3.5 การจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรม
การที่จะจัดสรรงบประมาณที่มีความเป็นธรรมได้นั้นหน่วยงานต้องใช้เกณฑ์มาตรฐานหรือวิธีการเดียวกันในการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของกลุ่มเป้าหมาย โครงสร้างของหน่วยงาน หรือสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น ถ้ารัฐบาลได้กำหนดผลลัพธ์
ว่าการศึกษาระดับประถมศึกษามุ่งเน้นให้เด็กทุกคน ตั้งแต่อายุ 6 – 12 ปี ได้เข้าเรียนดังนั้นเกณฑ์
การจัดสรรทรัพยากรต้องยึดตามจำนวนเด็กที่มีอายุดังกล่าวทุกจังหวัด แต่ขณะเดียวกันค่าใช้จ่าย
ที่ได้รับจัดสรรจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของจังหวัด
3.6 มีรายละเอียดเพียงพอต่อการควบคุม
ในเอกสารงบประมาณควรระบุเนื้อรายละเอียดเพื่อใช้ในการกำกับติดตาม ควบคุม การทำงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่นรายงานเกี่ยวกับระบบบัญชีเกณฑ์คงค้างผลผลิต ผลลัพธ์ รายงานทางการเงิน ต้นทุนผลผลิตเป็นต้น ข้อมูลดังกล่าว ทำให้ทราบว่า งบประมาณที่ได้ลงทุน
ไปกับผลผลิต การที่ต้องมีรายละเอียดมากเพราะที่ผ่านมางบประมาณที่ได้รับเป็นวงเงินก้อนใหญ่ ไม่มีความชัดเจนว่าใช้จ่ายงบประมาณแล้วผลิตผลงานได้ในระดับใด ดังนั้นการมีรายละเอียดงบประมาณ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการวัดผลงาน
3.7 การเปรียบเทียบผลงานที่ปรากฎในแผนและสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ความสามารถในการเปรียบเทียบผลงานที่ปรากฎ ในแผนและผลงานที่เกิดขึ้นจริง
ที่จะบ่งบอกถึงความรับผิดชอบและความสามารถในการบริหาร การจะทราบได้นั้นต้องมีการวัดผลงานทั้งผลงานและการเงิน แต่สิ่งสำคัญในการเปรียบเทียบผลงานได้นั้นผู้วัดต้องใช้ฐานข้อมูลสารสนเทศและช่วงเวลาเดียวกัน สำหรับช่วงเวลาที่รายงานผลนั้นมีรูปแบบการายงานผลได้ 4 ช่วงเวลา คือ
1. การรายงานระยะปานกลาง คือ รายงานผล 4 ปี คือ ปีงบประมาณที่ผ่านมา
และ 3 ปีย้อน
2 การรายงานผลรายปี เป็นการรายงานผลตามปีงบประมาณ
3. การรายงานผลเป็นช่วงระยะเวลา 4 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน
4. การายงานผลประจำเดือน
การรายงานผลทางการเงิน ควรมีการรายงานทั้ง 4 ช่วงเวลาในส่วนราชการรายงาน ผลงานงานเฉพาะช่วงเวลางบประมาณระยะปานกลาง และการรายงานประจำปีงบประมาณ และประเมินผลรายงาน ได้แก่ ปริมาณ คุณภาพ เวลา ต้นทุน และการเชื่อมโยงสู้ผลลัพธ์
3.8 ความรับผิดชอบงบประมาณ
ผู้บริหารควรจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งในด้านการวางแผนและบริหารงบประมาณ
การส่งมอบผลผลิต การกำกับติดตามผลงาน ดังนั้นความรับผิดชอบของผู้บริหารคือ การกำกับติดตามผลงานงบประมาณที่ได้รับซึ่งเป็นปัจจัยนำเข้ามาบริหารจัดการให้เกิดผลงานตามที่ได้วางแผนกลยุทธ์ไว้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์และผลผลิตที่ต้องการ นอกจากผู้บริหารต้องกระจาย
ความรับผิดชอบผลงานให้ผู้ช่วยได้มี บทบาทร่วมวางแผนงบประมาณ ร่วมรับผิดชอบผลงาน
และทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างผลงาน
3.9 การบริหารเชิงรุก
หน่วยงานควรจะมีรูปแบบการบริหารเชิงรุก โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้แน่ใจว่าใช้ต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ การบริหารเน้นการพัฒนางานในอนาคต เพื่อให้เกิดผลผลิต ผลลัพธ์ โดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุดการบริหารเชิงรุกต้องมีมุมมองที่ไกลและลงมือปฏิบัติให้เกิดผลหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของผลผลิต ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารควรคำนึงถึง คือ
1. ความชัดเจนในความคาดหวังของหน่วยงานของตนเองว่า ผลผลิตคืออะไร ซึ่งแต่ เดิมรู้เพียงแต่ว่า งบประมาณจะต้องจ่ายไปเท่าไร นอกจากนี้ยังต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมาย ของผลผลิต ด้วยว่าคือใคร มีจำนวนเท่าไร
2. ศักยภาพในการบริหารทรัพยากรและผลผลิต ผู้บริหารควรจะมีศักยภาพในการวางแผนและบริหารจัดการงบประมาณ เชิงกลยุทธ์ ความสามารถในการคิดต้นทุนโครงการที่เชื่อมโยง กับผลผลิต มีความรู้เกี่ยวกับการรายงานทางการเงินและงบประมาณ การบริหารทีมงานและ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ความรู้ในเชิงเทคนิคในการพัฒนาผลผลิต และทักษะในการบริหารทรัพยากร มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีภาวะผู้นำมีความสามารถในการปรับเวลาการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง
3. ผู้บริหารต้องมีสารสนเทศเพื่อใช้ในการบริหารตัดสินใจเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น ปริมาณ คุณภาพ เวลา และต้นทุนของผลผลิตค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวต้องจัดเป็นหมวดหมู่ และที่สำคัญผู้บริหารต้องรู้ด้วยว่าข้อมูลต่าง ๆ จะส่งผลผลิตและผลลัพธ์อย่างไร
บรรณานุกรม
เจนรักษา ชัยบุญธรรม. (2545). ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่มีต่อระบบ
การติดตามและประเมินผล ภายใต้ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน. วิทยานิพนธ์
ชัยสิทธิ์ เฉลิมมีประเสริฐ. (2544).ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน. เอกสารประกอบ
การสัมมนาเชิงประสบการณ์ของสถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ. กรุงเทพฯ:
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
.(2544).มาตรฐานทางการเงิน 7 Hurdles กับการจัดทำงบประมาณระบบใหม่.
เอกสารประกอบการสัมมนาเชิงประสบการณ์ของสถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ กรุงเทพฯ:คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย.
ดารัตน์ บริพันธกุล.(2544).ระบบการบริหารโดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์. เอกสารประกอบ
เชิงประสบการณ์ของสถาบันพัฒนานโยบายและการจัดการ. กรุงเทพฯ:คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พสุ เดชะรินทร์. (2545).เส้นทางจากกลยุทธ์สู่การปฏิบัติด้วย Balanced Scorecard และ
Key Performance Indicators. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย.(2542).มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 35
การนำเสนองบการเงิน. กรุงเทพฯ:บริษัท พี.เอ.ลิฟวิ่ง จำกัด.
สุชาดา จันทร์อารีย์. (2543). ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิหลัง ความรู้ความเข้าใจกับความคิดเห็นของ
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณต่อปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับงานงบประมาณ. กรณีศึกษาสำนัก
งบประมาณ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
สุดา ปานบ้านแพ้ว. (2542). ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่มีต่อหลักเกณฑ์
การพิจารณางาน / โครงการใหม่ ปีงบประมาณ 2542 ของสำนักงบประมาณ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
อุษา ภัทรมนตรี. (2543).การตรวจสอบและการควบคุมภายใน: แนวคิดและกรณีศึกษา. กรุงเทพฯ:
ศูนย์การพิมพ์ดิจิตอล.
Hager, G.,& Hodson, A. (2001).Performance – based budgeting:Concepts and
examples, Research Report No. 302 Frankfort, Kentucky.
Welsch, G.,et.al. (1998).Budgeting profit planning and control., NJ : Prentice – Hall.
ไม่มีความเห็น