ธรรมะในห้าง
เมื่อก่อนถ้าพูดถึงว่าจะฟังเทศน์ฟังธรรม ก็ต้องที่วัดหรือไม่ก็บ้านเจ้าภาพที่จัดงานที่มีการประกอบกิจกรรมทางศาสนา หรือนอกจากนี้ก็อาจเป็นการอบรมสั่งสอนของผู้ใหญ่ในครอบครัวเนื่องในโอกาสต่างๆ ปู่ ย่า ตา ยายเล่านิทานสอนหลานแทรกคติธรรมอะไรแบบนั้น แต่ที่ชัดเจนที่สุดในภาพที่เราๆ ท่านๆเข้าใจได้ก็คือต้องที่วัดนั่นแหละ
แต่ ณ วันนี้ หลายคนไม่ค่อยถนัดเข้าวัดฟังธรรมกันเท่าใดนัก โดยเฉพาะเยาวชน ในที่นี้ขอย้ำว่าไม่หมายถึงทั้งหมดทุกคนนะครับ เพราะผมก็ไม่ได้มีตัวเลขทางสถิติหรือข้อมูลสำรวจใดมาอ้างอิง แต่คงไม่ปฏิเสธว่าสถานการณ์มันเป็นเช่นนั้น หากจะพูดถีงต้นสาย ปลายเหตุ ว่าทำไมคนเข้าวัดน้อยลงเมื่อเทียบกับเมื่อสมัยก่อน ก็คงมีสาเหตุมากมายทั้งฝ่ายวัดเองก็มีมาก เหตุจากคนทางบ้านเองก็มีเยอะ แต่เอาเป็นว่าไม่กล่าวรายละเอียดตอนนี้ เพราะวันนี้ต้องการหยิบยกประเด็นธรรมะในห้างในมุมมองของตนเอง เท่านั้น
ถ้าถามลูกว่าอยากไปเดินเที่ยวในห้าง(สรรพสินค้า) กับพ่อชวนไปวัด ลูกอยากไปที่ไหนกว่ากัน เด็กก็คงตอบว่าไปห้าง เพราะมันมีสิ่งเพลิดเพลิน มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีอะไรต่อมิอะไร ที่ตื่นตาตื่นใจมากกว่าวัดแน่นอน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็คงไม่ต่างกัน เพราะก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าทั้งสิ่งจำเป็น และเกินจำเป็นก็รวมอยู่ในที่ๆแห่งนั้น แล้วแต่เราจะสรรหาหยิบจับเอามาตามความถนัด ในส่วนตัวผมคิดว่าไม่เสียหาย ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานภายในตัวของเรา
วันนี้ตอนเช้าผมพาลูกไปสมัครเพื่อสอบเข้าเรียนในโรงเรียนใหม่ เสร็จแล้วลูกจะมีเรียนเพิ่มเสริมในตอนบ่าย ตอนนี้เลยต้องรอเวลาจนกว่าจะบ่าย พ่อลูกจึงชวนกันไปเดินที่ห้างสรรสินค้าแห่งหนึ่ง โดยมีเป้าหมายที่ร้านขายหนังสือขาประจำในห้างนั้นเลย ไปถึงแต่ละคนก็เข้าประจำมุมถนัดของตนเองทันที ลูกสาวประจำที่หมวดการ์ตูน นิทาน หนังสืออ่านเล่น พ่อก็หยุดที่มุมหนังสือขายดี ตั้งข้อสังเกตว่าเดี๋ยวนี้มีหนังสือแนวธรรมะ หนังสือที่ชี้หลักคำสอนในศาสนามาสู่แนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน หรือหนังสือที่เขียนเชิงเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับพุธทศาสตร์หรือปรัชญาให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษา ออกมาค่อนข้างมาก แถมบางเล่มติดอันดับหนังสือขายดี ซึ่งอ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ สัมผัสได้ไม่ยาก ให้ความรู้สึกว่าน่าอ่าน น่าติดตาม เห็นว่าธรรมะไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเกินกำลัง ปุถุชนทั่วไปสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับจังหวะการดำเนินชีวิตตามแต่สมควรได้ง่าย
เปิดอ่านดูหลายเล่มพอควร ทำให้นึกถึงประเด็นที่มีการกล่าวถึงการนำวัดในห้าง อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็มีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นดีด้วยก็มี หลากหลายมุมมอง โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าแนวคิดเรื่องวัดในห้างอาจมาจากการพยายามสร้างโอกาสการเข้าถึงธรรมะของพุทธศาสนิกชน ที่เห็นว่าผู้คนนิยมไปห้างมากว่าไปวัด ห่างไกลวัดจึงต้องการขยับวัดเข้ามารุก ซึ่งหากเป็นแบบนั้นมีหัวข้อที่ต้องให้ความสนใจคือ ความหมายการไปวัดคืออะไร ไปเพื่อทำอะไร แล้วจะได้อะไรจากการไปทำเช่นนั้น ประเด็นต่อมาต้องถามว่าทำไมคนไม่ค่อยไปวัดเหมือนเดิมแล้ว ไปแล้วเข้าไม่ถึงแก่น ฟังแล้วสื่อสารไม่เข้าใจ ไม่ได้คำตอบที่ตรงใจ คำตอบคืออะไรฯลฯ
ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าที่วัด (เป็นไปได้ก็ทุกวัด) มีวิธีการเทศนาในวัด เป็นเหมือนหนังสือที่ผมกำลังหยิบอ่านนี้ คนน่าจะอยากฟัง เพราะฟังแล้วเข้าถึงได้ เนื้อหาไม่ดูไกลโพ้น รู้สึกสัมผัสได้ อยากรู้ อยากติดตามเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าใจมากขึ้น ถ้าได้น้อมนำมาปฏิบัติ (เหมือนกับผู้คนรุ่นก่อนๆที่นานมาแล้ว) หลายๆ เรื่องที่เห็นอยู่นี้อาจวุ่นวายน้อยลง
มองดูนาฬิกาใกล้จะได้เวลาต้องไปเรียนแล้ว จึงเดินไปที่มุมหนังสือการ์ตูนชวนลูกออกมาจากร้านหนังสือ ตอนที่เดินผ่านสิ่งต่างๆนั้นก็ได้ข้อคิดว่า ในห้างสรรพสินค้าก็ยังมีมุมดีๆ มีประโยชน์อยู่ ขึ้นอยู่ตัวเราเองหรอกนะที่จะเลือก ขึ้นอยู่ภูมิต้านทานในใจของเราที่สร้างไว้ แม้แต่ตอนที่พ่อไปอ่านหนังสือธรรมะ ลูกก็ยังอยู่อีกคนละมุม แต่ละคนไม่เหมือนกันขณะที่บางคนได้รถเข็นแล้วเดินไปหยิบไปแบบไม่มีแผนล่วงหน้า แต่บางคนยังคิดแล้วคิดอีกก่อนหยิบมาใส่รถ ถ้าจะว่าไปแล้วไปเดินห้างบ่อยเพื่อฝึกความอดทนต่อสู้กับความอยากได้ที่เกินจำเป็น หรือฝึกตั้งสติก่อนสตาร์ทรถเข็นก็ดีเหมือนกันนะ พยายามรู้เท่าทันความอยากของตนเอง ฝึกใจเย็นไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุที่มีอยู่มากมาย คิดดีๆก่อนจ่าย
...นี่ก็คือ ธรรมะในห้าง เหมือนกัน..
ไม่มีความเห็น