ปฐมวัย
นาทีทองของชีวิต
ศน.
โสพิศ กฤษณะไกรวุฒิ สพท.นนทบุรี
เขต 1
ดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมประชุม ฟังนักวิชาการ คุณหมอ
ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก
หลายครั้งต่อเนื่องกันนับสิบปี วันนี้
กระแสสังคมกำลังหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาเด็กบนพื้นฐานการพัฒนาสมองอีกครั้ง
หลังจากการพัฒนาแนวนี้ ได้เริ่มมาแล้วนับ ทศวรรษ ในประเทศไทย
ตัวบ่งชี้ที่สนับสนุนข้อความนี้
คือแนวทางการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
ทั้งฉบับพ.ศ.2540และพ.ศ. 2546
แต่เมื่อกระแสสังคมเห็นว่าเป็นเรื่องใหม่ เหมือนเพิ่งค้นพบ
ก็ไม่ว่ากัน สิ่งที่จะเกิดกับเด็กขอให้เกิดขึ้น
และยั่งยืนเท่านั้น ยิ่งมีมือหลายๆมือมาช่วยกันทำ
ก็เป็นผลดีแก่เด็กทั้งสิ้น
ส่วนจะทำโดยใคร เมื่อไหร่หาใช่เรื่องสำคัญ
วันนี้จึงไปค้นสมุดบันทึกเก่าๆเกี่ยวกับเรื่องแนวทางพัฒนาเด็กที่เก็บไว้
มาแกะรอย บอกต่อ
เผื่อจะเกิดประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องได้นำไปใช้
และเนื่องจากเป็นบันทึกจากการฟังการประชุมไม่ได้ตั้งใจจะนำมาเขียนเผยแพร่
จึงไม่ได้จดบันทึกชื่อผู้บรรยาย หรือบางเรื่องก็จะมีอยู่
บ้าง ในที่นี้
ขออ้างอิงชื่อรวมๆที่จำได้ว่าได้ฟังเรื่องเหล่านี้มาตามลำดับ
ได้แก่ คุณหมอนิตยา คชภักดี อาจารย์นงเยาว์
แข่งเพ็ญแข หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ
อยุธยา คุณหมออุดม
เพชรสังหาร อาจารย์ดร.จิตตินันท์
เดชะคุปต์ อาจารย์ดร.พัชรี ผลโยธิน
และท่านอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยนาม ต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยอ
พัฒนาการของสมองมนุษย์
ไข่ + สเปอร์ม ผสมกัน กลายเป็นไขสันหลัง
และปลายท่อไขสันหลังคือ สมอง ซึ่งเซลจะแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จำนวนเซลไม่ได้หมายถึง ความฉลาด แต่การเชื่อมต่อของ cell
ต่างหาก
ที่จะบ่งบอกถึงความฉลาด
ภายใต้สมองจะมีเซลซึ่งแตกกิ่งก้านสาขาออกมา เซลที่ถูกกระตุ้น
จะแตกกิ่งก้านออกมาต่อเชื่อมกัน
เซลที่ไม่ถูกกระตุ้นจะเกิดการทำลายตนเอง
การเชื่อมต่อของเซลสมองจะดีมากในช่วงอายุ 6 ปีแรก หลังอายุ 16
ปีเซลที่ไม่ได้ใช้จะ
บางลง เพราะเซลที่ไม่ได้ใช้จะถูกทำลายลง
เพื่อเปิดพื้นที่ให้สิ่งที่จำเป็น
แรกเกิด เซลสมองยังไม่เชื่อมต่อเท่าไร แต่จะเริ่มเมื่ออายุ 6 เดือน
โดยถ้าสมองได้รับการกระตุ้นทางเสียง เช่น เปิดเพลงให้ลูกฟัง
และจะเชื่อมต่อได้ดีมากไปจนถึงอายุ 6 ปี
กฎของสมอง
การกระตุ้นทำให้เกิดวงจร
ทำซ้ำทำให้วงจรเกิดมากขึ้น
เด็กที่เป็น Down syndrome คือไม่ได้รับการกระตุ้น ไม่มีการเชื่อมต่อ
ถ้าเด็กได้รับการกระตุ้นตอนหลัง ก็สามารถเติบโตได้
หน้าต่างแห่งโอกาส Windows of
opportunity นาทีทองของชีวิตภายใน 6 ปีแรก
เด็กควรได้รับการพัฒนาเรื่อง
1.
การเคลื่อนไหว
2. สายตา
3. ภาษา
4. ดนตรี
5. คณิตศาสตร์
6. การเข้าสังคม
7. การควบคุมอารมณ์
ปัจุบัน เด็ก 3 ขวบ เล่นคอมพิวเตอร์ รับประทานขนมถุง
ขนมกรุบกรอบ
เด็กแย่ทั้งเรื่องสายตาและอาหาร
ความสำคัญของปฐมวัย
·
เป็นจุดเริ่มต้นพื้นฐาน สำหรับความสามารถของมนุษย์
·
เป็นช่วงที่มีศักยภาพในการเติบโตของวงจรสมองสูงที่สุด
·
มีความคุ้มค่าในเชิงเศรฐศาสตร์ของการพัฒนา มีงานวิจัยว่า ลงทุนกับเด็ก
1 บาท จะได้คืนกลับมา 13 – 14 บาท
ปัจจัยที่เอื้อต่อการเจริญงอกงามของสมองและการเรียนรู้
·
ความสัมพันธ์กับผู้เลี้ยงดูที่เต็มไปด้วยความรัก และความอบอุ่น
·
สิ่งแวดล้อมที่มีคนพูดดัง
· มีโอกาสได้เล่น
·
มีการกระตุ้นการเรียนรู้ที่เหมาะสม
· พันธุกรรม
· เสียงพูดของมารดา
สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของสมอง
และการเรียนรู้ของมนุษย์
(Enriched
Environment)
·
สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของสมอง
และการเรียนรู้ของมนุษย์
· สภาพทางกายภาพ สี เสียง
อุณหภูมิ ความปลอดภัย
· มีปฏิสัมพันธ์อบอุ่น
เป็นมิตร
· ท้าทายให้อยากเรียนรู้
·
ประสาทสัมผัสทั้งหมดได้ทำงาน
วงจรแห่งความพอใจ Reward
Circuit
แรงจูงใจมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาสมองของมนุษย์
เราจะทำอย่างไรให้โรงเรียนเสร้างแรงจูงใจให้เด็กอยากมาเรียน
จะสร้างความพึงพอใจอย่างไร
การให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น
เป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดีวิธีหนึ่ง
เด็กจะมีความสุขและมีจินตตนาการ จินตนาการเป็นสิ่งสำคัญมาก
จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของสมองได้ดี
การเล่นทำให้เกิดผลในเด็ก
·
แรงจูงใจ
· ความคิด
สมองซีกซ้ายทำงาน
· จินตนาการ
สมองซีกขวาทำงาน
ของเล่นที่ทำให้เด็กใช้ความคิด จินตนาการมากเท่าไร จะทำให้สมอง
แบ่งออก เชื่อมต่อ มากขึ้นเท่านั้น
ปัจจุบันโรงเรียนมักจะไม่ให้เด็กได้เล่น
เรากำลังบั่นทอนจินตนาการลูกหลานของเราลงไปเรื่อยๆ
การให้เด็กได้เล่น อย่าจำกัดจินตนาการ
อย่าคิดว่าของเล่นแพงๆจะทำให้เด็กฉลาด
การอ่านทำให้เกิดวงจรการมองเห็น
เชื่อมกับการได้ยิน
เชื่อมกับความจำก่อให้เกิดภาษาและนำไปสู่การเรียนรู้หนังสือ
ภาษามีเนื้อหา (Content) เด็กได้ข้อมูลความรู้สะสมต่อไปเรื่อยๆ
บางเรื่องมีเนื้อหากล่อมเกลาทางภาษา ความรู้ ปัญญา จินตนาการ
คุณธรรม
เด็กได้อะไรจากการเล่านิทาน อ่านหนังสือ
ให้ฟัง
เกิดนิสัยรักการอ่าน
· การอ่านคือ ความสุข
· วงจรปฐมภูมิ
· เกิดความไว้ใจในโลก
ไว้ใจผู้อื่น
-
พื้นฐานทัศนะในการมองโลก
-
พื้นฐานของบุคลิกลักษณะ
·
โอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
· รักการอ่าน
ดนตรีกับการพัฒนาสมองมนุษย์
เสียง
· การได้ยิน
· พัฒนาการทางภาษา
· ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
จากการฟัง การเล่นดนตรี
·
การเรียนรู้เกิดเมื่อตื่นและมีสมาธิ เพลงของโมสาร์ท
มีผู้วิจัยค้นพบว่า กระตุ้นสมองได้ดี ผู้ศึกษาวิจัย คือ
ดร.Francis H Ranscher ผู้ค้นพบโมสาร์ท เอฟเฟค (Mozart Effect)
·
ดนตรีต้องไม่ปิดกั้นความคิด เสียงร้องจะปิดกั้นความคิด
ต้องไม่มีเสียง
· การใช้ดนตรี
เป็นสื่อในการเรียนรู้ ทำนองและจังหวะช่วยให้เกิดการจำ
· ดนตรีคือ ความเป็นชาติ
เป็นเผ่าพันธุ์ ฝึกให้เด็กฟังเพลงเป็นของทุกเผ่าพันธ์
รักความเป็นไทย แต่รักเคารพความแตกต่างในเชื้อชาติเผ่าพันธ์
·
เพลงเร้าให้เกิดความคิดและการแสดงออก
·
ทำนองและจังหวะช่วยให้เกิดการจำ
ศิลป
กระบวนการพัฒนาด้านศิลปะของเด็ก
·
ช่วยให้คิดได้สังเกต มองเห็น เรียนรู้
ซึมซับสิ่งที่มองเห็นจากสิ่งที่เรียบง่ายไปสู่สิ่งที่ซับซ้อน
กระบวนการเรียนรู้ทางศิลปะ การสังเกต
เรียนรู้ ซึมซับ ตีความ
ถ่ายทอดออกมาถ้าเด็กได้รับการพัฒนา จะพัฒนาวิธีคิดของเด็ก
· การใช้ศิลปเพื่อพัฒนาเด็ก
ไม่สนใจชิ้นงาน แต่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในสมองเด็ก
·
ไม่ใช่การสอนเพื่อให้เป็นจิตรกร
ไม่สนใจผลผลิตเป็นชิ้นงานแต่สนใจพัฒนาการที่เกิดขึ้นกับเด็ก
เป็นพัฒนาการของแต่ละคน
· กิจกรรมที่หลากหลาย
เด็กควรได้เห็นงานศิลปะดีๆ เช่น ภาพ รูปปั้น เซรามิค
เรารู้สึกผิดกับความผิดพลาดของเรา
แต่สิ่งที่ผิดพลาดของเราคือ เราละเลยต่อการพัฒนาเด็ก
ทุกสิ่งทุกอย่างรอได้ แต่เด็กรอไม่ได้ ขณะนี้
กระดูกของเด็กกำลังรอการเติมต่อ
เราต้องทำตั้งแต่วันนี้
To
him we can not answer tomorrow His name
is today.