การศึกษาปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน
ของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน
ผู้วิจัย : สมภพ ล่ำวัฒนพร
ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต วิชาเอกคณิตศาสตร์
มีนาคม 2544
ความสำคัญของปัญหา
วิชาคณิตศาสตร์ได้ถูกบรรจุเป็นวิชาบังคับเรียนไว้ในหลักสูตร ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา สำหรับทุกมหาวิทยาลัยได้จัดรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานเป็นวิชาที่นิสิตนักศึกษาทุกคนที่เรียนสายวิทยาศาสตร์และบางสายของสังคมศาสตร์จะต้องเรียน เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาค้นคว้าในระดับสูงต่อไป
ปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ปรับตัวไม่ทัน ไม่คุ้นเคยกับการเรียนในมหาวิทยาลัยปีแรก ไม่ทำโจทย์แบบฝึกหัด ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ชอบเรียนคำนวณ ทำกิจกรรมมากเกินไป (นิภา ศรีเลณวัติ. 2522 : 61-62) ทั้งยังไม่มีแรงจูงใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เพราะค่าตอบแทนที่จะได้รับไม่ได้มากกว่าคนที่ไม่ได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์ (สิริพร ทิพย์คง. 2541: 27)
วิธีการสอนในมหาวิทยาลัยให้เสรีภาพทางวิชาการแก่ผู้สอน อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับหลักการศึกษา วิธีการสอนการวัดและการประเมินผลโดยตรง แต่จะศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง แล้วมุ่งสอนเนื้อหาให้ชัดเจนเพียงอย่างเดียว นิสิตนักศึกษาที่เรียนดีจะสอบผ่าน ส่วนผู้ที่เรียนไม่ดีจะสอบตก (สิริพร ทิพย์คง. 2541: 27
ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อศึกษาระดับปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน
2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน จำแนกตามตัวแปร วิธีสอบคัดเลือก เพศ และคณะ
3. เพื่อศึกษาความต้องการของนิสิตและแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน
ความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
1. ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาและอุปสรรคของการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานให้ดียิ่งขึ้น
2.สามารถจัดการเรียนการสอนตอบสนองความต้องการของนิสิตส่วนใหญ่ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเรียนการสอน ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
3. เป็นแนวทางในการวิจัยต่อไป
สมมติฐานการวิจัย
1. ปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตอยู่ในระดับปานกลาง
2. นิสิตสอบร่วมและนิสิตโควตามีปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานแตกต่างกัน
3. นิสิตชายและนิสิตหญิงมีปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานแตกต่างกัน
4. นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานแตกต่างกัน
วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน ระดับปริญญาตรี ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาคณ 111 คณิตศาสตร์ 1 และ คณ 112 คณิตศาสตร์ 2 ในภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2543 จำนวน 408 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน ระดับปริญญาตรี ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา คณ 111 คณิตศาสตร์ 1 และ คณ 112 คณิตศาสตร์ 2 ในภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2543 จำนวน 143 คน ผู้วิจัยได้ดำเนินการสุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ โดยจัดประชากรออกเป็นชั้นภูมิแล้วสุ่มตัวอย่างจากนิสิตในแต่ละชั้นภูมิตามสัดส่วน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย
เครื่องมือการวิจัย
แบบสอบถาม
วิธีสร้างเครื่องมือ
1. ศึกษาปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิต มหาวิทยาลัยทักษิน ในปัจจุบัน
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างแบบสอบถาม
3. ดำเนินการสร้างแบบสอบถามให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของการวิจัย
4. นำแบบสอบถามที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเสนอประธานและกรรมการที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ เพื่อตรวจสอบหาข้อบกพร่อง ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขการใช้สำนวนภาษา และพิจารณาถึงการครอบคลุมเนื้อหาของแบบสอบถาม
5. นำแบบสอบถามตามข้อ 4 เสนอผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรง (validity) และแก้ไขปรับปรุง
6. ปรับปรุงแบบสอบถามตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ แล้วนำเสนอประธานและกรรมการที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ตรวจสอบอีกครั้ง แล้วดำเนินการจัดพิมพ์และนำไปทดลองใช้
7. หาความเชื่อมั่น (reliability) ของเครื่องมือโดยนำแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับนิสิตที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน นำผลที่ได้มาตรวจสอบคุณภาพ โดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (alpha coefficient) ซึ่งเป็นค่าที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของเครื่องมือ โดยวิธีของครอนบาค (Cronbach) (บุญชม ศรีสะอาด. 2535: 96) ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92
8. นำแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์แล้วไปดำเนินการจัดพิมพ์ และนำไปเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (Statistical Package for Social Seiences/Personal Computer Plus : SPSS/PC+ ) เพื่อหาค่าสถิติต่อไป
1. สถิติพื้นฐาน
1.1 ค่าคะแนนเฉลี่ย
1.2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2. สถิติที่ใช้หาคุณภาพของเครื่องมือ หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม โดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า ตามวิธีของครอนบาค
3. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน
3.1 การทดสอบที
3.2 การทดสอบเอฟ และเมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของค่าคะแนนเฉลี่ยของระดับปัญหาการเรียน จะทดสอบตามวิธีของนิวแมน-คูลส์
สรุปผลการวิจัย
1. ระดับปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน โดยภาพรวมและแต่ละด้าน อยู่ในระดับปานกลาง
2. ระดับปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน จำแนกตามตัวแปร วิธีสอบคัดเลือก พบว่า โดยภาพรวมและแต่ละด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
3. ระดับปัญหาของการเรียนคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน จำแนกตามตัวแปร เพศ พบว่า โดยภาพรวมและแต่ละด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติยกเว้นปัญหาด้านการประเมินผลการเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ระดับปัญหาการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิน จำแนกตามตัวแปร คณะ พบว่าโดยภาพรวม ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ด้านการประเมินผลการเรียน และด้านปัจจัยสนับสนุนการเรียนการสอน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในขณะที่ระดับปัญหาด้านการเรียนของนิสิตและด้านอาจารย์ผู้สอน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
เป็นงานวิจัยที่ดีมากๆเลยที่เดียวค่ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ ถ้าไม่มีงานวิจัยชิ้นนี้คงไม่มีแนวทางทำตัวอย่างงานวิจัยส่งอาจารย์แน่นอนค่ะ เป็นวิชาที่ยากมากจริงๆ T T