หน้าแรก
สมาชิก
ดร.สิทธิพล พหลทัพ
สมุด
รองฯ Sittipon
เทคโนโลยีสารสนเทศ...
ดร.สิทธิพล พหลทัพ
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการบริหารการศึกษา
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการบริหาร
วิทยาการก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร เป็นปัจจัยผลักดันที่ทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างพลโลก อย่างไร้พรหมแดน (Globalization) อย่างรวดเร็วนำไปสู่การผสมผสานความคิด ค่านิยม ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างมวลมนุษย์ชาติ ที่เรียกว่า “กระแสโลกาภิวัฒน์” เทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ เกิดการแข่งขันในด้านข้อมูลข่าวสาร ด้วยการนำเอาความรู้และเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพื่อมุ่ง เป้าหมายความเป็นเศรษฐกิจและสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge-based Economy/Society) คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ และการจัดการที่ใช้กันอย่างได้ผลในการบริหารในยุคของการเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า ยุคโลกาภิวัฒน์ อาจจะไม่เพียงพอหรือทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก จำเป็นต้องเพิ่มปัจจัยอีก 2 ประการเพื่อการบริหารองค์การให้ประสบผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนั้น คือ ระบบข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งถือว่ามีบทบาทที่สำคัญต่อการบริหารงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาหรือไปสู่เป้าหมายอันเป็นทิศทางขององค์การทุกระดับเป็นอย่างมาก (บรรเจิด สิทธิโชค, 2539 )
ประเทศไทยในฐานะที่อยู่ร่วมในสังคมโลก ทำให้ได้รับผลกระทบจากกระแสของโลกาภิวัฒน์ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงได้กำหนดแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศสำคัญไว้ 5 กลุ่ม คือ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านภาครัฐ (e-Government) เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านพาณิชย์ (e-Commerce) เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม (e-Industry) เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านการศึกษา (e-Education) และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านสังคม (e-Society) การศึกษาในฐานะกลไกพื้นฐานของการพัฒนาคน เป็นสิ่งที่สังคมคาดหวังว่าจะเป็นเครื่องเตรียมคนและสังคมให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการศึกษาในยุคโลกาภิวัฒน์ จึงเป็นการเตรียมกำลังคนที่มีความฉลาดในการที่จะเป็นบุคลากร นักคิดและนักเลือกข่าวสารข้อมูลมาใช้ในการดำเนินชีวิต การวางแผนเพื่อพัฒนาการศึกษาจึงต้องเน้น การวางแผนในเชิงรุก โดยวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของกระแสโลกที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย และวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาประเทศไทยโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเพื่อหาทิศทางการพัฒนา “ คุณภาพคนไทย” อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้รู้ทันโลก คนมีความสุข ครอบครัวและชุมชนมีสันติสุข การจัดการศึกษาในปัจจุบัน จึงได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุคโลกาภิวัฒน์ ให้มีความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลและข่าวสาร รูปแบบวิธีการเรียนการสอนที่เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล มากขึ้น กระบวนการเรียนการสอนเปลี่ยนบทบาทของครูจากการเป็นผู้ให้ ผู้ถ่ายทอด มาเป็นผู้ออกแบบการศึกษา เพื่อพัฒนาคนที่มีความแตกต่างกัน วิถีทางการเรียนรู้เริ่มเข้าสู่ยุคแห่งการใช้ “ เทคโนโลยีเข้มข้น” ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
นอกจากนั้นระบบข้อมูลสารสนเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของบุคคลทุกระดับ ยิ่งเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูง เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ยิ่งต้องการข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ชัดเจนเป็นปัจจุบันมากขึ้น พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้สร้างความท้าทายแก่ผู้บริหารเป็นอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศสร้างผลกระทบในเชิงลึกต่อวัฒนธรรมความคิด และรูปแบบในการแก้ปัญหาของบุคคล ซึ่งผู้บริหารในอนาคตต้องมีทักษะโดยเฉพาะความรู้ความใจในศักยภาพ และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างถูกต้องและเกิด ประโยชน์แก่องค์กร ผู้บริหารต้องรับผิดชอบในการกำหนดกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จากความสำคัญที่กล่าวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้บริหารต้องมีความรู้ความเข้าในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำมาใช้บริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาองค์กร
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) นำโดยวิทยาการทางด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารโทรคมนาคมนำสมัย ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ประโยชน์ในสาขาต่าง ๆ อย่างกว้างขวางทั้งในภาครัฐและเอกชน ทั้งในวงการธุรกิจและการพัฒนาสังคม ตลอดจนการใช้งานในระดับอุตสาหกรรมไปจนถึงครัวเรือน นักคิดอย่าง อัลวิน ทอฟเลอร์ ได้เคยเปรียบเทียบถึงยุคสมัยแห่งการปฎิวัติระบบการพัฒนาของมนุษย์ว่าได้ก้าวมาถึง ยุคที่สามซึ่งเป็น “ยุคสารสนเทศ” จากคลื่นสองลูกแรกที่เป็น “ยุคเกษตร” และ “ยุคอุตสาหกรรม” ตามลำดับเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเป็นฐานรากที่รองรับ “สังคมสารสนเทศ” (Information Society) ที่มี “สารสนเทศ” เป็นหัวใจสำคัญของโลกและของประเทศทั้งทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กล่าวคือ ในขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้ในขบวนการพัฒนาสังคมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษา การสาธารณสุข การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการบริหารรัฐกิจ (กิดานันท์ มลิทอง,2543)
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศที่ต้องการโดยจะรวมถึง เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์คมนาคมต่างๆ รวมทั้งซอฟต์แวร์ทั้งระบบสำเร็จรูปและพัฒนาขึ้นโดย
เฉพาะด้าน หรือกระบวนการในการนำอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ข้างต้นมาใช้งาน รวบรวมข้อมูล จัดเก็บประมวลผล และแสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ทีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยทั่วไปแล้วหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีโทรคมนาคมซึ่งนับวันจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน (converge) จนแยกไม่ออก นอกจากนั้นยังเป็นเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ประโยชน์ด้านการนำเสนอ หรือกระจายเสียง(broadcasting) การผสมผสานของเทคโนโลยีเหล่านี้จะเห็นได้ชัดในการประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ เช่น ตู้เบิกเงิน ATM, อินเทอร์เน็ต และเคเบิลทีวี หากพิจารณาในเชิงกายภาพแล้วเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ,ซอฟต์แวร์ (Software) , ฐานข้อมูล (Database) และ บุคลากร (Peopleware) ซึ่งมักจะถูกละเลยหรือมองข้ามในสังคมไทย ในส่วนประกอบทั้งสี่ดังกล่าว ยังสามารถจำแนกรายละเอียดออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ข้างเคียง(Peripherals) ฮาร์ดแวร์โทรคมนาคม ซึ่งสามารถจัดหมวดหมู่เป็นประเภทมีสาย (Wireline) และไร้สาย(Wireless) รวมทั้งฮาร์ดแวร์ประเภทเครือข่ายซึ่งสามารถจัดประเภทเป็นเครือข่าย ท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) และเครือข่ายระหว่างพื้นที่ (Wide Area Network : WAN) ฐานข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น Management Information System (MIS) , Executive Information System (EIS) รวมทั้งการสร้างฐานข้อมูลจากโปรแกรมสำเร็จรูป (Canned Program) เช่น Dbase, EXCEL เป็นต้น อุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation : OA) ซึ่งเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนการสอน รวมถึงเครื่องโทรศัพท์, โทรสาร, scanner, bar-code, VDO และ Tele-Conferencing และการสื่อสารในระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เป็นต้น ทั้งหมดนี้เมื่อนำมาใช้ประโยชน์เฉพาะประเภทหรือร่วมกันแล้ว ก็กลายเป็นการ ประยุกต์ใช้ (Applications) เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศในปัจจุบัน ประกอบด้วย ระบบย่อย 5 ส่วนคือ
ระบบประมวลผลข้อมูล (Transaction Processing Systems (TPS)
หรือบางครั้งเรียกว่าระบบประมวลผลรายการประจำ (Transaction Processing System หรือ TPS) หรือระบบประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Processing หรือ EDP) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลขั้นพื้นฐาน โดยเน้นที่การประมวลผลรายการประจำวัน (Transaction) และการเก็บรักษาข้อมูล ระบบประมวลผลข้อมูลมักจะถูกใช้งานได้ถึงระดับของผู้บริหารระดับปฏิบัติการ(Operational management) เท่านั้น เนื่องจากระบบชนิดนี้จะยืดหยุ่น และไม่สามารถสนองความต้องการข้อมูลหรือสารสนเทศที่ไม่ได้จัดเก็บอยู่ในระบบได้ อย่างไรก็ดี ข้อมูลในระบบประมวลผลข้อมูลจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนำไปประมวลผลในระบบระดับสูงอื่นๆ ซึ่งมีความยืดหยุ่นพอที่จะให้สารสนเทศเพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในสภาวะแวดล้อมที่มักมีการเปลี่ยนแปลงได้ นั่นคือ ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System)
สารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System (MIS)
คือ ระบบบริหารที่ให้สารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะรวมทั้งสารสนเทศจากภายในและภายนอก สารสนเทศที่เกี่ยวพันกับองค์กรในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งที่คาดว่าจะเป็นอนาคตนอกจากนี้ระบบ MIS จะต้องให้สารสนเทศภายในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าผู้บริหารที่ได้รับประโยชน์จากระบบเอ็มไอเอสสูงสุดคือผู้บริหารระดับกลาง แต่โดยพื้นฐานของระบบ MIS แล้ว จะเป็นระบบที่สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ผู้บริหารทั้ง 3 ระดับ คือทั้งผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับกลาง และผู้บริหารระดับสูง โดยจะเน้นให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นแนวโน้มและภาพรวมขององค์กรในปัจจุบัน รวมทั้งสามารถควบคุมและตรวจสอบผลงานของระดับปฏิบัติการ ลักษณะของระบบ MIS ที่ดี จะสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลรายวัน ระบบ MIS จะใช้ฐานข้อมูลที่ถูกรวมเข้าด้วยกันและสนับสนุนการทำงานของฝ่ายต่างๆ ในองค์กร ช่วยให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เรียกใช้ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลาที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์กร ระบบ MIS ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล และจำกัดการใช้งานของบุคคลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ระบบการสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems (DSS)
เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นจากระบบ MIS อีกระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าผู้มีหน้าที่ในการตัดสินใจจะสามารถใช้ประสบการณ์หรือใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วในระบบ MIS สำหรับทำการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพในงาน แต่บ่อยครั้งที่ผู้ที่จะตัดสินใจโดยเฉพาะผู้บริหารในระดับวางแผนบริหารและวางแผนยุทศาสตร์ จะเผชิญกับการตัดสินใจ ซึ่งเป็นระบบที่สนับสนุนความต้องการเฉพาะของผู้บริหารแต่ละคน (made by order) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจมีหน้าที่ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปได้อย่างสะดวก โดยอาจจะช่วยผู้ตัดสินใจในการเลือกทางเลือก หรืออาจมีการจัดอันดับให้ทางเลือกต่างๆตามวิธีที่ ผู้ตัดสินใจกำหนด นอกจากนี้ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจะเป็นระบบสารสนเทศแบบตอบโต้ได้ ซึ่งจะใช้ชุดเครื่องมือที่ประกอบขึ้นจากทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อช่วยให้ผู้ตัดสินใจให้สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information Systems (EIS)
เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนสารสนเทศและการตัดสินใจสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ หรือสามารถกล่าวได้ว่าระบบ EIS ก็คือส่วนหนึ่งของระบบ DSS ที่แยกออกมาเพื่อเน้นในการให้สารสนเทศที่สำคัญต่อการบริหารแก่ผู้บริหารระดับสูงสุด ระบบ EIS จะใช้ข้อมูลทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร (เช่น รายงานจากหน่วยงานของรัฐบาล หรือข้อมูลประชากร) นำมาสรุปอยู่ในรูปแบบที่สามารถตรวจสอบ และใช้ในการตัดสินใจโดยผู้บริหารได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้บริหารดูในรายละเอียดที่ต้องการในจุดต่างๆ ได้อีกด้วย
ระบบผู้เชียวชาญ (Expert Systems (ES)
คือเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยผู้บริหาร แก้ไขปัญหา หรือทำการตัดสินใจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ระบบผู้เชี่ยวชาญจะแตกต่างจากระบบอื่นๆ อยู่มาก เนื่องจาก ระบบผู้เชี่ยวชาญจะเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้(Knowledge) มากกว่าสารสนเทศ และถูกออกแบบมาให้ช่วยในการตัดสินใจโดยใช้วิธีเดียวกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ โดยใช้หลักการทำงานด้วยระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (Artifitial Intelligence) ระบบผู้เชี่ยวชาญจะทำการโต้ตอบกับมนุษย์ โดยมีการถามข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อความกระจ่าง ให้ข้อแนะนำ และช่วยเหลือในกระบวนการตัดสินใจ นั่นคือ การทำงานคล้ายกับเป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหานั้นๆ เนื่องจากระบบนี้ก็คือ การจำลองความรู้ของผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มานั่นเอง
การบริหารงานในปัจจุบันจึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่บุคคลในแต่ละระดับต้องอาศัยแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มีความทันสมัย เพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตัดสินใจ การได้มาถึงแหล่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะสามารถทำให้ผู้บริหารหรือบุคลากรทุกส่วนมีเป้าหมายที่ชัดเจน ดังนั้นระบบสารสนเทศขององค์กรจึงเป็นตัวหล่อเลี้ยงที่จะทำให้องค์กรมีความมั่นใจ กล้าที่จะตัดสินใจเพื่อสู่เป้าหมายที่ชัดเจน
"รบร้อยครั้งชนะ ร้อยหนึ่งครั้ง เพราะเรารู้ว่าวันพรุ้งนี้จะเกิดอะไรขึ้น"
สิทธิพล พหลทัพ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
กิดานันท์ มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ :
อรุณการพิมพ์.
กรมวิชาการ.(2544). รายงานสรุปผลวิจัย เรื่อง สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษา
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ.
บรรเจิด สิทธิโชค. (2539). ระบบข้อมูลสารสนเทศในโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ
พร้าว จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สุพรรณิการ์ พงศ์ผาสุก. (2550). กระบวนการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารของสถาน
ศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดเทศบาล จังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์ คุรุศาสตร์มหาบัญฑิต
สาขา การบริหารการศึกษา บัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร.
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ดร.สิทธิพล พหลทัพ
ใน
รองฯ Sittipon
คำสำคัญ (Tags):
#การบริหาร
#เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายเลขบันทึก: 334871
เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2010 21:31 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:13 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ดร.สิทธิพล พหลทัพ
สมุด
รองฯ Sittipon
เทคโนโลยีสารสนเทศ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท