คนยากจนคือใคร วัดกันอย่างไร?
เวลาใครกล่าวถึงความยากจน ผู้กล่าวมักจะมีกรอบคิดในเรื่อง ความหมายและสาเหตุที่มาของความยากจนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว (ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่) เช่น กรอบคิดว่า คนจนคือผู้มีรายได้ต่ำไม่เพียงพอกับการ
ยังชีพ หรือมีฐานะความเป็นอยู่ต่ำกว่าคนอื่น ๆ เนื่องมาจากเป็นคนที่ฉลาดน้อยกว่าคนอื่น เกียจคร้าน, ไม่ขวนขวาย ไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบสมัยใหม่ ฯลฯ แต่กรอบคิดแบบนี้ เป็นแค่ความคิดความเชื่อของคนที่รวยแล้วหรือไม่ค่อยจน โดยที่ไม่ใช่ความจริงทางสังคมทั้งหมด
1.1 ความยากจนใน เชิงสัมบูรณ์
ใช้แนวคิดรายได้ที่พอเพียงแก่การบริโภคขั้นพื้นฐานเป็นหลัก โดยคำนวณจากจำนวนแคลลอรี่ของอาหารที่คนเราจำเป็นต้องบริโภคและการใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ ออกมาว่าคนเราควรจะมีรายได้เท่าไหร่ จึงจะพอซื้อหาอาหารจ่ายค่าเช่าบ้านหรือซื้อบ้านและเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็นเพียงพอแก่การดำรงชีพต่อไป และใช้ตัวเลขนี้เป็นเส้นความยากจน คือใครที่มีรายได้ต่อหัวต่อเดือนต่ำกว่าเส้นนี้ก็ถือว่ายากจน
1.2 ความยากจน เชิงเปรียบเทียบ วัดโดยใช้การเปรียบเทียบรายได้ของคนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ว่ามีความแตกต่างในส่วนแบ่งของรายได้ทั้งหมดมากน้อยอย่างไร
1.2.1) ความยากจนเปรียบเทียบจากการกระจายรายได้
1.2.2) ความยากจนเชิงเปรียบเทียบรายได้ของคนจนกับรายได้เฉลี่ยของคนทั้งประเทศ
1.2.3) ความยากจนเปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยของคนในอาณาบริเวณ
2. การนิยามและชี้วัดความยากจน ในแง่คุณภาพชีวิตคน
การนิยามและวัดความยากจนในแง่รายได้เป็นพื้นฐานที่สำคัญ แต่ไม่เพียงพอ หรือถ้าเน้นว่าความยากจนเกิดจากรายได้ต่ำอย่างเดียวอาจจะนำไปสู่ข้อสรุปและแนวทางแก้ปัญหาที่ผิดพลาด เช่น มุ่งให้เงินกู้, มุ่งพัฒนาระบบตลาดเพื่อสร้างรายได้โดยอาจจะเป็นการเพิ่มหนี้สินในอัตราสูงกว่าการเพิ่มรายได้
2.1 การวัดความยากจนโดยใช้ข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (จปฐ)
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการสำรวจจัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลในระดับครัวเรือนในหมู่บ้าน นอกเขตเทศบาล ในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณภาพชีวิต ที่ได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำไว้ว่า คนควรจะมีคุณภาพชีวิตในเรื่องต่าง ๆ อย่างไร จึงจะมีชีวิตที่ดีและสามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
การแบ่ง หมวดตัวชี้วัด จปฐ เป็น 8 หมวด ประกอบไปด้วย
1.สุขภาพอนามัยดี
2.ที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
3.ได้รับการศึกษาและรับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์
4.ครอบครัวสุขสบาย
5.มีอาชีพและรายได้พอเพียง
6.มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน
7.มีการพัฒนาจิตใจ
8.มีจิตสำนึกและร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ศูนย์ข้อมูลเพื่อการพัฒนาชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รายงานคุณภาพชีวิตของคนไทย จากข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ) ปี 2542)
2.2 การวัดความยากจนจากข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน (กชช 2 ค)
เป็นการจัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน นอกเขตเทศบาลทุก 2 ปี เพื่อแสดงความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม จัดทำโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเหมือนกัน แต่มีการกำหนดตัวชี้วัดและวิธีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่ต่างกัน
2.3 การวัดความยากจนโดยดัชนีความขัดสน (Index of Deprivation-IHD) ของสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand)
เป็นการพัฒนาดัชนีขึ้นใหม่ จากแนวคิดของดัชนีการพัฒนาคน (Human Development Index-HDI) ที่ UNDP ใช้วัดเปรียบเทียบระหว่างประเทศต่าง ๆ กว่า 170 ประเทศ และพิมพ์รายงานเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2523
ดัชนีการพัฒนาคน ใช้ข้อมูลที่สำคัญ 3 ข้อ คือ ระดับรายได้ที่จำเป็นแก่การสามารถมีชีวิตที่ดี, ข้อมูลสุขภาพโดยดูจากอายุขัยเฉลี่ยของประชากรและอื่น ๆ และข้อมูลการศึกษา โดยดูจากข้อมูลการอ่านออกเขียนได้, การมีโอกาสได้เรียน และอื่น ๆ
3. วิพากษ์การให้นิยามความยากจนแบบทางการ
กรอบคิดที่วัดความยากจนในแง่รายได้ล้วนๆ นำไปสู่การเสนอแนวทางแก้ไขที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมอุตสาหกรรมเป็นด้านหลัก
ธนาคารโลก และนักเศรษฐศาสตร์ผู้สนับสนุนแนวทางการพัฒนาแบบทุนนิยมอุตสาหกรรมตะวันตกเป็นผู้เผยแพร่กรอบคิดการวัดความยากจนของประเทศในแง่การวัดจากรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากร หรือความสามารถในการผลิตเพื่อหารายได้มาซื้อสินค้าและบริการ ประเทศที่มีรายได้ต่อหัวโดยเฉลี่ยต่ำถูกจัดว่าเป็นประเทศยากจน คนที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ที่จะใช้ในการยังชีพ ถือว่าเป็นคนยากจน
4. การให้นิยามคนจนและสภาพเงื่อนไขความยากจน เชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจสังคม
การนิยามคนยากจน ควรขยายให้กว้างมากกว่าคนที่รายได้ต่ำกว่าเส้นวัดความยากจน นั่นก็คือควรจะรวมคนขัดสน, ด้อยโอกาส, คนในภาวะยากลำบาก ทั้งในเชิงการเมือง สังคม และวัฒนธรรมด้วย ชาวบ้านเองก็จะมีคำที่เรียกคนอยู่ในสภาวะแบบนี้ แบบรวม ๆ ว่า คนทุกข์คนยาก
ไม่มีความเห็น