เอาใจของตนเอง...กลับมาที่จุดยืน


ข้าพเจ้าถูกปลุกจากเสียงโทรศัพท์...ได้พิจารณาต่อตนเองสักพัก จึงโทรกลับสายที่เรียกเข้ามาซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณสามทุ่มกว่า ... วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกเพลียและรู้สึกว่าร่างกายทำงานหนักมากต่อการ "ภาวนาผ่านการงาน"... จึงเข้านอนเร็วหน่อย และตื่นขึ้นมาทำงานต่อ...

ทบทวนต่อตนเอง...ในเรื่องบางเรื่อง

เรื่องหนึ่งก็คือ...การเข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษาศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดวัดป่าหนองไคร้... ซึ่งก้าวแรกที่ได้เข้ามาร่วมนั้น คือ ปวารณาทำคู่มือให้กับทางศูนย์ ณ วันนั้นจำได้ว่า พระวิทยากร "พระพิทยา ทินนาโภ" ได้มาที่ทำงานและเล่าให้ฟังถึงปัญหาการจัดทำคู่มือศูนย์ที่ทางสถาบันธัญญารักษ์และหน่วยราชการให้จัดทำเป็นคู่มือ ซึ่งท่านเองก็ไม่ได้ถนัด และไว้วานให้ทางสาธารณสุขช่วย แต่ได้รับการบอกปัดไปหลายคน บางคนก็บอกให้ท่านใช้วิธี copy ส่งๆ ไปตามแนวทางที่ที่อื่นทำ

เมื่อข้าพเจ้าได้ฟัง...ก็เห็นว่าตนเองพอเป็นผู้มีประโยชน์ต่อการทำสิ่งนี้อยู่บ้าง จึงขอโอกาสอาสาทำงานชิ้นนี้ ซึ่งกระบวนการทำคู่มือที่ข้าพเจ้าทำนั้น ใช้วิธีการถอดบทเรียน เข้ามาร่วมสังเกตกระบวนการ และการสัมภาษณ์ ตลอดจนเรียนรู้ผลการทำงานของศูนย์ว่าเป็นเช่นไรบ้าง...

ทำให้ได้เห็นถึงวิถีทางแห่งการทำงานของการฟื้นฟู...อันเป็นการนำผู้คนไปสู่การฟื้นฟูทางทางด้านจิตที่ให้เจริญขึ้น สังเกตได้อย่างหนึ่งว่า "เด็กๆ ที่มารับการฟื้นฟูที่นี่มีความสดชื่นขึ้น"... จากเมื่อประมาณต้นปี ทางหน่วยงานจิตเวชได้มาพึ่งความเมตตาจากทางวัด ซึ่งพระวิทยากรท่านได้เมตตาอนุเคราะห์หลายเรื่อง หลายอย่าง... ข้าพเจ้าและน้องๆ ในทีมงานจึงตั้งใจว่าหากได้มาช่วยเกื้อหนุนอะไรแก่ทางวัดได้... จะยินดี และกิจกรรมหนึ่งก็คือ... การเข้ามาร่วมทำกลุ่มบำบัด ในความถนัดของข้าพเจ้าก็คือ การทำกลุ่มเนียนเนื้อวิถีพุทธเข้าสู่วิถีชีวิตประจำวัน "Engaged Buddhism" และคนอื่นๆ ก็อาสาว่าจะเข้ามาร่วมทำด้วย...

สำหรับข้าพเจ้าเอง...เมื่อตั้งใจทำอะไรแล้ว จะมุ่งมั่นต่อเส้นทางแห่งความตั้งใจนั้น แม้ว่ามีปัญหาและอุปสรรคอะไรก็ตาม ก็จะพยายามเรียนรู้ฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคนั้นเพื่อทำตามความตั้งใจนั้นเสมอเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอีก...

ข้าพเจ้าได้กำหนดต่อตนเองเลยว่า... ในหนึ่งสัปดาห์...จะพยายามเข้ามาทำกระบวนการกลุ่มที่นี่ ด้วยความที่ว่าครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านได้เรียกเข้าไปคุยด้วยใกล้ๆ และบอกข้าพเจ้าด้วยประโยคสั้นๆ ว่า "ทำต่อไปนะ"... อันเป็นการทำงานช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ติดยาเสพติดเหล่านี้... และอีกหลายครั้งๆ ที่ได้กราบหลวงปู่ ท่านจะเมตตาชี้ทางบอกถึงโอกาสของการช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้

"พวกนี้คือ อนาคตและกำลังสำคัญของชาติในอนาคตนะ"...

"นี่เป็นงานบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดี"...

คำชี้ทางของหลวงปู่ ทำให้ข้าพเจ้ายังคงมีความมุ่งมั่นต่อความตั้งใจอย่างไม่สั่นคลอน...

การทำงานชิ้นนี้ เหมือนเป็นภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นในชีวิตของข้าพเจ้า แต่นั่นก็เหมือนเป็นเส้นทางแห่งการพิสูจน์ถึงความอดทนต่อทั้งเรื่องภายในและภายนอกที่เข้ามากระทบกระทั่งอยู่เสมอและตลอดเวลา... หลายครั้งหลายคราที่มีทั้งคนใกล้ชิด คนไม่สนิท บั่นทอนกำลังใจของเราถึงหนทางนี้ว่า "จะมาช่วยทำไมกับกลุ่มคนเหล่านี้ สู้นำทรัพย์ กำลังปัญญา และใจของเราไปช่วยเหลือคนที่ดี ที่เหมาะกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ"... ซึ่งข้าพเจ้าก็บอกไปว่า "ข้าพเจ้านั้นทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก...เปรียบเสมือนว่าเราเห็นคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ เราละทิ้งไปไม่ช่วยไม่ได้หรอก" และ "ก็คงจะช่วยไปเรื่อยตามเหตุสนับสนุนให้เกิดการช่วย"...เหมือนเห็นคนกำลังจะจมน้ำ เราพอจะช่วยได้ไม่เพิกเฉยต่อการช่วยเหลือนั้น...

จากวันนั้นถึงวันนี้...

มีกิจกรรม...ที่นำพาเพิ่มขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันทำอาหารถวายพระ โดยเด็กๆ สมาชิกศูนย์ การมีชีวิตด้วยอารมณ์อันเบิกบาน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มอันสดใสที่มีเพิ่มมากขึ้น การได้เริ่มต้นเข้าสู่การได้ทานอาหารล้างพิษต่างๆ... ไม่ว่าจะเป็นน้ำมะขามที่ผู้ช่วยฯ ของข้าพเจ้า (อยู่กรมวิทยาศาสตร์) ได้ส่งข้อมูลมาให้และเรานำมาใช้กับเด็กๆ โดยต้มน้ำมะขามให้ดื่ม...และการได้ทานอาหารชีวจิต + ข้าวกล้อง... แม้จะเป็นการทานที่ไม่อาจจะเป็นไปได้ทุกวัน แต่ข้าพเจ้าก็มุ่งมั่นและตั้งใจที่นำและทำอาหารเหล่านี้ไปให้เด็ก...

ค่ำคืนนี้...ข้าพเจ้าได้มีโอกาสนั่งลงและพิจารณาทบทวนต่อตนเอง ต่อเส้นทางนี้อีกครั้ง

เพราะว่า..เมื่อไรที่เราได้ขาดการใคร่ครวญและทบทวนแล้ว โอกาสของการหลงทางจะเป็นไปได้สูง...

และบนภาระงาน...ที่ได้ทำมากขึ้น โอกาสได้เจอเรื่องราวที่เข้ามากระทบก็มีสูง... "หนทางแห่งการภาวนา" ก็เสมอเหมือนได้ทำงานหนัก พิจารณาหนักมากขึ้น ... สิ่งที่มากระทบกระทั่งนี้ ใจเราจะนำพาไปสู่ความนิ่งเย็นได้มากน้อยเพียงใด... ปฏิปทาเราเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอนไปจากเดิมไหม... วอกแวกไปตามเหตุปัจจัยอื่นไหม...

ณ ตอนนี้ข้าพเจ้ามองว่า มันสำคัญนะ...

ต่อการที่เราต้องนำใจเรากลับมาแนบใจเรา เพราะง่ายและรวดเร็วมากที่ใจของเราจะวิ่งไปตามแรงดึงดูดของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว อารมณ์ บุคคล และสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา

การภาวนาอยู่กับลมหายใจ...

ทำให้เรานำพาเรากลับมาบ้านที่แท้จริงอีกครั้ง...

อันเป็นสภาวะที่เราไม่วิ่งไปตามอารมณ์...ที่ปรากฏ หากแต่อยู่เหนือโลกเหนืออารมณ์นั่นเอง...

 

หมายเลขบันทึก: 321580เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 00:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบพระคุณพี่ปุ๋มค่ะ ที่ช่วยเหลือมาตลอดและขอบคุณแทนเด็ก ๆ พวกนี้เช่นกัน แววตาน้อง ๆ ดู เป็นสุข สดใส มากค่ะ เป็นกำลังใจให้พี่ปุ๋มค่ะ

สวัสดีจ้ะติ๋ว...

ขอบคุณเช่นกันที่ได้เข้ามาในชีวิตให้พี่ได้เรียนรู้ชีวิต อีกหนึ่งชีวิต

บุญนี้คงหนุนนำถึง อ.ตือด้วยนะ ที่ให้โอกาสพี่ได้นำพาติ๋ว... หากว่าเมื่อสักเกือบประมาณสองปีก่อนหาก อ.ตือไม่เอื้อนเอ่ยขึ้นมาถึงแนวทางการช่วยเหลือของติ๋ว...

"ปุ๋มช่วยไอ้ติ๋วมันหน่อย..." เพียงประโยคสั้นๆ ประโยคเดียวถือว่า คือ สัญญาใจนะ อันเป็นสัญญาที่นำพาให้ได้เจอและเรียนรู้เรื่องราวมากมายต่อชีวิตของบุคคลหนึ่งที่เดินไปตามเส้นทางเส้นทางหนึ่ง แต่ใจ...ของเธอนั้นกลับปรารถนาที่อยากจะไปในอีกหนทางหนึ่ง...

เมื่อสักครู่นี้...พี่กวาดใบไม้ใจก็นึกถึง "จุดยืนของตนเองเสมอ" มา ว่าบางคราก็สั่นคลอน แต่ความสั่นคลอนนั้นก็ไม่ได้ทำให้พี่เปลี่ยนแปลงไปจากจุดยืนแห่งความศรัทธานั้นนะ ก็ยังเดินก้าวต่อไป...

หลายคนที่ผ่านเข้ามา ... และจับมือ

และพี่ก็ไม่เคยปล่อยมือจากพวกเขาเหล่านั้น นอกเสียจากพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้ปล่อยมือจากพี่ไปเอง...

เช้านี้...อากาศหนาว และมีลมแรง

แต่...เราก็ก้าวเดินผ่านไปในความมือสลัว เพื่อไปทำหน้าที่ อันเป็นหน้าที่ไม่อาจทราบได้ว่าใครคือ ผู้กำหนด...ก็น่าแปลกเหมือนกันนะ...

Zen_pics_007 

เจ้าค่ะพี่ปุ๋ม อ.ตือ ท่านเป็นผู้ ให้ชีวิตใหม่ ในการทำงาน หากหนูไม่เจอท่าน หนูคงเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่ก็ไม่รู้จะเรียนจบภายใน 5 ปี หรือไม่ แล้ซก็คงจบ แบบงั้น ๆแหละค่ะ ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต

 

แต่พอรู้จักท่าน ท่านเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง สอนทั้งเรื่องงาน ดูแลถามไถ่ เรื่องครอบครัว สิ่งที่ท่านเมตตาสอนหนู ครั้งล่าสุดท่านได้ไปกราบท่านหนู รู้สึกภาคภูมิใจมากค่ะที่ได้บอกท่านว่า

พึ่งรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ อาจารย์สอน มันเอามาใช้ประโยชน์ อย่างไร ก็ตอนมาทำงานนี่แหละค่ะ มาเจอขอจริง มาเจอ โจทย์ จริง ๆ แล้วรู้สึกสำนึกในบุญคุณ ที่อาจารย์เหนื่อยยากสอนหนูมาค่ะ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท