ดวงตะวันเลยหัวไปทางทิศตะวันตกมากแล้ว...
เงาตึกทอดยาวไปบดบังพื้นที่ด้านหน้าโรงพยาบาล และยิ่งเวลาล่วงเลยไปเงาก็ยิ่งทอดยาวไกลออกไป กระทั่งบดบังรั้วรอบของโรงพยาบาล
บรรดาผู้คนยังขวักไขว่ไปมา แม้ว่าจะไม่มากเหมือนช่วงเช้า ในจำนวนนั้นชายวัยกลางคนอย่างน้อยสี่ห้าคน ปรากฏกายออกมาจากอาคารต่าง ๆ คนละทิศละทาง เดินมุ่งหน้าไปจุดนัดพบเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นคือบรรดาลูกจ้างของโรงพยาบาลพิจิตร ซึ่งได้เวลาเลิกงาน และเป็นเวลาที่จะได้หยุดพักผ่อนประจำวัน
รั้วด้านหน้าของโรงพยาบาล ซึ่งบัดนี้สีรั้วซีดเซียวจากการชะล้างของเม็ดฝน เปลวแดด และสายลม มีร่องรอยถูกขัดล้างทำความสะอาดมาหมาด ๆ เป็นจุดนัดพบของเหล่าคนงานกลุ่มนั้น
แทนที่จะกลับบ้านพักผ่อน แต่น้ำจิตน้ำใจของพวกเขาชักนำให้มายังจุดนัดพบ เพื่อร่วมกันทาสีรั้วให้โรงพยาบาล วันนี้เป็นวันแรก เป็นวันเริ่มต้น และอาจจะใช้เวลาถัดจากนี้ไปอีกหลายวัน
อันที่จริงงานทาสีรั้วโรงพยาบาลเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ในเวลาเดียวกันนี้ของวันก่อน เพื่อนคนงานบางคนได้อาสามาชำระล้างทำความสะอาดรั้วเพื่อรองรับการทาสีทับลงไป การทำความสะอาดเสียก่อนจะทำให้การทาสีครั้งใหม่ติดคงทน อยู่ไปได้อีกนาน
การทาสีรั้วคราวนี้ เป็นกิจกรรมจิตอาสาของบรรดาคนงานลูกจ้างของโรงพยาบาล วัตถุประสงค์ประการสำคัญของการทำงานนอกเหนือหน้าที่และไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินทองคือการลดรายจ่ายในการว่าจ้างของดรงพยาบาล พวกเขาทำกิจกรรมทำนองนี้ต่อเนื่องมาแล้วหลายปีตามเจตนารมย์ดังกล่าว
ภายในห้องประชุมใหญ่ของโรงพยาบาล บุคลากรทั้งข้าราชการและลูกจ้างแน่นขนัดนับได้หลายร้อยคน บรรยากาศในห้องประชุมเงียบสงัด เงียบจนถึงขนาดแม้ใครทำเข็มตกก็จะได้ยินกันถ้วนทั่วทั้งห้องประชุม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตรในขณะนั้น ผู้นั่งบุคคลผู้นั่งเป็นประธานที่ประชุม น้ำใสคลออยู่รอบดวงตาเพียงแต่ยังมิทะลักล้นออกมา กล่าวกับที่ประชุมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ขณะนี้โรงพยาบาลประสบกับวิกฤติทางการเงิน โรงพยาบาลจำเป็นต้องรัดเข็มขัดและตัดรายจ่ายบางรายการออกไป อาจจะต้องมีการเลิกจ้างงานในบางตำแหน่ง...”
เนื้อหาหนึ่งที่ สุขสันต์ รัตนชัย ประธานชมรมลูกจ้างโรงพยาบาลพิจิตรคนปัจจุบันได้ยินและจับใจความได้จากการบอกกล่าวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในที่ประชุม เหตุที่มาของการเรียกประชุมดังกล่าว
ว่ากันว่าผู้อำนวยการท่านนี้รักและทุ่มเทให้กับโรงพยาบาลมาก ได้รับการยอมรับ ได้ความรักและเคารพจากผู้ใต้บังคับบัญชากันถ้วนทั่ว เพราะเป็นเช่นนี้บรรดาคนงานลูกจ้างของโรงพยาบาลจึงนัดหมายกันประชุมต่อหลังจากการประชุมนั้นสิ้นสุดลง
“พอประชุมเสร็จวันนั้น เราก็ประชุมลูกจ้างต่อเลย พวกเรามีข้อเสนอ ๒ ข้อ ข้อแรกคือในหนึ่งเดือนเราจะขึ้นโอทีให้หนึ่งวันโดยไม่ขอรับเงิน ข้อที่สอง ชมรมลูกจ้างจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลในกิจกรรมที่เราสามารถช่วยกันทำได้ เช่น ปรับปรุง ถนน ทาสี...”
หลังได้ข้อสรุปจากที่ประชุม ประธานชมรมได้แจ้งเจตนารมย์ข้อเสนอดังกล่าวแก่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ท่านผู้อำนวยการฯ รับข้อเสนอจากชมรมเพียงข้อหลังข้อเดียว เนื่องจากเห็นว่าบรรดาลูกจ้างเหล่านี้เป็นคนระดับล่างของโรงพยาบาล ซึ่งมีรายได้จากค่าตอบแทนไม่มากนัก
บรรยากาศในขณะนั้นว่า คนงานทุกคนต่างก็มีความรักความผูกพันกับโรงพยาบาล หลายคนทำงานมาหลายสิบปี แม้รายได้จะไม่มากมายนักแต่ก็เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัวให้มีความสุขตามอัตภาพ และที่สำคัญพวกเขาล้วนเป็นคนพิจิตร แม้บางคนมาจากที่อื่นแต่ก็มาลงหลักปัฐานแล้วที่นี่ โรงพยาบาลจึงเผ็นเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขา ช่วยอะไรได้ เสียสละอะไรได้ ก็ยินดีจะแบกรับ แม้ว่าต้องสละความเป็นส่วนตัวออกไปบ้าง
ปฏิบัติการทาสีรั้วโรงพยาบาล คือเจตนารมย์ที่สืบเนื่องมาจากการประชุมและข้อเสนอในคราวนั้น
ย้อนหลังไปราวปี ๒๕๒๔ ปีที่ชมรมลูกจ้างโรงพยาบาลพิจิตรก่อกำเนิดขึ้น วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งคือการรวมตัวช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มลูกจ้างของโรงพยาบาล
สุขสันต์ รัตนชัย ประธานชมรมฯ เล่าที่มาของการจัดตั้งชมรมว่า
“...ชมรมลูกจ้างโรงพยาบาลพิจิตร ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกจ้าง ในเรื่องการเจ็บป่วย ตาย ลาออก บางทีหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งเจ็บป่วยก็เดือดร้อนกันไปทั้งครอบครัว อย่างเรื่องการตายก็เหมือนกัน เป็นภาระความเดือดร้อนของญาติผู้ตายมาก ชมรมจึงได้จัดทำสวัสดิการขึ้นสำหรับสมาชิก เจ็บป่วยมีเงินช่วยเหลือ หากตายก็จะมีเงินฌาปนกิจ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่สมาชิกและครอบครัว...”
ไม่เคยมีใครเคยคาดคิดว่าชมรมคนเล็ก ๆ อย่างลูกจ้างโรงพยาบาล ซึ่งเป็นคนระดับล่างที่รวมตัวเพื่อช่วยเหลือกันเองในกลุ่ม ในวันที่โรงพยาบาลประสบวิกฤติการเงิน พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งในการคลี่คลายวิกฤตินั้นได้ เป็นความภาคภูมิใจของเหล่าบรรดาสมาชิกเมื่อวิกฤติการณ์นั้นผ่านมาได้
แม้ว่าโรงพยาบาลจะพ้นวิกฤติทางด้านการเงินมาแล้ว พวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องกระทำในแบบที่เคยทำมา แต่ก็ยังรวมตัวทำกิจกรรมเช่นนั้นเรื่อยมา และเมื่อมีเหตุที่ทำให้ต้องรวมตัวทำงานกัน เหล่าสมาชิกชมรมก็ไม่อิดออดที่จะร่วมไม้ร่วมมือกัน เป็นการแบ่งเบาภาระให้โรงพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการซ่อมแซมและขยายถนน การสร้างสนามบาสเก็ตบอล สนามตะกร้อ ฯลฯ
เดชา จันทร์สิงห์ อดีตประธานชมรมฯ เล่าว่า
“ซ่อมแซมถนน สนามกีฬาก็ฝีมือเรา ทางโรงพยาบาลจะสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนเรื่องช่าง รเองแรงงานเรามาช่วยกันทำ ใครว่าง ใครลงเวรก็มาช่วยกัน โรงพยาบาลไม่ต้องจ่ายค่าแรง ประหยัดเงินได้เยอะ จะได้มีเงินไปพัฒนาอย่างอื่น...”
ไม่เพียงกิจกรรมภายในโรงพยาบาลเท่านั้น ที่ชมรมฯ เข้าไปช่วยเหลือและมีส่วนร่วม ในบางกรณีที่มีหน่วยงานภายนอกขอความร่วมมือมายังโรงพยาบาล ทางชมรมก็จะจัดทีมงานไปช่วยงานอยู่เสมอ
“บางทีหน่วยงานข้างนอกเข้ามาขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล พวกเราก็จะอาสาเข้าไปช่วย พวกเรามีกลุ่มที่เป็นนักกีฬาอยู่เยอะ ฉะนั้นขออะไรมาพวกเราพอจะแบ่งกันได้ อย่างเช่นที่จังหวัดจัดวิ่งเราก็ไปช่วย การไปร่วมงานแบบนี้สมัยก่อน คนที่จะไปช่วยจะได้รับเบี้ยเลี้ยง โรงพยาบาลจะเป็นผู้จ่าย...”
เดชา จันทร์สิงห์ กล่าว
กิจกรรมอีกประการหนึ่งของชมรมที่เกื้อหนุนการทำงานของโรงพยาบาลคือการจัดการขยะ
“...เมื่อก่อนทิ้งรวมกันหมด ไม่มีการแยกขยะ เคยมีการเผาทำลายขยะกันเองแต่ก็เกิดมลภาวะ ตอนที่เทศบาลมาเก็บขยะ บางคนก็โดนเข็มตำ...”
พเยาว์ พาลทวีป ผู้ดูแลกิจกรรมการจัดการขยะของโรงพยาบาลพิจิตร หนึ่งในสมาชิกชมรม กล่าวถึงสภาพปัญหาขยะ ก่อนที่ชมรมจะมามีส่วนในการจัดการ และได้เล่าถึงการจัดการขยะในปัจจุบันว่า
“เราจะแบ่งโซนเก็บขยะเป็น ๓ โซน ในแต่ละโซนจะมีคนจัดการคัดแยกก่อนมาส่งที่ส่วนกลาง ส่วนกลางจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับซื้อ พอขยะมีมากก็จะเรียกร้านให้มารับซื้อ คนเก็บขยะมาขายจะได้ค่าขยะร้อยละเจ็ดสิบ เงินที่เหลือร้อยละสามสิบนำเข้าชมรม...”
การขับเคลื่อนโรงพยาบาลเพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนอย่างมีคุณภาพอย่างยั่งยืนนั้น ต้องอาศัยการขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กันของทุกองคาพยพ ที่โรงพยาบาลพิจิตรได้ขับเคลื่อนไปจนได้รับการรับรอง HA มีปัจจัยหลายประการที่ส่งต่อความสำเร็จนั้น แน่นอนว่าปัจจัยเสริมประการหนึ่งคือชมรมลูกจ้างโรงพยาบาลพิจิตร
สุขสันต์ รัตนชัย ประธานชมรมฯ เล่าทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิใจ ที่พวกเขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการทำ HA ของโรงพยาบาลว่า
“มันก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น ที่โรงพยาบาลเราสามารถผ่าน HA มาได้เนี่ย จริง ๆ แล้วมันลำบาก พวกเรา (ชมรม) สนับสนุนกิจกรรมทุกอย่างที่โรงพยาบาลดำเนินการเพื่อรับ HA งานด้านวิชาการเราไม่ค่อยถนัด แต่งานด้านปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเราช่วยได้เยอะ...”
น่าชื่นใจ และน่ายกย่องนะคะ
คนในองค์กรมีความรักและจงรักภักดีกับองค์กรอย่างนี้
องค์กรอยู่รอดแน่นอนค่ะ
สุดยอดมากๆ เลยพี่ ...ชอบการนำเสนอเนื้อหา...จัง
ขอนำไปเป็นต้นแบบนะคะ ...
เป็น การทำงาน ที่งดงามครับ
ผมว่า ก้าวต่อไป ชอง ชมรมลูกจ้าง คือ
ดูแลประชาชนครับ จะได้พ้น กรอบ ของการรับใช้
โรงพยาบาล ให้ดู ตัวอย่างขั้นแทบ
จาก ท่าน วอญ่า เป็นต้นครับ 555
5555 ขั้นแทบ แก้เป็น ขั้นเทพ งงงง
มาชวนไปเติมพลัง ฟรี ฟรี ค่ะ
สวัสดีครับ พี่นาง...มณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์
คนกลุ่มนี้น่ายกย่องมาก ๆ ครับ
รักองค์กรเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ
สวัสดีคุณน้อง ♥paula .`๏'- ที่ปรึกษาตัวน้อย.`๏'-
แหะ แหะ เขิลลลล....จัง
สวัสดีครับ อาจารย์ ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาเยี่ยมทักทายครับ
วันที่ผมนั่งคุยกับคนงานเหล่านี้ มีความสุขมาก ๆ เลยครับที่ได้พบคนดี ๆ เรื่องราวดี ๆ
สวัสดีครับ คุณหมอ นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
องค์กรใดที่มีคนในองค์กรอย่างสมาชิกชมรมลูกจ้าง ร.พ.พิจิตร องค์กรนั้นรุ่งเรืองแน่ ๆ เลยครับ
ที่สุดแล้วคนที่ได้ประโยชน์คือผู้รับบริการครับ
อยากให้โรงพยาบาลที่บ้านผมเป็นอย่างนี้บ้างจังเลย
สวัสดีครับอาจารย์ Lin Hui
ขอบคุณที่มาแวะเยี่ยมครับ
ไปรับของฟรีมาแล้วครับ...
ภูมิใจในการเป็นลูกจ้างโรงพยาบาลพิจิตร ทำงานมา 15 ปีแล้วค่ะ(รุ่นแรก ๆ)
สวัสดีครับ คุณ Tree
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ
เรื่องราวของชมรมลูกจ้างฯ ร.พ.พิจิตร เป็นเรื่องราวที่ผมประทับใจมาก ๆ ครับ
ขอบคุณมากขอให้ทำดีต่อไป