ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์
ฤาอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
และดวงใจย่อมดำสกปรก ราวนรกชนเช่นกล่าวมานี้
ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้ เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ
บทในหนึ่งในพระราชนิพนธ์แปล (จากต้นฉบับของวิลเลี่ยม เช็กเปียร์) ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชกาลที่ 6
เมื่อก่อนเราฟังเพลง ฟังดนตรีเพื่อความรื่นเริง บันเทิงใจเท่านั้น แต่ปัจจุบันดนตรีถูกนำมาเป็นเครื่องมือ (สื่อ) ในการช่วยบำบัด/บำบัดโรค และอาการต่างๆ กันมากมาย รวมทั้งใช้ในการกระตุ้นพัฒนาการเด็กให้สมวัย และใช้กับเด็กพิเศษ ซึ่งมีส่วนในการบำบัดรักษาได้เป็นอย่างดีและมีผู้นำมาใช้ทั้งอย่างเป็นทางการและใช้กันอย่างง่ายๆกันทั่วไป
“ดนตรีบำบัดหมายถึง เสียงอะไรก็แล้วแต่ที่บำบัดคุณ ดนตรีคือ การบำบัดกายและจิต ทำแล้วคุณมีความสุข คุณทำเถอะ” (รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข)
“ผลที่ได้รับจากการเรียนดนตรีนั่นคงบอกได้จากเสียงตอบรับของผู้ปกครองที่เห็นลูกหลานมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น บางคนบอกว่า ทำให้เรียนหนังสือเก่งขึ้น ผลการเรียนดี เด็กจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ บางครั้งนำดนตรีที่ฟังจากโทรทัศน์มาเล่นกับดนตรีที่ตัวเองชอบ กลายเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง หรือเป็นส่วนหนึ่ง ในชีวิตประจำวันแล้วเด็กที่มีดนตรีในหัวใจ พอโตขึ้นเขาจะมีจิตใจที่อ่อนโยน อารมณ์ดีไม่หงุดหงิดง่าย” (อภิรดี อุสยาภาส)
เด็กออทิสติกมีการทำหน้าที่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่ไม่ผสมผสานกันจึงมักปิดหูปิดตา ไม่รับรู้ ไม่สบตา ไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ ไม่ชอบให้ใครถูกตัว ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ขณะเดียวกันชอบทำอะไรซ้ำซาก เนื่อกจากหวาดกลัวความเปลี่ยนแปลง การใช้ดนตรีบำบัดเข้ามาช่วยกระตุ้นทางด้านสังคมและประสาทสัมผัส นอกจากนี้ดนตรีจะ
สร้างอารมณ์ผ่อนคลาย เกิดสมาธิจิตใจเบิกบาน เด็กจะเริ่มยิ้มแย้ม รู้จักสบตากับเพื่อนๆ ในกลุ่มและกล้าแสดงออกมากขึ้น แล้วดนตรียังช่วยดึงความสนใจให้เด็กสามารถใช้ความคิด และสร้างจินตนาการ และลดความกลัวที่จะต้องแยกจากพ่อแม่หรือพี่เลี้ยง เวลาเด็กเข้าห้องเรียน ดนตรีบำบัดมีส่วนต่อการพัฒนาสังคม การสื่อความหมาย อารมณ์และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (ศ.พญ.เพ็ญแข ลิ่มศิลา)
การใช้ดนตรีบำบัด ยึดหลัก 3 ประการดังนี้
( ชัยวุฒิ ดินปรางค์ )
ขอดีของการใช้ดนตรีกับเด็ก
เครื่องดนตรี บำบัดโรค
- เสียงขิมที่กังวานใส ทำให้เกิดความสงบผ่อนคลาย
- กีตาร์ทำให้สนุกสนานเพลิดเพลิน
- เสียงอังกะลุง ทำให้อึกทึก แข็งแกร่ง
- เสียงเปียโน ทำให้เกิดจินตนาการ เพราะมีระดับเสียงมา และยังฝึกความแข็งแรงของทั้งมือและการประสาน
- กลองใช้กับคนไข้โรคจิตบางประเภท และทำให้ฝึกการทำงานสัมพันธ์ประสานกันระหว่างแขนกับขา ทำให้แข็งแรง
- ไวโอลิน ฟรุต เปียโน ช่วยบรรเทาการเจ็บปวด เช่นปวดศรีษะ
- หีบเพลง บริหารปอดและกล้ามเนื้อกระพุ้งแก้ม
- จังหวะมาร์ช ทำให้เกิดพลัง ปลุกระดม
- จังหวะร๊อก ทำให้ตื่นเต้น
- จังหวะช่าช่าช่า และรุมบ้า ทำให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน
- จังหวะสโลว์ ทำให้รู้สึกสงบ
- จังหวะป๊อป ร็อค แร็พ ช่วยให้ท่องจำดี เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานท่องจำ
ประโยชน์ของดนตรีจิตใจ
10. ลดอาการเจ็บปวด
11. ปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
12. สร้างสัมพันธภาพที่ดี
13. เสริมกระบวนการบำบัดทางจิตเวช ในด้านการประเมินความรู้สึก การควบคุมตนเอง การแก้ปัญหาขัดแย้งต่างๆ
ไม่มีความเห็น