ข้าพเจ้าเคยมีเรื่อง( ทัศนคติไม่ตรงกันในหลาย ๆ เรื่อง )กับเพื่อนในที่ทำงานด้วยกันจากจุดเล็ก ๆ ดังกล่าว จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต่อมาไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะทำอะไรข้าพเจ้าก็พาลจะไม่ชอบไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีข้าพเจ้าก็ไม่ชอบ แม้เวลาเดินผ่านกันก็ไม่มองหน้านาน ๆ เข้าก็ไม่พูดไม่จาทำตัวเหมือนว่าอยู่คนละโลก จากวันเป็นเดือน เป็นปีเป็นหลาย ๆ ปี ในทางกายภาพแม้ว่าเราจะไม่ได้พึ่งพาอาศัยกัน แต่ในด้านจิตใจเรายังก็ยังคิดอยู่เสมอว่าเออะเราไม่พูดไม่จากันเพราะเพียงทัศนะคติไม่ตรงกันหรือเพราะต่างคนมีตัวกูของกูและถืออัตตาตัวตนที่มั่นไว้จนลืมความเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ควรมีต่อกันกระนั่นหรือ และตลอดเวลาที่ไม่มองหน้ากันทำเหมือนตัวนั้นยิ่งใหญ่ แต่จิตใจก็แฝงไปด้วยความทุกข์ไม่ว่าเขาหรือเรา(สังเกตจากพฤติกรรมที่ต่างคนต่างเชิดหน้าให้กันจนปวดคอ) ไม่มองหน้าและพูดจากันจนไม่รู้หรือลืมไปแล้วว่าทะเลาะกันหรือไม่ชอบหน้ากันด้วยเรื่องอะไร จากประเด็นที่สาธยายมายืดยายดังกล่าวก็น่าจะเพราะเราพกอัตตามาล้วน ๆ มองโลกและคนอื่น ๆ ในทางลบ เหมือนพวกสีเหลืองมองพวกสีแดงหรือพวกแดงมองเหลืองในสังคนไทยในกาลปัจจุบันนี้ หากมอวว่าความเห็นต่างเป็นเรื่อธรรมดา ๆ มองในสิ่งที่ดี คิดในทางที่ดีของกันและกันบ้างสังคมคงน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยครับ
มองอะไรให้เป็นสีส้ม
สิ่งดีดีมีรอบตัวนะครับ
เมืองไทยยังน่าอยู่มากมายครับ
ขอบคุณครับ...