งานวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะและความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต กรณีศึกษาบริษัท พีเค จำกัด (ชื่อสมมติ) ที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง
ผู้วิจัย ประพันธ์ เกิดสุขนิรันดร์
ปีที่วิจัย 2551
วัตถุประสงค์การวิจัย
1.เพื่อศึกษาระดับสมรรถนะในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต บริษัท พีเค จำกัด (ชื่อสมมติ) ในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง
2.เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต บริษัท พีเค จำกัด (ชื่อสมมติ) ในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง
3.เปรียบเทียบระดับสมรรถนะในการทำงานและระดับความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิตที่มีปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน
สมมติฐานการวิจัย
1. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพการสมรส ระดับการศึกษา
ระยะเวลาการทำงาน รายได้ต่อเดือน และ ตำแหน่งงานที่แตกต่างกันส่งผลต่อระดับสมรรถนะใน
การทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต บริษัท พีเค จำกัด (ชื่อสมมติ) ที่แตกต่างกัน
2. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ สถานภาพการสมรส ระดับการศึกษา ระยะเวลาการทำงาน
รายได้ต่อเดือน และ ตำแหน่งงานที่แตกต่างกันส่งผลต่อระดับความพึงพอใจในการทำงานของ
พนักงานฝ่ายผลิต บริษัท พีเค จำกัด (ชื่อสมมติ) ที่แตกต่างกัน
กลุ่มตัวอย่าง
ขนาดกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie and Morgan (1970, p. 608) ได้ขนาด
กลุ่มตัวอย่างในการสุ่มตัวอย่างเป็นจำนวนทั้งสิ้น 137 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก
การวิจัยเชิงปริมาณ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจาก
หัวข้อที่ใช้ในการประเมินพนักงานในบริษัทและบางส่วนนำจากงานวิจัยของท่านอื่น ๆ มาปรับใช้ในงานวิจัยฉบับนี้ได้แก่ ปิยวัฒน์ บัวขาว (2547) ชลิดา คงเมือง (2548) สิทธิศักดิ์ วงศ์ศิริภัทร์ (2547)
เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละหัวข้องานวิจัยฉบับนี้โดยแบ่งคำถามออกเป็น 4 ส่วน
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์ตามขั้นตอน ดังนี้
1. จัดเตรียมแบบสอบถามให้เพียงพอต่อจำนวนกลุ่มตัวอย่าง
2. นำแบบสอบถามออกเก็บข้อมูล โดยทิ้งแบบสอบถามให้ตอบคำถาม จำนวน 1 วัน
พร้อมนัดเวลามาเก็บ หากกลุ่มตัวอย่างพร้อมจะเก็บแบบสอบถามคืนในเวลานั้นก็ได้
3. ใช้เวลาในการเก็บระหว่าง 1 กุมภาพันธ์ 2551 ถึง 27 เมษายน 2551
4. นำแบบสอบถามที่เก็บได้และคัดเลือกฉบับที่สมบูรณ์มาทำการลงรหัสข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการทดสอบ
ค่าร้อยละ , ความถี่ , ค่าพิสัย , T-Test , ANOVA
การหาคุณภาพของเครื่องมือ
1. การตรวจสอบหาความเที่ยงตรงของเครื่องมือ โดยใช้วิธี Face Validity เป็นการนำ
แบบสอบถามเสนอท่านอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัย เพื่อตรวจสอบความ
ถูกต้องของภาษา เนื้อหาและให้คำแนะนำในการปรับปรุงแก้ไข
2. หาความเชื่อมั่นของเครื่องมือ ผู้ศึกษานำแบบสอบถามไปทำการทดสอบก่อนใช้จริง
(Pre Test) โดยวิธีการใช้แบบสอบถามจำนวน 30 ชุด เป็นการวัด แล้ววัดหาค่าความเชื่อมั่น
(Reliability) โดยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบัค โดยมีรายละเอียดการวิเคราะห์ความเชื่อถือ
ได้ของตัววัดระดับสมรรถนะในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิตและความพึงพอใจของพนักงาน
ฝ่ายผลิต
2.1 ความเชื่อถือได้ของมาตรวัดระดับสมรรถนะในการทำงาน
2.2 ได้วิเคราะห์ความเชื่อถือได้ (Reliability Analysis) ของมาตรวัดระดับสมรรถนะ
ในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต
สรุปผลการวิจัย
1. ลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 72.3 มีอายุระหว่าง 25-
29 ปี ร้อยละ 62.8 และมีสถานภาพการสมรสเป็นโสด ร้อยละ 68.6 ส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับ
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 54.7 มีระยะเวลาการทำงานอยู่ในช่วง 2-3 ปี ร้อยละ 79.6 ตำแหน่ง
พนักงานมากที่สุด ร้อยละ 78.8 และมีรายได้รวมค่าล่วงเวลาต่อเดือน 5,000 -10,000 บาท ร้อยละ
75.9
2. พนักงานฝ่ายผลิตโดยเฉลี่ยมีสมรรถนะในการทำงานอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยมีค่า
คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.05 นอกจากนี้หากเมื่อพิจารณาในแต่ละด้านปรากฏว่า ด้านที่มีคะแนนต่ำสุด
หรือด้านที่ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วนคือด้านความรู้ โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.79 รองลงมาได้แก่
ด้านทักษะ ด้านพฤติกรรม และด้านความเข้าใจในงานที่ปฏิบัติตามลำดับ
3. พนักงานฝ่ายผลิตมีความพึงพอใจในงานที่ทำค่อนข้างสูง โดยมีค่าเฉลี่ยของความพึงพอใจเท่ากับ 3.46 คะแนน โดยเมื่อพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละด้านของความพึงพอใจ โดยด้านที่พนักงานฝ่ายผลิตมีความพึงพอใจสูงสุด ได้แก่ ด้านการยอมรับนับถือ โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.76คะแนน รองลงมาได้แก่ ด้านการบังคับบัญชา ด้านนโยบายและการบริการ และด้านความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.75 3.64 และ 3.59 ตามลำดับ นอกจากนี้ด้านที่พนักงานมีความพึงพอใจต่ำที่สุดได้แก่ ด้านลักษณะงานและความรับผิดชอบ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.21 รองลงมาได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านโอกาสความก้าวหน้าในงาน และด้านค่าตอบ
แทนและสวัสดิการ โดยมีค่าเท่ากับ 3.24 3.26 และ 3.30 ตามลำดับ
4. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพการสมรส ระดับการศึกษาสูงสุด
ระยะเวลาการทำงาน รายได้ต่อเดือน และตำแหน่งปัจจุบัน ต่างกันส่งผลต่อระดับสมรรถนะใน
การทำงานของพนักงานฝ่ายผลิต ไม่แตกต่างกัน
สวัสดีค่ะ
*** มาเรียนรู้งานวิจัย ขอบคุณค่ะ