมการณ์มากกว่าอุดมการณ์อื่นๆ
3.ค่านิยมเป็นปทัสถาน ที่ช่วยนำการกระทำให้บุคคลประพฤติและแสดงตัวต่อผู้อื่นตามที่ประพฤติเป็นปกติอยู่ทุกวัน
4.ค่านิยมเป็นปทัสถานที่ใช้ในการประเมิน ตัดสิน ชื่นขม ยกย่องหรือตำหนิติเตียนตัวเอง หรือการกระทำของคนอื่น
5.ค่านิยมเป็นจุดศูนย์กลางของการศึกษากระบวนการเรียบเทียบ คือใช้ค่านิยมเป็นปทัสถานในการเปรียบเทียบว่า บุคคลมีค่านิยม ความสามารถเท่ากับผู้อื่นมากน้อยแค่ไหน
6.ค่านิยมเป็นปทัสถานที่ถูกใช้เป็นฐานสำหรับกระบวนการให้เหตุผลต่อความนึกคิด และการกระทำของตน เพื่อธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของตน
ประการที่ 2 ค่านิยมทำหน้าที่เป็นที่รวมของหลักการและเกณฑ์ ต่างๆ ที่เรียนรู้มา เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกระหว่างทางเลือกต่างๆ และเป็นการช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ประการที่ 3 ค่านิยมทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ความต้องการของมนุษย์โดยถือว่า ค่านิยมเป็นองค์ประกอบของแรงจูงใจในตัวเช่นเดียวกับองค์ประกอบทางด้านความรู้สึก อารมณ์และพฤติกรรมค่านิยม “วิถีปฏิบัติ” เป็นแรงจูงใจก็เพราะวิถีปฏิบัติที่คิดว่าดีที่สุด (idealized) เป็นวิถีทางหรือเป็นเครื่องมือที่ช่วยนำไปสู่เป้าหมายปลายทางที่ปรารถนาในทาง “ค่านิยมจุดหมายปลายทาง” ส่วนค่านิยมจุดหมายปลายทาง เป็นแรงจูงใจที่เป็นเป้าหมายที่เหนือกว่า (Super goal) เป้าหมายเร่งด่วนเฉพาะหน้า (Urgent Immediate goal)
6.เกณฑ์สำหรับพิจารณาค่านิยม
การที่จะพิจารณาว่า คุณลักษณะใดเป็นค่านิยมหรือไม่นั้น ควรได้พิจารณาตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือ (พนัส หันนาคินทร์ , 2520 )
แนวคิด อุดมคติหรือคุณลักษณะใดหากขาดคุณสมบัติทั้ง 7 ประการนี้ ไม่ว่าจะขาดคุณสมบัติใดคุณสมบัติหนึ่ง ย่อมน่าจะสงสัยว่าจะเป็นค่านิยมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอาจจะมีค่านิยมบางอย่างที่เป็นที่ยอมรับนับถือและถ่ายทอดกันมาเป็นมาดกทางวัฒนธรรม จนถือได้ว่าเป็นค่านิยมที่มีลักษณะคงตัวเป็นค่านิยมหรือลักษณะนิสัยประจำชาติ ค่านิยมเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องปลูกฝังให้แก่เยาวชนโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยไม่มีทางเลือกและโดยรีบเร่ง เพื่อให้บังเกิดผลเป็นค่านิยมประจำตัวเยาวชนได้ทันกาล เช่น ค่านิยมเรื่องความรักชาติ ความเป็นชาตินิยมความนิยมไทย ความสำนึกในหน้าที่ ความกตัญญูกตเวทีและความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เป็นต้น
7. ค่านิยมในสังคมไทย
ในแต่ละสังคมมีลักษณะภายในที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัย ความคิด ความเชื่อ แบบแผนในการดำเนินชีวิต ตลอดจนค่านิยมที่บุคคลภายในสังคมยึดถือ ในขณะเดียวกันเมื่อสภาพแวดล้อม สังคมภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงไปก็มีผลให้ค่านิยมของบุคคลในสังคมนั้นๆ เปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น เดียวกัน สังคมไทยดั้งเดิมเป็นสังคมแบบเกษตรกรรม คนในสังคมส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ บรรทัดฐานทางสังคม และค่านิยมส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานมาจากศาสนาพุทธนอกจากนี้ยังมีที่มาจากพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ ระบบศักดินา ระบบเกษตรกรรม ความเชื่อในอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความกลัวที่ไม่มีค่านิยมที่เด่นๆ ดังต่อไปนี้
ต่อมาเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิต สังคมและการศึกษาของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปในบางส่วนโดยมีค่านิยมที่สรุปได้ดังนี้ (กีรติ ศรีวิเชียร และคณะ , 2523 )
เพ็ญแข วัจนสุนทร (เพ็ญแข วัจนสุนทร 2523) ได้รวบรวมค่านิยมของคนไทยจากากรศึกษาในสำนวนภาษิต และคำพังเพยที่พูดสืบต่อกันมาแต่โบราณ กาล มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ขอบคุณสำหรับคำติ ชมที่สร้างสรรค์ แต่สำหรับผู้ที่มีเจตนาร้าย ถ้าเว็บไซต์นี้ไม่ดีแล้วคุณจะเข้ามาเพื่อไร เข้ามาระบายอารมณ์ ส่งภาษาที่แสดงถึงสกุลของคุณว่าต่ำอย่างยิ่ง คนมีการศึกษาเข้าไม่ทำกันเยี่ยงนี้ ไร้มารยาท...
อยากได้ที่มาของ อ้างอิง จังเลยค่ะ