เทคนิคการเดาข้อสอบและการตอบคำถามที่ไม่มั่นใจ
เวลาคับขัน สับสน และจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกตอบปัญหา ที่ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการเดาข้อสอบ ฉะนั้นคุณที่เคยผ่านการสอบมาแล้ว คงไม่มีใครที่จะหลีกเลี่ยงการเดาข้อสอบในบางข้อที่คุณไม่สามารถทำได้ หนทางในการตัดสินใจช่างมืดมนเสียเหลือเกินจะทำอย่างไรดี
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเดาข้อสอบย่อมเกิดขึ้นได้เสมอและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับการส่งกระดาษเปล่าคับ
หลายคนอาจเห็นว่าไม่ควรทำ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกคนต้องผ่านขั้นตอนนี้มาแล้วกันทั้งนั้น
เพราะ ฉะนั้นในการเดาข้อสอบแต่ละครั้งจึงต้องอาศัยเทคนิคต่างๆ เป็นองค์ประกอบเข้าช่วย ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ การสังเกตและการพิจารณาคำถามนั้นๆ โดยเลือกตามหลักของความน่าจะเป็นไปที่จะหาความเสี่ยงน้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้
เทคนิคในการเดาข้อสอบที่นิยมใช้เป็นหลักในเป็นการช่อยตัดสินใจมีดังต่อไปนี้
1.จงระลึกอยู่เสมอว่า คำตอบแรกที่นึกขึ้นได้ มักจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องก่อนเสมอข้อนี้มักเป็นพื้นฐานในการเดาข้อสอบอยู่เสมอ
2.สังเกตเปรียบเทียบจากคำตอบและคำถามจากข้ออื่นๆเข้าประกอบตัดสินใจ บางครั้งมีคำตอบในข้อที่ต้องเดา อาจจะซ่อนอยู่ข้ออื่นๆก็ได้
3.คำ ตอบที่ไม่มีในข้อนี้ อาจจะมีในข้ออื่นๆ แม้บางครั้งคำตอบในข้ออื่นนั้นอาจจะไม่ใช่ข้อที่ถูกต้องที่สุดในข้อนั้น แต่ก็ต้องเปรียบเทียบดูก่อนที่จะตอบลงไป
4.การสลับข้อสอบแบบเรียง เช่น เมื่อข้ออื่นๆ มีคำตอบข้อ ก.ข.ค.ง.แล้วเริ่มต่อด้วย ข้อ ก.ข.ค. ใหม่ คำตอบต่อไปก็น่าจะเป็นไปได้ว่า เป็นข้อ ง. ข้อนี้ไม่ควรจะจริงจังจนเกินไป แต่ในความเป็นจริงก็มีบางวิชาที่อาจารย์บางท่านที่ชอบออกข้อสอบแล้วมีคำตอบ ต่างๆ ที่ทดสอบทักษะการสังเกตของนักเรียน หรือบางท่านที่ต้องการความสวยงามและง่ายในการตรวจ โดยเฉพาะข้อสอบแบบปรนัย (โดยปกติอาจารย์จะเจาะกระดาษคำตอบเป็นช่องๆ แล้วเอาทาบตรงกระดาษของนักเรียนแล้วตรวจตามนั้น แต่บางครั้งก็ตรวจโดยการใช้คอมพิวเตอร์)เพราะฉะนั้นนอกขากการเดาข้อสอบแล้ว ก็ต้องเดา(ทาย) ใจอาจารย์เจ้าของวิชาด้วย
5.การตอบแบบบรรยาย แบบน้ำท่วมทุ่ง (กรณีข้อสอบเป็นอัตนัย) ก็ช่อยแก้สถานการณ์ที่วิกฤตได้ หากไม่ตอบอาจจะได้ศูนย์คะแนน แต่บางครั้งอาจารย์จะให้คะแนนสงสารหรือค่าน้ำหมึก แม้ได้คะแนนน้อยแต่ก็มีผลไปเพิ่มคะแนนรวมในข้ออื่นๆได้
6.ให้นึกถึง การบรรยายที่ผ่านมาว่ามีอะไรลางๆ ที่พอจะเป็นเค้าในการเดาข้อสอบ มีข้อไหนที่ทำให้สะกิดใจเมื่อเห็นว่าควรจะเห็นไปได้ให้รีบเขียนลงในกระดาษคำ ถามทันที ก่อนที่คำตอบนั้นจะเลือนหายไปเสียก่อน
7.เมื่อเริ่มทำข้อ สอบให้ทำตำหนิไว้ก่อน (ในข้อจำเป็นต้องอาศัยการเดา) เมื่อทำเสร็จหมดแล้วให้กลับมาทบทวนอีกครั้ง เพราะบางครั้งข้อสอบที่ทำไปอาจมีคำตอบในข้อนี้ อย่ารีบร้อนส่ง ควรอ่านให้ดีจนเวลาใกล้หมดจึงส่งกระดาษคำตอบนั้น
8.สรุปข้อสอบ ในทุกข้อที่มีแล้วหาคำตอบว่าเกี่ยวโยงหรือมีความคล้ายคลึงพอที่จะเป็นคำตอบ ได้หรือไม่ หรือนั่งรอในห้องสอบจนวินาทีสุดท้าย ไม่ควรเร่งรีบออกจากห้องสอบแม้รู้ตัวว่าทำไม่ได้ก็ตาม ก็ควรนึกตรึกตรองข้อส
กรุณาใช้วิจารณญานในการอ่านน่ะครับ เพราะว่ามันไม่แน่เสมอไป ผมเองก็ไม่เคยทำแบบนี้น่ะ ลองอ่านดู เผื่อว่าจะช่วยหาทางออกให้คุณได้ ในยามคับขัน
น่าสนๆ แต่จบแล้วครับ เลยอดใช้วิธีนี้
เฮ้อๆๆ ใช้บ่อยรึป่าวคนตานี อิอิ
เมื่อครั้งอดีต แต่ปัจจุบัน ละ เลิก ไปจากวงการนี้แล้ว
การเดาอย่างมีหลักการนี้
ผมเคยใช้ตอน Entrance เหมือนกันครับ จำได้เลยว่าวิชาคณิตศาสตร์
จำได้ว่า Entrance สมัยก่อน ข้อสอบกากบาทจะเฉลี่ยข้อออกครับ คือกันคนเดาแบบยิงข้อเดียว ( กาข้อใดข้อหนึ่งหมด )
เทคนิคที่ใช้ตอนนั้นจำได้ว่า ให้ทำแต่ข้อที่คิดว่าถูกแน่ๆ 100% ให้ได้สัก 7 ข้อก่อน ( ย้ำครับว่าต้องชัวจริงๆ )
ทีนี้มาดูต่อว่าตัวเลือกไหนที่ได้เลือกน้อยที่สุด ให้จัดการยิงข้อที่เหลือไปที่ข้อนั้นทั้งหมด แล้วก็ได้ผลจริงๆครับ
Ent รอบแรกผมได้ 18 พอมารอบที่ 2 ได้ 38 เพราะใช้เทคนิคนี้
และอยากฝากอีกอย่าง จากประสบการณ์ของผม ความคิดแรกมักจะถูกต้องครับ ( 90% เลยก็ว่าได้ )
สำหรับข้อสอบบรรยายนะครับ ประสบการณ์ตรงจาก ป.โท เลย เขียนไปเถอะครับ ขอให้เขียนว่าเราคิดยังไงกับข้อนี้
(ถ้าไม่ใช่ข้อสอบคำนวนนะครับ) มีความรู้อะไรพยายามบรรยายไป อาจารย์ท่านจะพยายามหาที่ให้คะแนนครับ
แต่ถ้าไม่เขียนโอกาสของเราก็จะเป็น 0 ไปเลยครับ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้เสียโอกาสครับ ^^
ได้ผลจริงน่ะครับ คุณเอิร์ท สงสัย ต้องลองซะแล้วครับงานนี้ อิอิ